แถลงกลางดึก! 'ไทย' ผิดหวัง 'กัมพูชา' ขาดความตั้งใจจริงแก้ปัญหาชายแดน ลั่นจะตอบโต้ทุกข้อกล่าวหา

กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาเฉพาะและลดความตึงเครียดระหว่างกัน แต่ยังเดินหน้านำเรื่องพื้นที่ 4 จุด

16 มิ.ย.2568-กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย (JBC) ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 6 เนื้อหาระบุ

การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย – กัมพูชา Joint Boundary Commission (JBC) ครั้งที่ 6 จัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ฝ่ายไทยมีนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดนเป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทย ด้านฝ่ายกัมพูชามีนายลำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายกัมพูชา โดยคณะกรรมาธิการเขตแดนประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ

การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกในรอบ 13 ปี หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อปี 2555 ที่กรุงเทพฯ ทั้งสองฝ่ายร่วมกันหารืออย่างกว้างขวางซึ่งในประเด็นการดำเนินงานด้านเทคนิคภายใต้กรอบกลไก JBC นำไปสู่ความคืบหน้าสำคัญ ได้แก่

(1) รับรองผลการประชุมคณะอนุกรรมาธิการร่วมไทย – กัมพูชา (Joint Technical Sub-Committee (JTSC)) ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) ณ เมืองเสียมราฐ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน

(2) เห็นชอบให้มีการแก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) เพื่อนำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ

(3) เห็นชอบการส่งชุดสำรวจร่วมไปลงสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ระหว่างหลักเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันในพื้นที่ที่ใช้ลำน้ำ หรือเส้นตรงเป็นเส้นเขตแดน โดยมอบหมายให้ JTSC ไปหารือและจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) ร่วมกันต่อไป

(4) เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 (จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ) ซึ่งเป็นประเด็นคงค้างมาตั้งแต่ปี 2554 โดยมอบหมาย JTSC จัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจ ไปพร้อม ๆ กับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อเสนอต่อ JBC ต่อไป

อย่างไรก็ดี ฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาเฉพาะและลดความตึงเครียดระหว่างกัน แต่ยังเดินหน้านำเรื่องพื้นที่ 4 จุด (พื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย) ไปสู่การพิจารณาของ ICJ ซึ่งสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีต่างๆ ที่มีอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

ในการนี้ ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา (ซึ่งได้บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้) ดังนี้

1. การดำเนินการของไทยเป็นไปโดยความจำเป็นตามหลักการป้องกันตัวจากการที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีก่อน และเป็นไปอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

2. ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ โดยท่าทีของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด ได้เน้นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาระหว่างกันแบบทวิภาคี และบทบาทที่สำคัญของ JBC ในการทำให้มีเขตแดนชัดเจนระหว่างกัน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย

3. ไทยย้ำถึงความสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดมั่น MOU 2543 (ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกับไทย) โดยไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย

4. ทั้งสองฝ่ายจะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและขัดแย้งในวงกว้าง และย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอื่น ๆ ในการช่วยแก้ปัญหาด้วย เช่น GBC, RBC การประชุมผู้ว่าจังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อให้แนวชายแดนมีความสงบเป็นปกติ และอำนวยความสะดวกการเดินทางของคนและขนส่งสินค้า ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือในประเด็นนี้

ทั้งนี้ การประชุมมิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ ICJ และมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200000 คณะกรรมการปักปันสยาม – อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในประเด็นเทคนิคในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตามแผนแม่บทฯ

ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา สมัยพิเศษ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายน 2568

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใช้กฎอัยการศึกคุมตัวครอบครัวกัมพูชาในตราด มีลูกเขยเป็นผู้พัน ตชด. พบพิรุธหลายจุด

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาญาจักร จังหวัดตราด (กอ.รมน.จว.ตราด) พร้อมตำรวจภูธรเมืองตราด ปลุกเข้าจับกุมครอบครัวชาวกัมพูชา ในพื้นที่บ้านแหลมหิน ตำบลหนองคันทรง อำเภอเมือง จังหวัดตราด

สถานทูตจีนเคลื่อนไหวแล้ว! ประกาศจุดยืนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา

'กัน จอมพลัง' เสียดายมาก ถ้าไม่ถูก สส. รุมโจมตี ก็จะได้บังเกอร์แข็งแรงเพิ่มอีกหลายที่

นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เขมรโจมตีจุดเก็บวัตถุดิบทำบังเกอร์ของมูลนิธิกันจอมพลัง ที่เตรียมไว้สร้างบังเกอร์ให้กับแนวหน้า เกิดความเสียหายไม่มากครับ แต่มันน่าเสียดายตรงถ้า สส.บางพรรคไม่รุมโจมตีผมกับทหารตอนนั้น วัตถุดิบพวกนี้จะได้ไปประกอบเป็นบังเกอร์ให้หน้าแนวหมดแล้วครับ

เปิดจุดยืนเพื่อไทย 5 ข้อ ปกป้องอธิปไตย ตอบโต้อย่างมีสติ ได้สัดส่วน ยึดหลักสากล

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและคนไทยคนหนึ่ง ตนติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกเจ็บปวดและเศร้าใจทุกครั้งที่ทราบข่าวความสูญเสีย มีทหารและพลเรือนเสียชีวิตแล้วเกือบ 20 ราย แ

เลือดรักชาติพุ่ง! 'หนุ่มชาละวัน' แห่สมัครทหารกรณีพิเศษ ไม่หวั่นสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา

พ.อ.คมจักร์ ชัยชนะ สัสดีจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการโดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ ประจำปี 2569 ครั้งที่ 2 ในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ณ บริเวณชั้นล่างหอประชุมจังหวัดพิจิต

ทบ. เดินหน้ายึดเนิน 350 รวม 2-3 พื้นที่สำคัญรอบปราสาทตาควาย

ทบ. เดินหน้ายึดเนิน 350 และ 2-3 พื้นที่สำคัญรอบปราสาทตาควายเชื่อมั่นขีดความสามารถทำได้ไม่กังวลและเป็นไปตามแผน ย้ำ กำลังพลให้ระวังถูกล่อกับดัก วางมาตรการรักษาความปลอดภัย ยันจรวดจีน- อาวุธอีกหลายรายการ ยังอยู่ในการควบคุมของกองทัพบกพร้อมระบุกัมพูชาใช้Gemini สร้างเฟกนิวส์