แพทยสภายืนมติลงโทษ 3 หมอ ไม่หวั่นอิทธิพลการเมือง-ยันรักษาจรรยาบรรณ

เปิดถ้อยแถลงชัด ศ.นพ.ประสิทธิ์ ย้ำกรรมการยึดวิชาชีพ ไม่สนว่าใครคือผู้ป่วย สวนแรงกดดัน-ชี้หมอทุกคนรู้หน้าที่ ยึดหลักจริยธรรมไม่ใช่ผลประโยชน์ ลั่นไม่ใช่แค่รักษาคน แต่ต้องรักษามาตรฐาน

12 มิถุนายน 2568 - เวลา 12.00 น. ที่อาคารมหิตลาธิเบศร์ คณะกรรมการแพทยสภาได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาวาระสำคัญกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ยับยั้งหรือวีโต้มติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ลงโทษแพทย์ 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์มารักษาตัวต่อที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

ในช่วงต้นการประชุม ได้เปิดโอกาสให้นายสมศักดิ์ ชี้แจงหรืออธิบายต่อที่ประชุม ถึงเหตุผลที่ได้ทำการวีโต้มติแพทยสภาดังกล่าว เป็นเวลา 15 นาที จากนั้น คณะกรรมการแพทยสภาได้ดำเนินการประชุมพิจารณาต่อไป โดยการประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานประมาณ 3 ชั่วโมง

ต่อมา เวลา 15.00 น. ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายก คนที่ 1 คณะกรรมการแพทยสภา แถลงผลการประชุม ว่า การประชุมในวันนี้มีคณะกรรมการเข้าร่วม 69 คน แต่มีคณะกรรมการที่มีสิทธิลงคะแนน 68 คน ผลการลงมติปรากฏว่ามากกว่า 2 ใน 3 มีมติ ยืนยันตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ลงโทษแพทย์จำนวน 3 คน และในการพิจารณารายบุคคลคณะกรรมการดูแล้วในแต่ละคนที่ถูกร้องเรียนนั้น คณะกรรมการเกิน 60 คนที่มีความเห็นยืนยันตามมติเดิมในการลงโทษแพทย์แต่ละราย แต่ขอยังไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งทราบว่าทุกคนก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร รอให้แพทยสภาได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการส่งถึงเจ้าตัวก่อน

อย่างไรก็ตามในส่วนของแพทย์ที่ถูกลงโทษพักใช้ใบอนุญาตสองคนนั้นระยะเวลาในการพักใช้นั้นไม่เท่ากัน เพราะฐานความผิดแตกต่างกัน โดยในวันที่ 13 มิ.ย.ก็สามารถมีคำสั่งให้ออกจากแพทยสภาส่งถึงผู้ที่ถูกลงโทษได้ ส่วนจะมีผลเลยหรือไม่ก็ต้องมีกระบวนการเช่น กรณีที่เราให้พักใช้ใบอนุญาต ทางผู้ถูกลงโทษอาจจะต้องใช้ระยะเวลา ในการเคลียร์งานที่ยังคั่งค้างอยู่ อาจจะมีคนไข้ที่นัดหมายเข้ารับการรักษาอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นตรงนี้นายกแพทยสภาจะเป็นผู้กำหนดตรงนี้ และสื่อสารให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีเหตุผลที่นายสมศักดิ์ ส่งวีโต้เข้ามานั้น ว่า กระบวนการการประชุมของคณะกรรมการแพทยสภาในวันนี้ตนคิดว่าเรารับฟังความคิดเห็นอย่างชัดเจน สภานายกพิเศษก็ได้ให้ความเห็นในการวีโต้ ส่วนคณะกรรมการทุกคนก็ได้พิจารณารวมไปถึงเอกสารที่มีการส่งวีโต้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วโดยนำมาเปรียบเทียบกับมติแพทยสภาว่าเป็นอย่างไรพร้อมทำหมดวิเคราะห์ ดังนั้นเมื่อเห็นข้อมูลเหล่านี้และการใช้ดุลยพินิจของตัวท่านเองจึงมีมติออกมาตามนี้

“เพราะฉะนั้น การประชุมในวันนี้เป็นกระบวนการที่โปร่งใสชัดเจน ทุกคนสามารถใช้ดุลยพินิจได้ภายใต้หลักวิชาการ ในข้อมูลหลักฐานที่เป็นจริง และเหตุผล”ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ระบุ

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีข้อกล่าวหาว่ามีแชทไลน์กลุ่มของแพทยสภาหลุดนั้น ขอย้ำว่าไลน์กลุ่มนั้นไม่ใช่ไลน์อย่างเป็นทางการของแพทยสภา หากสังเกตจะพบว่ามีการลบป้ายตอนบน ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการของแพทยสภา และขออนุญาตออกชื่อเนื่องจากไลน์กลุ่มดังกล่าวมีการพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร แล้วมีกรรมการแพทยสภาส่งสติ๊กเกอร์คำว่า "Yes" ลงไป ซึ่งตนเชื่อว่าทุกคนที่ใช้บริการไลน์ย่อมเคยเกิดเหตุการณ์ในการตอบกลับข้อความว่า "YES" หรืออาจจะเป็นข้อความอื่นเพื่อแสดงออกว่าได้รับข้อความนี้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วยกับสิ่งนั้น

ดังนั้นขอย้ำว่า 1.นี่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มอย่างเป็นทางการของแพทยสภา แต่เป็นแพทยสมาคม 2.การตอบกลับข้อความก็ไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้กระทบต่อความน่าเชื่อถือของแพทยสภา

"สิ่งสำคัญผมพูดไปตั้งแต่การพิจารณาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ว่าการพิจารณาวาระนี้แพทยสภาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครหรือผู้ป่วยเป็นใคร เราพิจารณาตามหลักการ หลักวิชาการ และปลอดจากปัจจัยรอบข้าง" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่านายสมศักดิ์ ได้นำคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดแนบเข้าไปกับการวีโต้ด้วย แพทยสภามีความกังวลหรือไม่นั้น ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ในการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนครั้งละ 1-6 ชม. มีเพียง 3 ครั้งหลังจากที่ได้รับเอกสารเพิ่มเติมเมื่อเดือนเม.ย. และวันนี้เราได้มีการพิจารณาซ้ำอีก จึงคิดว่าเรามีการทำงานและการพิจารณาเยอะพอสมควร จึงแตกต่างจากที่ท่านวีโต้เรื่องจริยธรรมการแพทย์ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับหลายๆเรื่องหลายวิชาชีพ วิชาการไม่เหมือนกัน คอนเซ็ปต์ไม่เหมือนกันแล้วจะเอามาอ้างให้เทียบเคียงกันคงไม่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กังวลกับกระแสที่มีข้อเรียกร้องให้เปิดรายชื่อว่ากรรมการแต่ละคนโหวตอย่างไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน หลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 คน ที่ลงนามส่งมาถึงแพทยสภา จะเห็นว่าสาระหลัก ต้องการให้แพทยสภายึดมั่นต้องการ ยึดหลักความถูกต้อง และรักษาไว้ ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ โดยสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาตระหนักและจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว

ตนขอเป็นตัวแทนกรรมการแพทยสภาทุกคน กราบขอบพระคุณแพทย์ และประชาชนทั้งหลาย พี่แสดงออกอย่างชัดเจนให้แพทยสภา ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ แล้ววันนี้พวกเรากรรมการแพทยสภาก็ได้ทำสิ่งนั้นแล้ว

“เพราะฉะนั้นสิ่งที่ให้มานั้นสำหรับผม มองว่าไม่ใช่แรงกดดัน แต่คือกำลังใจเพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ และความเห็นของผมคือชอบแล้วด้วยการกระทำ เพราะฉะนั้นที่ส่งมานั้นผมไม่ถือว่าเป็นแรงกดดัน แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างที่จะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำ แบบนี้ถึงจะเรียกว่ากดดัน หรือถ้าว่าไปแล้ว ในบางกรณีเข้าเกณฑ์ข่มขู่ด้วยซ้ำ" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามเพิ่มเติมว่าหากแพทย์ที่ถูกลงโทษไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองมติของแพทยสภาที่ให้ลงโทษจะมีผลหรือต้องรอให้กระบวนการทางศาลเสร็จสิ้นก่อน ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การฟ้องร้องการต่อศาลสามารถทำได้ เราต้องเดินตามแนวทางของตุลาการซึ่งก็สามารถชี้แจงได้ นี่คือธรรมาภิบาลของประเทศนี้หากเห็นว่าไม่ถูกก็สามารถไปร้องได้ ส่วนทางแพทยสภาก็ออกมามติออกไป 

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้เรากำลังพิจารณาว่าจะพิจารณาจริยธรรมแห่งวิชาชีพของแพทย์เพิ่มเติม 

เมื่อถามว่านายสมศักดิ์ ระบุเหตุผลในการวีโต้ก็เพื่อแพทย์รุ่นใหม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเราเข้าใจความถูกต้อง เราเข้าใจบทบาทหน้าที่เหมือนกัน และตนก็อยากจะย้ำวันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสั่งสอนไว้ แล้วตนคิดว่า แพทย์ที่กำลังเรียนอยู่ก็ใช้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา ก็ได้เห็นว่าบทบาทของแพทย์มีมากมาย ไม่ใช่แค่การรักษาเพียงอย่างเดียว แต่คือการรักษามาตรฐานของการรักษา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อิ๊งค์-ปอ’ เข้าเยี่ยม ‘ทักษิณ’ คุยแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ฝากกำลังใจยศชนัน

“อิ๊งค์-ปอ” ตัวแทนครอบครัวเข้าเยี่ยม “ทักษิณ ชินวัตร” ครั้งที่ 26 ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม เผยมีการพูดถึงแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย พร้อมส่งกำลังใจให้ “ศ.ยศ

'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'

ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้

‘เสรีพิศุทธ์’ จัดเต็ม ‘ทักษิณ’ ยังไม่สิ้นกรรม แฉลึก...ศึกสีกากี

กลายเป็นเรื่องที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมาก กับการออกเปิดโปง-แฉข้อมูลเรื่องตำรวจรับผลประโยชน์ รับส่วยจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์

'ภูมิใจไทย'โชว์พร้อมยุบสภา 'ทักษิณ'ถูกสกัด-'พท.แพแตก'

การเมืองเวลานี้ต้องจับตาว่าจะมีการเลือกตั้งตาม MOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ที่กำหนดวันเลือกตั้งไว้วันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งใหญ่หรือไม่

พูดแบบนี้ได้ยังไง! อดีตลูกจ้างวอยซ์ ลั่นไม่เห็นใจทักษิณ หลังคดี 112 ถูกอุทธรณ์

อินฟลูเอนเซอร์สายการเมือง และอดีตพิธีกรข่าววอยซ์ทีวีของตระกูลชินวัตร แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อออนไลน์ หลังอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ข

‘ปลื้ม’ ถอดบทเรียนทักษิณ ต้องรู้จักแพ้-รู้จักหมอบ ถ้ามีแผลก็อย่าซ่า

หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ไลฟ์ “บทเรียนที่แสนแพง” ชี้ชีวิตการเมืองไม่สวยหรู เด็กต้องเรียนรู้การพ่ายแพ้ เก็บข้าวของกลับบ้าน และรู้ว่าถ้ามีแผลในสารบบศาบ แผลนั้นพร้อมเหวอะทันทีเมื่อถูกเชือด ระบุซ่าได้ต่อเมื่อไม่มีแผล