จากกับระเบิดในฝั่งไทยถึงกระสุนที่ตาเมือน พ่อลูกตระกูลฮุนเดินเกมซ้อนกันเป็นฉาก ใช้คำโป้ปดสร้างเรื่องล่วงหน้า แล้วรัวปืนใส่ไทยเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เป้าหมายไม่ใช่แค่สนามรบ แต่คือเวทีโลก
ไม่มีโต๊ะเจรจาใดกันกระสุนได้ และไม่มีมิตรภาพไหนคุ้มกันอธิปไตยจากปลายปืนของผู้แสร้งเป็นมิตร
เสียงปืนที่หน้าปราสาทตาเมือนเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ไม่ใช่แค่เสียงของเหตุปะทะ แต่มันคือเสียงยืนยันว่าแผ่นดินไทยกำลังตกเป็นเป้าของ แผนสกปรกที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า จากคำโป้ปดในแถลงการณ์ สู่กระสุนจริงกลางป่า
ก่อนหน้านั้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง กำลังพลไทยตรวจพบ UAV บินวนเหนือแนวลวดหนาม ก่อนจะพบทหารกัมพูชาพร้อม RPG ล้ำเข้ามาใกล้ฐานหมูป่าอย่างจงใจ และไม่นานหลังจากนั้น กระสุนจากฝั่งเขมรก็พุ่งใส่แนวปฏิบัติการไทย ระยะประชิดเพียง 200 เมตร
ไม่มีคำประกาศ ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีพิธีกรรมของรัฐผู้เจริญ มีเพียง เสียงปืนที่เจาะม่านคำโกหกและกระชากหน้ากากทางการทูตออกจนหมดเปลือก
นี่ไม่ใช่การลื่นไถลของสถานการณ์ หากแต่คือ จุดเริ่มต้นของแผนไล่ต้อน-โยนบาป ที่เขมรออกแบบให้ไทยกลายเป็นผู้ร้าย โดยใช้การปะทะจริงเป็นแค่ฉากเปิดของการปั่นกระแสโลกในขั้นถัดไป
ไม่กี่วันก่อนกระสุนจะพุ่งเข้าหน้าตาเมือน ทหารไทยเพิ่งเหยียบกับระเบิดในเขตไทยเอง กับระเบิดแบบสังหารบุคคลที่ตรวจสอบได้ว่า “วางใหม่” ไม่ใช่เศษซากสงคราม
จุดระเบิดอยู่ในพื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากแนวปะทะที่ตาเมือนไม่ไกลนัก แต่เชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้นทางยุทธศาสตร์ เพราะมันคือ ขั้นแรกของแผนไล่ต้อน ที่หวังให้ไทยเป็นฝ่ายตอบโต้ แล้วใช้การตอบโต้นั้นไปสร้างเรื่องราวกลับหัวกลับหางในเวทีโลก
นี่ไม่ใช่ปฏิบัติการเดี่ยว แต่เป็นจิ๊กซอว์ของแผนสกปรกที่วางไว้ล่วงหน้า เพราะทันทีที่เกิดเหตุ ฝ่ายกัมพูชาก็พร้อมเดินเอกสาร เปิดกล้อง ปล่อยคำแถลง และชี้หน้าไทยเป็นต้นตอความขัดแย้ง
โป้ปดเพื่อปั่นข่าว ปลุกปืนเพื่อยกระดับสถานการณ์ และปั่นโลกให้เข้าใจผิด ลำดับนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือสูตรสำเร็จที่เขมรเลือกใช้ทุกครั้งที่ต้องการผลักไทยให้กลายเป็น “ผู้รุกราน”
เมื่อปะทะเริ่มขึ้นในสนามจริง กัมพูชาก็รุกคืบในสนามข้อมูลทันที พร้อมด้วยภาพถ่าย มุมกล้อง และเสียงบรรยายที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อป้ายสีไทยว่าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
UAV ที่บินเหนือแนวลวดหนาม การวางกำลังประชิดฐานหมูป่า และคลิปภาพจากฝั่งกัมพูชา ล้วนเป็น “เครื่องมือประกอบบท” ที่รอเวลาใช้งาน เพื่อกดดันไทยให้ตกหลุมแผน
นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ใหม่ของฮุน เซน หากแต่เป็น การยกระดับการจัดฉากแบบมืออาชีพ ที่หวังเปลี่ยน “เสียงปืนจากเขมร” ให้กลายเป็น “เสียงโต้ตอบจากไทย” ในสายตาสังคมโลก
สิ่งที่น่าห่วงไม่ใช่แค่ฉากที่เขมรวางไว้ แต่คือการที่ไทยยังไม่มี กรอบปฏิบัติและคำตอบทางการทูตที่ชัดเจน ในขณะที่อีกฝ่ายเดินหน้าสื่อสารแบบรุกไล่และเรียงเรื่องอย่างมีเป้าหมาย
เมื่อฝ่ายหนึ่งใช้กระสุน และอีกฝ่ายใช้คำว่า ‘สื่อสารคลาดเคลื่อน’ โลกย่อมเลือกฟังเสียงที่ดังและมีบทมากกว่า ไม่ใช่ความจริงที่ตามแก้ทีหลัง
ขณะที่เสียงปืนยังสะท้อนจากแนวป่า อาวุธอีกชนิดก็ถูกง้างขึ้นพร้อมกัน คือข้อมูลที่ถูกบรรจงแต่งเพื่อย้อนศรความชอบธรรมของไทย
เหตุการณ์ที่ตาเมือนในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้เค้าลาง แต่คือปลายทางของกระบวนการจัดฉากที่เชื่อมโยงอย่างมีโครงเรื่อง จากกับระเบิดในฝั่งไทย สู่การรุกคืบโดยไร้คำเตือน และตามด้วยเสียงปืน
คลิปเสียงแพทองธาร–ฮุนเซน ที่ปล่อยก่อนหน้านี้ ก็มิใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็น “คำบอกใบ้ทางยุทธศาสตร์” ว่าความขัดแย้งจะถูกดันเข้าสู่ระดับรัฐต่อรัฐในแบบที่ไทยเสียเปรียบ
การบิดเบือนเหล่านี้มักจบด้วยถ้อยคำคุ้นเคย “เราแค่ป้องกันตัว” วลีที่ดูไม่ผิด หากผู้ฟังไม่มีข้อมูลมาก่อน และนั่นคือสิ่งที่กัมพูชาต้องการ
เพราะในเวทีระหว่างประเทศ เรื่องเล่าที่ต่อกันครบก่อน ย่อมชนะข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีใครพูด
แม้ภาพที่เผยแพร่จะแสดงให้เห็นว่า ทหารกัมพูชาถอยกลับหลังกลบคูเลตที่ล้ำแนวไทย แต่ไม่มีถ้อยคำขอโทษ ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีแม้แต่เงาความรับผิด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความเงียบ หากคือเจตนา
กับระเบิดที่ช่องอานม้า ไม่เพียงถูกวางใหม่ในฝั่งไทย แต่ยังเป็นชนิดสังหารบุคคลที่เข้าข่ายละเมิด อนุสัญญาออตตาวา ซึ่งกัมพูชาเป็นภาคีด้วยซ้ำ ไทยจึงไม่ควรนิ่งเฉย หากยังต้องการรักษาศักดิ์ศรีบนเวทีนานาชาติ
ในขณะที่อีกฝ่ายเดินเกมสื่อ เดินเกมเอกสาร เดินเกมปล่อยคลิป เดินเกมคำพูด ล่าสุดคือคำโกหกของฮุน เซนที่กล่าวหาว่า “ไทยยิงก่อน”
ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็โพสต์ในวันเดียวกันกล่าวหาว่า “ไทยเริ่มโจมตีใส่ฐานที่มั่นของกัมพูชา” บริเวณปราสาทตาเมือนธม ตากระบือ และมุมเปรี๊ยะ
สะท้อนภาพว่าข้อกล่าวหานี้ถูกวางมาเป็นแพ็กคู่พ่อลูก รัฐบาลไทยกลับยังไม่ขยับใช้กลไกที่มีในมืออย่างจริงจัง ทั้งที่การโจมตีนี้ กระทบทั้งชีวิตคนและหลักสิทธิมนุษยชน
เสียงปืนที่ตาเมือนจึงไม่ใช่แค่เรื่องเฉพาะหน้า แต่คือเสียงเตือนว่า ศัตรูรู้จักใช้ “เรื่องเล่า” เป็นอาวุธ จัดวางความจริงใหม่ ให้ไทยกลายเป็น “ผู้รุกราน”
แม้ภาพที่เผยแพร่จะแสดงให้เห็นว่า ทหารกัมพูชาถอยกลับหลังกลบคูเลตที่ล้ำแนวไทย แต่ไม่มีถ้อยคำขอโทษ ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีแม้แต่เงาความรับผิด สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ความเงียบ หากคือเจตนา
กับระเบิดที่ช่องอานม้า ไม่เพียงถูกวางใหม่ แต่ยังเป็นชนิดสังหารบุคคลที่เข้าข่ายละเมิด อนุสัญญาออตตาวา ซึ่งกัมพูชาเป็นภาคีด้วยซ้ำ ไทยจึงไม่ควรนิ่งเฉย หากยังต้องการรักษาศักดิ์ศรีบนเวทีนานาชาติ
ในขณะที่อีกฝ่ายเดินเกมสื่อ เดินเกมเอกสาร เดินเกมปล่อยคลิป ไทยกลับยังไม่ขยับใช้กลไกที่มีในมืออย่างจริงจัง ทั้งที่การโจมตีนี้ กระทบทั้งชีวิตคนและหลักสิทธิมนุษยชน
เสียงปืนที่ตาเมือนจึงไม่ใช่แค่เรื่องเฉพาะหน้า แต่คือเสียงเตือนว่า ศัตรูรู้จักใช้ “เรื่องเล่า” เป็นอาวุธ จัดวางความจริงใหม่ ให้ไทยกลายเป็น “ผู้รุกราน” โดยที่ยังไม่ทันยิงตอบแม้แต่นัดเดียว
จากทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมา รูปแบบเดิมวนซ้ำอย่างมีจังหวะ กัมพูชาลงมือก่อนเสมอ และประเทศไทยคือผู้ต้องออกมาชี้แจงภายหลังเสมอ
จากกับระเบิดที่ฝังในฝั่งไทย จาก UAV ที่ล้ำเข้ามาก่อนใคร จากแถลงการณ์อ้างแผนที่ 1:200,000 จากคำลวงของฮุน เซนที่สร้างภาพว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มยิง จนถึงกระสุนที่ตาเมือนในวันที่โลกกำลังจับตามอง
ทั้งหมดนี้คือชิ้นส่วนของกระดานที่ อีกฝ่ายเรียงไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นเรื่องราว เพราะเขารู้ดีว่า หากสามารถสร้าง “โครงเรื่อง” ที่น่าเชื่อ โลกจะจดจำมันได้ แม้ไม่เคยเห็นสนามจริงเลย
นี่ไม่ใช่เพียงสงครามข้อมูลข่าวสาร หากแต่คือ ปฏิบัติการควบคุมความเข้าใจของโลก อย่างเป็นระบบ โดยที่ประเทศไทยยังไม่ได้แม้แต่จะหยิบปากกา
และหากเรายังไม่ลุกขึ้นตั้งคำถามต่อ “เรื่องเล่า” ที่ฝ่ายเดียวผูกขาด วันหนึ่ง พรมแดนไทยจะไม่ถูกเขียนด้วยการเจรจา หากแต่ถูกเขียนด้วย น้ำหมึกของผู้แสร้งเป็นเหยื่อ ที่เตรียมเรื่องราวไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งฉบับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม
เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ
ปักหมุดชายแดน8.3กม. บัวแก้วซัดเขมรบิดเบือน
บัวแก้วซัดเขมรยังบิดเบือน ย้ำ AOT ยันทุ่นระเบิดใหม่ "สีหศักดิ์" บินแจงภาคีออตตาวาต้น ธ.ค. แจงวางแนวหมุดชั่วคราว
อัยการวัชรินทร์ ตั้งทีมงานชุดใหญ่สอบคดีกัมพูชายิงถล่มไทย เอาผิดฮุนเซน-ฮุนมาเนต
ผบช.ภ.3 ส่งสำนวนเขมรยิงระเบิดใส่ไทย ให้ อสส.เเล้ว "วัชรินทร์" อธ.อัยการสอบสวน เตรียมตั้งคณะทำงานเกือบยกสำนักงาน ลุยคดีให้ 2 พ่อลูกตระกูลฮุนรับผิดชอบความสูญเสีย
เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7
กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง


