สองพรรค สองบทบาท หนึ่งมายา: พรรคเพื่อไทย-พรรคส้มใต้ฉากประชาธิปไตยลวง

“ประชาธิปไตย” ถูกยกเป็นฉากสวยบนเวทีการเมือง เพื่อปกปิดว่าพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค ใช้มันเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจ โดยไม่แยแสอนาคตของประเทศ

เมื่อประชาชนลุกขึ้นเรียกร้องให้ แพทองธาร ชินวัตร ลาออก เพราะข้อสงสัยเรื่องอธิปไตยและภาวะผู้นำที่อ่อนแอ พรรคเพื่อไทยกลับส่งคนออกมาผ่านสื่อและโซเชียล กล่าวหาการชุมนุมว่า “เปิดทางให้รัฐประหาร”

ทั้งที่ผู้ชุมนุมย้ำชัดว่า “ไม่เอารัฐประหาร” และต้องการเพียงความรับผิดชอบจากผู้นำที่ล้มเหลว นี่คือ ความเลวลึก ที่พรรคเพื่อไทยใช้ข้อหาเท็จ เบี่ยงสายตาประชาชนจากปัญหาที่แท้จริง

หากไม่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา คำถามที่พวกเขากลัวที่สุดคือ “ทำไมประเทศนี้ต้องทนกับนายกรัฐมนตรีที่อ่อนแอ อ่อนข้อให้ผู้นำต่างชาติ และทำให้เรื่องอธิปไตยกลายเป็นสิ่งต้องห้าม”

คำตอบนั้นง่ายเกินไป พรรคเพื่อไทยแคร์อำนาจมากกว่าศักดิ์ศรีของชาติ ความย้อนแย้งยิ่งเด่นชัด เมื่อพรรคที่เคยอ้างต้านเผด็จการ กลับ จับมือกับพรรคที่เคยหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อกลับมาครองอำนาจ

เศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็อาศัยเสียงจาก สว. ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารหรือ คสช.

นี่คือ มายาประชาธิปไตยลวง ที่พรรคเพื่อไทยใช้บังหน้า ขณะกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุมว่า “เปิดทางให้รัฐประหาร” ทั้งที่ความจริง พรรคเพื่อไทยเองต่างหากที่เคยอาศัยเสียงจากรัฐประหารเพื่อขึ้นสู่อำนาจ

พรรคประชาชน หรือ พรรคส้มก็ไม่ต่างกัน การชุมนุม 28 มิถุนายนเกิดขึ้นเพื่อทวงถามความล้มเหลวของรัฐบาล แต่กลับถูกพรรคส้มบิดเบือนเป็นละครรัฐประหาร ทั้งที่สาระของม็อบคือการตรวจสอบอำนาจ

เสียง สนธิ ลิ้มทองกุล บนเวที ระบุชัดว่า “ไม่ได้ยุให้เกิดรัฐประหาร ทหารจะทำหรือไม่ทำเป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าจะทำ อย่าเอาพลเอกมาบริหารอีก ให้ประชาชนร่วมแก้ปัญหา”

ประโยคนี้คือคำเตือนต่อวงจรรัฐประหารซ้ำเดิม ไม่ใช่การเชิญทหารออกมาใช้อำนาจ แต่พรรคส้มกลับเลือก บิดคำพูดของสนธิ หนึ่งในผู้ขึ้นเวทีปราศรัย ว่าเป็นการเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจ

พรรคส้มไม่เพียงปฏิเสธสนับสนุนการชุมนุม แต่ยัง ใช้การตีความบิดเบือน ป้ายสีแกนนำว่าเป็นภัยประชาธิปไตย ทั้งที่สาระการชุมนุมคือการทวงถามความรับผิดชอบจากผู้นำที่ไร้ภาวะ

ความย้อนแย้งของพรรคส้มยิ่งปรากฏ เมื่อเกิด คลิปเสียงแพทองธารสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ที่มีถ้อยคำ “อยากได้อะไร บอกมา เดี๋ยวจัดให้” พร้อมกล่าวถึงแม่ทัพภาคที่สองว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล

นี่คือประเด็นอธิปไตยที่ฝ่ายค้านอันดับหนึ่งควร ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที แต่พรรคส้มกลับเงียบ ไม่มีญัตติ ไม่มีการตรวจสอบ ไม่มีแม้แต่แถลงการณ์ต่อสาธารณะ

พรรคส้มเลือกความเงียบ ทั้งที่นี่คือหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบอำนาจ ความเงียบนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ชวนให้สงสัยว่า พรรคส้มอาจกำลังรักษาพื้นที่ปลอดภัยกับพรรคเพื่อไทย

เพื่อเลี่ยงความขัดแย้งที่จะเป็นอุปสรรคต่อ ความสัมพันธ์ทางการเมืองในอนาคต ในวันที่เรื่องอธิปไตยควรถูกตรวจสอบ พรรคส้มกลับนิ่ง เพราะรู้ว่าการตั้งคำถามกับรัฐบาลแพทองธาร คือตั้งคำถามกับโครงสร้างที่ตนอาจต้องพึ่งพาในวันหนึ่ง?

นี่คือ ความบิดเบือนของพรรคส้ม ที่เลือกโจมตีเรื่องที่ได้แต้มทางการเมือง แต่เงียบในเรื่องที่ควรตรวจสอบเพื่อปกป้องอธิปไตย ทั้งหมดนี้คือ มายาประชาธิปไตยลวงของพรรคส้ม

สุดท้าย พรรคเพื่อไทยและพรรคส้มแม้มีบทบาทต่างกัน แต่กำลัง เล่นเกมเดียวกัน ใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” เป็นฉากบังหน้าเพื่อรักษาอำนาจ

พรรคหนึ่งใช้ข้อหา “เปิดทางรัฐประหาร” ปกป้องผู้นำที่ล้มเหลว อีกพรรคใช้ ความเงียบและบิดเบือน เพื่อไม่กระทบเส้นทางอำนาจในอนาคต

ทั้งหมดนี้คือ มายาประชาธิปไตยลวง ที่บั่นทอนสังคมไทย และทำให้ประชาชนถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ประชาชนมีสิทธิ์ตรวจสอบผู้นำที่ล้มเหลว ไม่ว่าผู้นำคนนั้นจะขึ้นสู่อำนาจด้วยเสียงเลือกตั้ง หรือจะมีพรรคการเมืองหนุนหลังคอยสร้างมายาก็ตาม

หากอำนาจนั้นถูกใช้เพื่อประโยชน์กลุ่มตนเอง ล้มเหลวในการแก้ปัญหา ปล่อยให้เรื่องอธิปไตยกลายเป็นสิ่งต้องห้าม และไม่รับผิดชอบต่อประชาชน

ประชาชนย่อมมีสิทธิ์เรียกร้องให้ตรวจสอบ และเรียกร้องให้คนที่ไม่พร้อมลาออกได้เสมอ

ประเทศไทยไม่ควรเป็นเหยื่อของ มายาการเมือง ที่ทำให้ประชาชนเชื่องต่ออำนาจ หากยังปล่อยให้มายานี้หลอกต่อไป อนาคตของชาติจะไม่เป็นของประชาชน

สองพรรค สองบทบาท หนึ่งมายา: พรรคเพื่อไทย-พรรคส้มใต้ฉากประชาธิปไตยลวง จะจบได้ ก็ต่อเมื่อ ประชาชนลุกขึ้นกล้าที่จะถาม กล้าที่จะตรวจสอบ และกล้าที่จะไม่ยอมถูกหลอกอีกต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จี้ 'พรรคส้ม' ต้องขอโทษประชาชนด้วย บ้านเมืองมีภัยสงคราม อดีตส.ส.กลับหนีทหาร ดูถูกกองทัพ

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กรณีศาลอาญาอ่านคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ อดีตส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน ในคดีปลอมใบสด.43 เพื่อหนีทหาร ว่า

อดีต สส.ปากน้ำ ฉะพรรคส้มเผด็จการ ถูกเขี่ยไม่ให้ลงสมัครเลือกตั้ง ทั้งที่ผ่านมติ กก.บห.แล้ว

ตีกันยับ! 'ตรัยวรรษ' อดีต สส.ปชน. เมืองปากน้ำ มอง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉะพรรคส้มเผด็จการ 'เลขาพรรค' หักมติ เหตุ ตอนแรกได้ลงสมัครต่อแล้ว แต่ถูกต่อสายขอให้ถอนตัว งง แล้วจะมี กก.บห.เพื่อ ยัน 2 ปี 7 เดือนมุ่งมั่นทำงาน ขอทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเอง

'อภิสิทธิ์' ลั่นต่อสู้ให้การเมืองกลับมาเป็นเรื่องความนิยมอุดมการณ์-นโยบายตัวบุคคล

หัวหน้าปชป. ไม่หวั่น อดีต สส. แห่ย้ายพรรค พร้อมส่ง สส.ชน ย้ำไม่มีใครผูกขาดคะแนนเสียง บอกหากวันเลือกตั้งต้องขยับ เนื่องจากเหตุสุดวิสัยเป็นเรื่องเข้าใจได้

ภูมิใจไทยปลุกพลังผู้สมัครสส. ชูสโลแกน 'พูดแล้วทำพลัส' ตั้งเป้าเกิน 200 ที่นั่ง!

แกนนำภูมิใจไทยกำชับว่าที่ผู้สมัคร สส.เดินเกมเลือกตั้งตามกติกา กกต. ชูผลงานรัฐบาลเป็นจุดขาย พร้อมปลุกใจหากทุ่มเทเต็มที่ มีลุ้นกวาดเกิน 200 ที่นั่ง มองสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีแนวโน้มคลี่คลายก่อนปีใหม่

อดีต สส.พรรคส้ม 'จิรัฏฐ์' ถอดใจ ไม่ไปต่อ เมียขอลงสมัครแทน

พรรคส้มยันไม่ปกป้อง สส.จิรัฏฐ์ ถูกตัดสินจำคุก คดีปลอมใบ สด.43 ย้ำ เป็นสิทธิเจ้าตัวพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม เผยตัดสินใจมานานแล้วจะไม่ลงสมัครต่อ แต่ ภรรยา "จิรัฏฐ์" ได้แสดงความประสงค์สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค