ศีลธรรมปลอมแห่งหอคอยงาช้าง: เมื่อคำว่า 'คลั่งชาติ' กลายเป็นอาวุธย่ำยีคนรักแผ่นดิน

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณ ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี กำลังเผชิญ ความตึงเครียดรุนแรง ทั้งในมิติการเมืองและความมั่นคง ซึ่งสะท้อน ปัญหาข้อพิพาทเชิงประวัติศาสตร์ ที่ฝังรากลึกระหว่างสองประเทศ

การที่รัฐบาลกัมพูชาเตรียมยื่นฟ้องต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อเรียกร้องอธิปไตยในพื้นที่พิพาท ยิ่งตอกย้ำว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มิใช่เรื่องเล็ก หากแต่เป็น การท้าทายบูรณภาพแห่งดินแดนไทย อย่างเปิดเผยและเป็นระบบ

แม้ยังไม่มีการประกาศสงครามเต็มรูปแบบ แต่ การปะทะชายแดน การเคลื่อนกำลัง และการขึ้นป้ายอาณาเขตใหม่ของกัมพูชา ล้วนเป็นสัญญาณว่า ข้อพิพาทนี้รุนแรงเกินจะเพิกเฉย และการเตรียมยื่นฟ้องต่อองค์กรระหว่างประเทศจึงไม่ใช่แค่กระบวนการทางกฎหมาย แต่คือ เครื่องมือบั่นทอนอธิปไตยไทยอย่างเป็นระบบ

ในภาวะเช่นนี้ ประชาชนไทยจำนวนมากแสดงความห่วงใย และตั้งคำถามถึง ความกล้าหาญของรัฐบาล ในการปกป้องแผ่นดิน

แต่แทนที่เสียงเหล่านี้จะได้รับการรับฟัง กลับถูกเหยียดหยามผ่านโลกออนไลน์ว่าเป็น “คลั่งชาติ” หรือ “อยากให้เกิดสงคราม” ราวกับว่า ความรักแผ่นดินคืออาชญากรรมทางศีลธรรม

แท้จริงแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการสงคราม แต่ต้องการ รัฐบาลที่ยืนหยัดต่อหลักอธิปไตย ไม่ใช่ผู้นำที่ อ่อนข้อเพราะเกรงใจความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือไหวเอนตามแรงกดดันทางกฎหมายจากต่างชาติ

คำว่า “คลั่งชาติ” จึงกลายเป็น วาทกรรมทำลายเจตจำนงแห่งชาติ โดยเฉพาะเมื่อออกจากปากของผู้ที่อ้างตนว่าอยู่ใน แวดวงวิชาการ

ตัวอย่างหนึ่งคือคำพูดของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่โพสต์ว่า “ไม่มีสงครามโว้ย เป็นแค่การปะทะชายแดน ทหารฉวยโอกาสสร้างคะแนน มีคนโง่เฮตามไปด้วย” คำพูดนี้ไม่เพียง ลดทอนความจริงเชิงยุทธศาสตร์ หากยัง ดูแคลนประชาชนผู้ห่วงแหนแผ่นดิน อย่างน่าหดหู่

การละเมิดชายแดนคือการละเมิดอธิปไตย ซึ่งไม่มีประเทศใดในโลกอธิบายได้ด้วย ตรรกะเย้ยหยัน หรือรับมืออย่าง เยือกเย็นตามตำรา

ในภาวะที่ รัฐบาลไร้ท่าทีชัดเจน กลับเป็น กลุ่มนักวิชาการและปัญญาชน ที่โต้กลับประชาชนด้วย ศีลธรรมปลอม ที่แยกขาดจาก บริบทจริงของพื้นที่ชายแดน

คนกลุ่มนี้อ้างความ “ก้าวหน้า” แต่กลับนิยาม “ประชาธิปไตย” โดยไม่ฟังเสียงส่วนใหญ่ ใช้ ศีลธรรมปลอมจากหอคอยงาช้าง มา เหยียบย่ำผู้รักชาติในนามของ “ความสันติ”

ชนชั้นกลางในเมือง ที่รายล้อมด้วยข้อมูลจาก ห้องเรียนและโซเชียลมีเดีย มักมอง คนชายแดนที่รักชาติ ว่า “โลว์คลาส” หรือ “ตกยุค” โดยไม่เข้าใจว่า อธิปไตยไม่ได้อยู่ในหนังสือ หากแต่อยู่ในดินแดนที่เหยียบยืน

ตลอดศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบันในศตวรรษที่ 21 โลกยังเต็มไปด้วยตัวอย่างของประเทศที่ลุกขึ้นปกป้องดินแดนของตน เช่น อังกฤษในสงครามฟอล์กแลนด์ ฟินแลนด์ในสงครามฤดูหนาว เวียดนามใต้ในช่วงสงครามเวียดนาม และยูเครนที่ต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียในยุคปัจจุบัน

ไม่มีประเทศใดในโลกดูแคลนความหวงแหนผืนแผ่นดิน แต่ในไทยกลับมีประชาชนที่ ถูกด่าทอ เมื่อแสดงออกถึง ความห่วงใยประเทศชาติ

ในทางตรงกันข้าม นักวิชาการบางคน เช่น ศ.ดร. พวงทอง ภวัครพันธุ์ กลับออกมาวิจารณ์กองทัพและเรียกร้องให้ ลดบทบาททหาร โดยเน้น การเจรจาเป็นหลัก พร้อมเตือนว่าแนวคิด “ชาตินิยมสุดโต่ง” เคยทำให้ไทย เสียภาพลักษณ์ในเวทีโลก

แม้คำเตือนนี้มีมิติที่น่าคิด แต่กลับ มองข้ามความจริงเชิงยุทธศาสตร์ ว่าเมื่อ คู่กรณีใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือรุก การนิ่งเฉยหรือถอยร่นก็คือการเปิดช่องให้อธิปไตยถูกรุกราน

การเจรจาจึงต้องมี “หลังบ้าน” ที่เข้มแข็ง ซึ่งรวมถึง กองทัพที่มีขวัญกำลังใจ ไม่ใช่การลดทอนกองทัพในนามของ ศีลธรรมที่ไม่มีรากฐานจากพื้นที่

เมื่อกัมพูชา เดินเกมเชิงรุก ไทยไม่อาจใช้เพียง ถ้อยคำแห่ง “สันติ” มาหลอกตนเอง แต่ต้อง เสริมกำลังทางการทูต กฎหมาย และความมั่นคง

หากประชาชนที่เรียกร้องให้รัฐปกป้องดินแดนยังถูกดูแคลนว่า “คลั่งชาติ” ก็เท่ากับเรากำลัง ปิดกั้นเสรีภาพในการหวงแหนอนาคตของชาติ

ความจริงที่ไม่อยากยอมรับ คือ ทหารชายแดนคือผู้ ปกป้องชีวิตของชาวบ้านจากการรุกล้ำ พวกเขาไม่ใช่ เครื่องมือทางการเมือง ตามที่ถูกกล่าวหา แต่คือ แนวหน้าแห่งอธิปไตย ที่เผชิญศึกหลายด้าน

เมื่อคำว่า “คลั่งชาติ” กลายเป็น อาวุธป้ายสีคนรักแผ่นดิน สังคมไทยก็กำลังเข้าสู่ยุคที่ ความห่วงใยต่อชาติกลายเป็นข้อหา และ ความรักแผ่นดินถูกแปรเป็นความน่ารังเกียจ ด้วยวาทกรรมของชนชั้นปัญญาชนที่ ไม่เคยยืนอยู่กลางสมรภูมิ แต่กลับ ยึดพื้นที่ศีลธรรมผ่านปลายปากกา

ชายแดนไทย–กัมพูชาในวันนี้ จึงไม่ใช่เพียง เส้นแบ่งเขตดินแดน แต่คือ แนวรบระหว่างผู้ยืนหยัดเพื่ออธิปไตย กับผู้ยกตนเหนือแผ่นดิน แล้วเหยียบย่ำความห่วงใยของประชาชนด้วย วาทกรรมแห่งความเจริญที่ว่างเปล่า

และเมื่อเสียงจากปลายแดนถูกกลบด้วย คำเหยียดหยามจากหอคอยสูงส่ง สังคมเราก็ถึงคราวต้องตั้งคำถามว่า — นี่คือประชาธิปไตย หรือคือ “ศีลธรรมปลอมแห่งหอคอยงาช้าง” ที่ใช้คำว่า ‘คลั่งชาติ’ เป็นอาวุธย่ำยีคนรักแผ่นดิน?

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กองทัพ ย้ำ 3 เงื่อนไขหยุดยิง กัมพูชาต้องทำจริงจัง

คอนเฟิร์ม ยกเลิกเคอร์ฟิว จ.ตราด กองทัพย้ำให้จับตากัมพูชาตอบรับ 3 เงื่อนไขฝ่ายไทยหยุดยิงหรือไม่ แจงเฟกนิวส์ จับทหารไทย-ยึดประสาทตาควาย

ผู้อพยพบุรีรัมย์คิดถึงบ้าน วอนยุติสงคราม ชี้เจรจาไม่จบก็ให้รบให้รู้แพ้ชนะ

ชาวบ้านแนวชายแดนอพยพหนีการสู้รบมาอยู่ศูนย์พักพิงเกือบ 10 วัน อยากกลับบ้านโดยเร็ว ขอรัฐตัดสินใจแก้ปัญหาไทย-กัมพูชาให้ชัด ยายสวดภาวนาขอทหารไทยปลอดภัยกลับครอบครัว พร้อมเสียงสะท้อนไม่อยากเห็นสงครามยืดเยื้อถึงรุ่นลูกหลาน

ทอ.เผยหย่อนไข่ทำลายคลังจรวดบีเอ็ม-21 จำนวนมาก ยันลดขีดความสามารถเขมรได้

พลอากาศโทจักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ย้ำว่าในช่วงที่ผ่านมาฝั่งกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์เป็นจำนวนมากว่า การปฏิบัติก

นายกฯ ถก สมช. รถขนน้ำมันช่องเม็กไปลาว ไม่เลี้ยวขวาเข้าเขมร โต้ใช้อาวุธหนักไล่ไปดูคลิปใครรุนแรงกว่า

ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมสภ

อ่านให้จบ! เพจ 'ม.ล.ปานวาด ศุขสวัสดิ์' อธิบาย ‘เขมรอยู่ใต้สยามหลายร้อยปี’

เพจ ม.ล.ปานวาด ศุขสวัสดิ์ โพสต์ข้อความ ถึงประเทศกัมพูชาว่า  “อยู่ใต้สยามหลายร้อยปี” ประเด็นข้อเท็จจริงที่เราต้องมีไว้เป็นองค์ความรู้

เลขาฯ ศรชล.แจง ไม่ได้ปิดอ่าวไทย  มาตรการบังคับใช้เฉพาะเรือชักธงไทย สกัดน้ำมัน- ยุทธปัจจัยเข้ากัมพูชา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.อ.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติท