ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2568 แต่แท้จริงแล้ว สงครามความหมายได้เริ่มต้นขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว
ฝ่ายค้านโดยเฉพาะ พรรคประชาชน วางเกมให้การอภิปรายครั้งนี้กระทบไปถึงบุคคลในครอบครัวของนายกฯ โดยยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ระบุว่า
“นางสาวแพทองธาร ชินวัตร…ยังสมัครใจยินยอมให้ ‘บุคคลในครอบครัว’ ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมี ‘บุคคลในครอบครัว’ เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ”
เดิมที ญัตติฉบับแรกมีการระบุชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อย่างตรงไปตรงมา แต่ถูกแก้ไขโดยการขีดฆ่าและแทนที่ด้วย “บุคคลในครอบครัว” เพื่อให้สามารถอภิปรายได้อย่างไม่ติดเงื่อนไขด้านข้อบังคับการประชุม
ฝ่ายค้าน ไม่ได้รอให้ถึงวันอภิปรายก็เปิดเกมรุกก่อน ด้วยการใช้ “วาทกรรมเชิงโจมตี” ผ่านโซเชียลมีเดีย
พรรคประชาชนโพสต์ข้อความที่ชูคำว่า “ดีลแลกประเทศ” ซึ่งเป็นคำที่ไม่ใช่แค่การกล่าวหาธรรมดา แต่เป็นการกำหนดกรอบความคิดให้ประชาชนเชื่อว่า มีข้อตกลงลับที่ส่งผลเสียต่อประเทศ โดยโยงไปถึงการกลับมาของบุคคลในครอบครัวของนายกฯ
“เมื่อช้างสารดีลกัน ประชาชนก็แหลกลาญ”
นี่คือการดัดแปลงสำนวนไทยที่เดิมใช้ว่า “เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ” ซึ่งหมายถึง เมื่อผู้มีอำนาจต่อสู้กัน ผู้ที่ได้รับผลกระทบกลับเป็นประชาชนตัวเล็กๆ
แต่พรรคประชาชนกลับเปลี่ยนจาก “ชนกัน” เป็น “ดีลกัน” เพื่อชี้ให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว “ทักษิณ-รัฐบาลเพื่อไทยกับอำนาจเก่า” ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกันเลย แต่กลับมีการจับมือกันแบบลับๆ ในขณะที่ประชาชนคือฝ่ายที่ต้องแบกรับความเสียหายทั้งหมด
วาทกรรมนี้ไม่ใช่แค่การโจมตีแบบไร้ทิศทาง แต่เป็นการปูพื้นฐานให้ประชาชนตั้งคำถามว่า “มีดีลอะไรเกิดขึ้น?” และ “ข้อตกลงลับนั้นส่งผลเสียต่อประเทศอย่างไร?”
พรรคประชาชนพยายามขยายประเด็นนี้ไปไกลกว่าตัวบุคคล โดยโยงเข้ากับประเด็นเศรษฐกิจและนโยบาย เช่น ดิจิทัลวอลเล็ตที่เปลี่ยนไปจากนโยบายหาเสียง เศรษฐกิจไทยที่โตต่ำที่สุดในอาเซียน ปัญหาการว่างงาน ค่าครองชีพสูง รวมไปถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปกองทัพ
ทั้งหมดนี้คือการ “ปูพรมก่อนถึงวันซักฟอก” เพื่อให้ประชาชนเชื่อว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้บริหารประเทศเพื่อประชาชน แต่เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม
ขณะที่พรรคประชาชนเดินเกมเชิงรุก พรรคเพื่อไทยเลือกใช้ “กลยุทธ์เย้ยหยัน” ลดทอนความน่าเชื่อถือของฝ่ายค้าน โพสต์ตอบโต้กลับไปทันที
“ไปไหนอ่ะ กลับมานี่!”
ข้อความสั้นๆ นี้อาจฟังดูขบขัน แต่แท้จริงแล้วเป็นการใช้จิตวิทยาผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้การโจมตีของพรรคประชาชนดูคล้ายกับ “ความฟุ้งซ่าน” หรือ “ความหลงผิด”
พรรคเพื่อไทยต้องการให้ประชาชนรู้สึกว่าฝ่ายค้านกำลัง “สร้างเรื่องเกินจริง” และหลุดออกจากความเป็นจริงของประเทศ
“อย่าอภิปรายเป็นฝ่ายแค้น”
พรรคเพื่อไทยใช้คำนี้เพื่อตอบโต้ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชน ที่พยายามนำเรื่องการอภิปรายมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อ “แก้แค้นพรรคเพื่อไทย” ซึ่งข้ามขั้วและร่วมมือกับอำนาจเก่าตั้งรัฐบาลใหม่
แทนที่จะมุ่งมั่นตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างบริสุทธิ์ใจ ฝ่ายค้านกลับใช้เวทีนี้เพื่อสร้างภาพลักษณ์การแก้แค้นทางการเมือง ที่ประชาชนอาจเริ่มเชื่อว่าไม่ใช่การทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่เป็นการตอบโต้ทางการเมืองส่วนตัว
“หลงประเด็น หลงประเทศ หลงวาทกรรม หลงตัวเอง”
โดยเฉพาะคำว่า “หลงประเทศ” นั้นมีน้ำหนักพิเศษ เพราะเป็นมากกว่าการกล่าวหาว่าฝ่ายค้าน “พูดผิดประเด็น” แต่ยังหมายถึง “การเสนอภาพของประเทศที่บิดเบือนไปจากความจริง”
นี่อาจเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการที่พรรคประชาชนกล่าวหาว่ามี “ดีลลับที่ทำลายประเทศ” พรรคเพื่อไทยต้องการให้ประชาชนรู้สึกว่า “สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดมา ไม่มีหลักฐานรองรับ” และเป็นเพียง “การสร้างวาทกรรมโจมตีรัฐบาล โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง”
ศึกครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการตั้งคำถามถึงการบริหารประเทศของรัฐบาล แต่ยังสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของผู้มีอำนาจเบื้องหลัง โดยเฉพาะบุคคลในครอบครัวที่อาจมีบทบาทเบื้องหลังในทุกการตัดสินใจสำคัญ ๆ ของรัฐบาล
วันที่ 24 มีนาคม 2568 จะเป็นจุดชี้ขาดในศึกครั้งนี้ ว่า “ดีลแลกประเทศ” หรือ “หลงประเทศ” คือสิ่งที่ประชาชนจะเลือกเชื่อและยอมรับ แต่ที่แน่ๆ คือ ศึกซักฟอกครั้งนี้จะตัดสินว่าใครที่กำลังถืออำนาจจริงในประเทศ
เดิมพันใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้แค่เกี่ยวกับการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและบุคคลในครอบครัว แต่ยังสะท้อนถึงความหมายของอำนาจที่แท้จริงในประเทศไทยว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจทั้งหมดในประเทศนี้!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน. ค้านนัดโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หลังปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ
"ณัฐวุติ" ย้ำโหวตแก้ รธน. วาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ เสี่ยงผิด MOA เชื่อไม่มีเงื่อนไขให้ สว. ควํ่าวาระ 3 เผย หลังโหวตเสร็จ ปชน. เตรียมชง 2 คำถามประชามติให้สภาฯ เคาะทันที
🛑LIVE ร้องข้ามกำแพงคุก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ร้องข้ามกำแพงคุก!! ห้องข่าวไทยโพสต์ : ประจำวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
สส.ปชน. เรียกร้องรัฐบาลเยียวยาน้ำท่วมภาคกลางให้มีมาตรฐานเดียวกับภาคใต้
"เต้ ทวิวงศ์" จี้รัฐบาลอย่า 2 มาตรฐาน ช่วยน้ำท่วมใต้แล้ว หันมาช่วยน้ำท่วมภาคกลางด้วย บอก "ภราดร" ลองกลับมาถามคนอ่างทอง หากรอการเยียวยาเป็นลำดับถัดไปไหวหรือไม่ เหตุอยุธยาจมน้ำมา 4-5 เดือนแล้ว คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ชี้ ชาวบ้านต้องทำมาหากิน ควรมีมาตรการชดเชย-ช่วยเหลือเต็มรูปแบบเหมือนกัน
🛑LIVE คิด - วิเคราะห์ - แยกแยะ!! ภาพร่วมเฟรม 'เจ้าพ่อสแกม' | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ :วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
บก.ลายจุด อวยว่าที่นายกฯ ฝึกงานล้างบ้าน เก็บขยะ มีพัฒนาการที่ดี ลงท้ายแขวะ 'อภิสิทธิ์'
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด โพสต์ภาพนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กำลังล้างบ้านน้ำท่วมที่หาดใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า ใครทนอ่านเรื่องส้มไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน


