อย่าหลงกลเขมร! 'ปลอดประสพ' เตือนใช้มาตรา 1:200,000 จะกลืน 3 ปราสาทในเขตไทยแน่นอน

ปลอดประสพชี้หากใช้มาตราส่วน 1:200,000 เส้นเล็กๆ ก็จะกลายเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวหนาๆที่ ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อาจยอมรับการใช้แผนที่ 1:200,000 ที่แสนจะโบราณแบบศิโรราบได้อีกต่อไป

15 มิ.ย.2568-ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี สมชิกพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย อดีตปลัดกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “อย่าหลงกลผู้แทนฝ่ายเขมร” เนื้อหาระบุ การประชุมคณะกรรมการมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายเขมรหัวชนฝาจะใช้แผนที่โบราณ 100 ปี ของฝรั่งเศสซึ่งใช้มาตราส่วน 1:200,000 และปฏิเสธแผนที่สมัยใหม่ของไทยมาตราส่วน 1:50,000 ซึ่งแสดงพิกัดเส้นรุ้งเส้นแวงพร้อมหลักเขต

เพื่อความรู้พื้นฐานจึงขอทบทวนเรื่องแผนที่สักนิด โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกาเมื่อค.ศ. 1942 ส่วนวอสโกดากามาเดินเรือไปอินเดียในปีค.ศ. 1499 คือล้วนแต่ 600 ปีมาแล้ว การเดินเรือครั้งนั้นทำแบบดูดาวและเสี่ยงดวงไปเรื่อยๆ ต่อมามีการทำแผนที่เดินเรือหยาบๆขึ้นมา โดยใช้สายตาเป็นหลัก ในปี 1907 ฝรั่งเศสก็ทำสัญญากับไทยเพื่อเข้าปกครองเขมร เป็นแผนที่หยาบๆ มาตราส่วนหนึ่งต่อสองแสนใช้วิธีการสมัยเก่าที่แสนโบราณ แต่แปลกที่เขมรดันพยายามปลุกผีให้แผนที่อายุ 100 ปีกลับมีชีวิตขึ้นมาอีก เข้าใจว่าคงได้ใจเพราะเคยได้ปราสาทเขาพระวิหารจากไทยเพราะเวทมนตร์ดำของแผนที่แบบนี้

ขอเรียนว่า แผนที่ที่ดีและสมบูรณ์นั้นจะต้องประกอบไปด้วยรูปร่างและขอบเขตของพื้นที่ มีการแสดงความสูงต่ำลาดชัน  มีสัญลักษณ์สำคัญทางธรรมชาติ ตลอดจนถึงสิ่งก่อสร้างที่ชัดเจนและถาวร มีเส้นรุ้งเส้นแวงที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด และสุดท้ายคือ มีscaleหรือ มาตราส่วนที่ต่ำที่สุดที่เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่และขนาดกระดาษที่จะพิมพ์ แผนที่ของไทยในวันนี้ มีลักษณะดังกล่าวครบหมด แถมบนพื้นที่จริงยังมีหมุดแสดงเขตเอาไว้ทั่วด้วย

แต่ก็แปลกที่ฝ่ายเขมรเรียกร้องให้ใช้แผนที่โบราณเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งเป็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำมาใช้เพื่อยึดครองอาณาเขตจากไทย เป็นแผนที่หยาบๆ ใช้มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งแปลว่า จุดปลายปากกาเล็กๆบนแผนที่ก็จะมีขนาดเท่ากับ 60 เมตรบนพื้นที่จริง

ผมอยากเสนอใหม่แบบนี้ กล่าวคือ วันนี้เราอยู่บนโลกของ IT ในยุคที่มีภาพถ่ายจากดาวเทียม จึงควรใช้แผนที่ทางอากาศที่ถ่ายภาพแสดงGPS อย่างละเอียด โดยใช้สันปันน้ำเป็นที่อ้างอิงหลักเพราะโกงกันไม่ได้ ผมเสนอแบบนี้เพราะผมเป็นคนทันสมัยและมีการศึกษา แต่ไม่รู้ฝ่ายเขมรจะเข้าใจและเอาด้วยหรือไม่

ที่ต้องเตือนหนักหนาก็เพราะว่า หากใช้มาตราส่วน 1:200,000 เส้นเล็กๆ ก็จะกลายเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวหนาๆที่จะกลืนกินปราสาททั้งสามที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ทั้งๆ ที่ความจริงปราสาทอยู่ในเขตไทยแน่นอน ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อาจยอมรับการใช้แผนที่ 1:200,000 ที่แสนจะโบราณแบบศิโรราบได้อีกต่อไป และสุดท้ายถ้าหากจะต้องพึ่งศาลโลกจริงๆ ก็อยากแนะนำให้ไทยฟ้องเรียกเกาะกงคืนมา เพราะฝรั่งเศสมาใช้กำลังบังคับจากเราไป ผมน่ะเคยไปที่เกาะนี้มาแล้ว ทุกคนพูดภาษาไทยได้หมดเลย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชายจีนเหยียบกับระเบิดขณะลักลอบเข้าไทย กกล.บูรพารีบส่งทีมเก็บกู้ช่วยชีวิต

เช้ามืด ตชด. ได้ยินเสียงระเบิดจากป่าละเมาะใกล้ถนนศรีเพ็ญ ตรวจด้วยโดรนพบชายจีน คาดลักลอบเข้าประเทศ บาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจาน กกล.บูรพาส่งชุดเก็บกู้เข้าช่วยทันที ก่อนประสาน ตม. ดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

‘นายพลสีส้ม’ ชี้เปรี้ยงเกมเขมรเดินหลายชั้น ไทยเสี่ยงเสียเปรียบบนเวทีโลก

อดีตรองเลขาฯ สมช. วิเคราะห์ท่าที-ยุทธศาสตร์กัมพูชา ทั้งการไปยูเอ็น การสร้างสถานการณ์ชายแดน และผลต่อความชอบธรรมของไทย เตือนต้องเท่าทันเล่ห์กล ไม่เช่นนั้นไทยอาจตกเป็นฝ่ายถูกกล่าวหาในสายตานานาชาติ

ชาวบ้านชำราก อึดอัดสถานการณ์ชายแดน กระทบทำมาหากิน อยากให้รบกันไปเลยจะได้จบ

ชาวบ้านชำราก กังวลไทย-เขมร อาจปะทะรอบ 2 แต่อยากให้รบให้จบ เหตุทำกินลำบาก ด้านเอกชนขนเครื่องจักรแรงงานทำถนนชายแดนชำรากฟรี!!

โรงเรียนชายแดนซ้อมอพยพหลบภัยหากเกิดเหตุปะทะ

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์ ซึ่งพบว่ายังคงตึงเครียด โดยเฉพาะเรื่องทหารกัมพูชาที่แหล่งข่าวระบุว่า มีการเสริมกำลังขึ้นมาประชิดชายแดนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ประชาชนชายแดนที่ทราบข่าว

'อนุทิน' กำชับให้นำคณะ AOT ลงพื้นที่เป็นพยานเก็บกู้ทุ่นระเบิด 'บิ๊กเล็ก' เชื่อมีปะทะกัมพูชา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล

'อภิสิทธิ์'​ จี้​รัฐบาลแสดงจุดยืนให้ชัด ปม​​ละเมิดปฏิญญาสันติภาพ​ แนะต้องให้ทั่วโลกเข้าใจไทย

‘อภิสิทธิ์’​ แนะ 'รัฐบาล​' จี้แสดงจุดยืนให้ชัด ปม​ ​ละเมิดปฏิญญาสันติภาพ​ ตั้งคำถาม ’ทรัมป์​’ ระงับดีล​ 'กัมพูชา' ด้วยหรือไม่​ เหตุเป็นปัจจัยเชื่อใคร แนะ ต้องแจงโลก​ สกัดการใช้ภาษีกดดัน​