วุุฒิสภาถกญัตติด่วน ยำเละรัฐบาลขาดประสิทธิภาพรับมือแผ่นดินไหว ระบบแจ้งเตือนภัยตั้งงบประมาณไว้ตั้งแต่ปี 67 แต่ไม่คืบหน้า แขวะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังแจ้งเร็วกว่า ข้องใจตึกถล่มอาจมาจากการคอร์รัปชัน 'นันทนา' ซัดนายกฯไร้เดียงสา ไม่นำประสบการณ์จากยุคพ่อ-อา มาปรับใช้อย่างเป็นมืออาชีพ
31 มีนาคม 2568 – ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง ขอให้ที่ประชุมพิจารณากรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา
น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างรุนแรง แต่กลับไม่มีการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนอย่างทันท่วงที ทั้งที่ประเทศไทยได้ลงทุนในระบบแจ้งเตือน Cell Broadcast รวมกว่า 1,074 ล้านบาท ตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิในปี 2547 แต่ยังคงไม่คืบหน้า
“ช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหว ผมเห็นกับตาว่าตึกถล่ม และน้ำกระฉอกจากตึกเต็มไปหมด คนวิ่งหนีตึกลงมาเหมือนในภาพยนตร์ ผมเชื่อว่าประชาชนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบแจ้งเตือนภัยของประเทศไทย” น.ต.วุฒิพงศ์กล่าว และว่า ขณะที่ไม่มีการแจ้งเตือนทันที แต่หลังจากผ่านไป 5-6 ชั่วโมงกลับได้รับข้อความแจ้งเตือน ซึ่งพบว่า มิจฉาชีพสามารถส่งข้อความได้เร็วกว่าและยังส่งลิงก์หลอกลวงตามมาอีกด้วย
ด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส อภิปรายอย่างดุเดือดว่า แผ่นดินไหวที่ผ่านมาเปลือยเปล่าระบบราชการไทยและรัฐบาลอย่างชัดเจนที่สุด จนทำให้คนไทยตาสว่างกันเลยทีเดียว
"รัฐบาลไม่อาจแสดงความไร้เดียงสา ปฏิเสธความรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะเกิดเป็นครั้งแรก ถ้าจะว่าไปแล้วครอบครัวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เคยเผชิญวิกฤตตั้งแต่รุ่นพ่อ คือ เหตุการณ์สึนามิ รุ่นอาเจอน้ำท่วมใหญ่ มาถึงรุ่นนายกฯ ควรนำประสบการณ์การบริหารภาวะวิกฤติมาใช้ได้บ้าง แต่กลับหาความเป็นมืออาชีพไม่มี"
เธอ กล่าวต่อว่าการสื่อสารในภาวะวิกฤตเป็นเรื่องที่รัฐบาลทำช้าและทำน้อยเกินไป เพราะทันทีที่เกิดแผ่นดินไหว รัฐต้องแจ้งต่อประชาชนให้ทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น รัฐบาลต้องเตือนภัยประชาชน แต่รัฐบาลไม่เคยสื่อสารให้ประชาชนอุ่นใจ มีแต่คอลเซ็นเตอร์เท่านั้น ที่ทราบว่ารัฐบาลนี้ได้ตั้งงบประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อสร้างระบบเตือนภัย แต่สิ่งที่นายกฯ บอกคือสั่งการแล้วแต่ระบบไม่ออก ทำให้เห็นว่าปัญหาใหญ่ขนาดนี้ หน่วยงานภาครัฐเกี่ยงกันทำงานอีก
"มีกระแสข่าวว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตทั้ง 2 ค่าย พร้อมส่ง SMS แต่ กสทช. และ ปภ.ไม่พร้อม ไม่รู้ว่าจะส่งข้อความอะไร มัวแต่ลังเลไป 23 ชั่วโมงผ่านไป ดิฉันได้รับ SMS ถึงวิธีการปฏิบัติตัวหากเกิดอาฟเตอร์ช็อก ดิฉันไม่แน่ใจว่า SMS นี้ ท่านส่งมาเตือนตัวเองหรือไม่ ให้รวบรวมสติแล้วรีบส่งข้อความอย่างเร็วไปให้ประชาชนรับรู้” น.ส.นันทนา กล่าว
ขณะที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. อภิปรายวว่า จากการตรวจสอบของงบประมาณตามกฎหมายงบประมาณปีที่ผ่านมา ส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารภัย (ปภ.) พบการตั้งงบประมาณเพื่อระบบแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตั้งงบผูกพันตั้งแต่ปี 67-69 กว่า 269 ล้านบาท และยังมีงบประมาณเพื่อสำหรับกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว ในกรมอุตุนิยมวิทยา สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ซึ่งระบุว่าจะมีเครือข่ายสมรรถนะสูง ตรวจเฝ้าระวังแผ่นดินไหว และสึนามิ ตั้งงบไว้ 271 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 67-69
นายเทวฤทธิ์ กล่าวอีกว่าแม้จะมีการชี้แจงถึงระบบเซลบรอดเคส ปลายไตรมาส สองของปีนี้ ตั้งงบไว้ปี 2567 แต่ระบบแจ้งเตือนทางโทรศัพท์และการเฝ้าระวัง ทำไมถึงปล่อยให้ระบบเตือนภัยบกพร่องซึ่งระบบดังกล่าวควรเร่งรัด หากรอไปถึงปลายไตรมาสสองคงไม่ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากที่สว.จะอภิปรายถึงระบบเตือนภัยของรัฐบาลที่ล้มเหลวและไม่ทันต่อการแจ้งเตือนช่วงเกิดภัยพิบัติแล้ว ยังอภิปรายถึงการก่อสร้างอาคารที่มีผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นอาคารของส่วนราชการ เช่น อาคารสตง. อาคารศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ อาคารสำนักงานศาล
จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบรายละเอียด เพราะกังวลว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแบบก่อสร้าง การแก้ไขเหล็กที่ใช้ก่อสร้างจนทำให้อาคารไม่สามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้
เช่น นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สว. อภิปราย เชื่อว่ามีการคอร์รัปชันก่อสร้างตึกสตง.แห่งใหม่ แต่ไม่มีใครกล้าหาญจะพูด เพราะระบบอุปถัมภ์ค้ำคอ ตนขอเตือนไปยังหน่วยงานราชการว่าไม่ควรเพิกเฉย ละเลยสิ่งผิด ทั้งนี้อาคารที่มีปัญหานั้นส่วนใหญ่เป็นตึกของราชการ นอกจากนั้นแล้วในส่วนของอาคารรัฐสภามีหลายอย่างที่ไม่ชอบมาพากล แต่นิ่งเฉย
“วันนั้นดิฉันอยู่ในเหตุการณ์ที่รัฐสภา ไม่พบเสียงเตือน และต้องหนีลงบันไดหนีไฟ ซึ่งป้ายเตือนภัยสำคัญ ควรมีกล่องไฟแจ้งทางหนีไฟ ดิฉันลงบันไดหนีไฟ เพิ่งทราบจุดของบันไดหนีไฟ และเพิ่งทราบว่าบันใดหนีไฟสร้างด้วยไม้สักอย่างดี ขณะที่เพดานของห้องประชุมเป็นแผ่นไม้ หากเกิดอะไรขึ้นและตกลงมา ไม่มีใครทันใส่หมวกนิรภัยแน่นอน” นางประทุม กล่าว
หลังสมาชิกอภิปรายแสดงความคิดเห็นเสร็จสิ้น ที่ประชุมให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ดำเนินการส่งเรื่องไปยังครม.รับทราบ และมอบหมายให้คณะกรรมาธิการ(กมธ.)บริหารราชการแผ่นดินวุฒิสภาไปศึกษาเพิ่มเติม และเมื่อพิจารณาแล้วเสร็จให้เสนอผลการพิจารณาต่อที่ประชุมวุฒิสภาต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยกเลิก MOU 'เจ้ากรมแผนที่ทหาร-นักวิชาการ' สะท้อนต่างมุม
วงเสวนาไทย–กัมพูชาสะท้อนต่างมุม “เจ้ากรมแผนที่ทหาร” ชี้ปัญหาเขตแดนเป็นมรดกยุคอาณานิคม ย้ำ MOU คือกลไกแก้ปัญหาที่สั่งสมกว่า 20 ปี ขณะที่ “สว.ชิบ” เปิด 8 เหตุผล กมธ.วุฒิสภา หนุนยกเลิก MOU 2544 ป้องกันไทยเสียผลประโยชน์ทางทะเล
สภาสูงตามบี้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นเจ้าภาพซีเกมส์
'กมธ.ติดตามงบประมาณ สว.' สอบเจ้าภาพ 'ซีเกมส์'ใช้งบคุ้มค่าหรือไม่ ด้าน 'กกท.'แจง เหตุใช้งบกลาง เพราะเงินที่มีไม่ครบถ้วน 'ภิญญาพัชญ์' เผยเรียกแจงเพิ่มสัปดาห์หน้าทำไมเปลี่ยนออแกไนซ์กลางคัน
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง
'นิกร' ชี้มาตรา 256/28 จุดชี้เป็นชี้ตายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
'นิกร' ห่วง มาตรา 256/28 ร่างแก้ไข รธน. คือจุดเป็น-จุดตาย สำเร็จ-ล้มเหลว
ดร.ณัฏฐ์ ผ่าเกมแก้รธน. วันรัฐธรรมนูญภายใต้อำนาจกลุ่มการเมือง
นักกฎหมายมหาชนชี้ ครบรอบวันรัฐธรรมนูญปีที่ 93 ประเทศยังติดหล่มอำนาจกลุ่มผลประโยชน์ เกมแก้รัฐธรรมนูญถูกคุม
ดร.ณัฏฐ์ ผ่าเกมแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 คือดักทาง ยุบสภาปี 68 เป็นศูนย์
นักกฎหมายมหาชนชี้ แก้รัฐธรรมนูญแม้ผ่านวาระ 2 ไม่ยาก แต่ต้องแช่แข็งร่าง 15 วันก่อนขึ้นวาระ 3 ทำเกมยุบสภาไร้ทางเกิดขึ้นภายในปีนี้ ขณะตัวแปรชี้ชะตาอยู่ที่เสียง สว. สีน้ำเงิน ในขั้นสุดท้ายก่อนประชามติ

