ไม่กี่วันในเดือนสิงหาคมได้เผยความจริงอันโหดร้ายของอำนาจ รอยยิ้มที่เพิ่งผลิบานอาจเหี่ยวแห้งในชั่วข้ามคืน 22 สิงหาพร่างพรูด้วยความหวัง 29 สิงหากลายเป็นซากปรักแห่งความสิ้นหวัง และ 9 กันยาอาจเป็นบทที่หม่นที่สุด ฟ้าที่ควรสว่างกลับปิดตาย ดั่งดวงอาทิตย์ดับลงกลางวัน
อำนาจไม่เคยยืนยาว มันเหมือนเงาของดวงอาทิตย์ ทอดยาวยามเช้า แต่หดสั้นเมื่อสาย และเลือนหายไปเมื่อแสงถูกกลืน
ความสุขในสนามการเมืองก็เป็นเพียง “ไฟแลบกลางฟ้า” สว่างเพียงเสี้ยววินาทีก่อนดับมืด ขณะที่ ทุกข์มักมาเร็วราวพายุ กวาดทุกสิ่งลงไปโดยไม่เหลือเศษเถ้า
เดือนสิงหาคมปีนี้คือบทพิสูจน์ เป็นทั้งละครใหญ่และบันทึกโชคชะตา รอยยิ้มกับน้ำตาถูกเขียนในหน้ากระดาษเดียวกัน เพียงไม่กี่วันสิ่งที่เคยมั่นคงกลับพังทลาย เหมือนบ้านที่เพิ่งประดับไฟแต่ถูกมรสุมซัดจนเหลือเพียงซาก
22 สิงหาคม วันที่ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องคดีมาตรา 112 ของ ทักษิณ ชินวัตร เพียงถ้อยคำนั้นก็เปลี่ยนบรรยากาศจากหม่นหมองให้กลายเป็นแสงสว่างที่ผู้คนเฝ้ารอ
สำหรับตระกูลชินวัตร มันคือวันที่ “พ่อ” ผ่านพ้นวิกฤตอีกครั้ง รอยยิ้มของทักษิณจึงกลายเป็นสัญญาณว่าตระกูลนี้ยังหายใจอยู่ในสนามการเมือง
สุขที่เกิดขึ้นงดงามเหมือนรุ่งอรุณแรกหลังค่ำคืนยาวนาน แต่ทุกคนรู้ดี ไม่มีแสงใดคงอยู่ตลอดไป วันนี้หัวเราะได้ แต่วันข้างหน้าอาจเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงที่ใครก็หยั่งไม่ถึง
แต่รุ่งอรุณไม่เคยอยู่นาน แสงแรกคือจุดเริ่มของเงา
เพียงเจ็ดวันถัดมา 29 สิงหาคม เสียงอ่านคำวินิจฉัยจากบัลลังก์ศาลรัฐธรรมนูญก็ดังก้อง ไม่ต่างจากฆ้องใหญ่ที่ฟาดกลางวิหาร ทุกถ้อยคำเป็นค้อนที่ทุบลงบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
แพทองธาร ชินวัตร ต้องสิ้นสุดตำแหน่ง ศาลชี้ว่าเธอ “ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” และแม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แต่ก็เพียงพอให้เธอต้องหล่นจากเก้าอี้ และคณะรัฐมนตรีทั้งชุดพ้นไปพร้อมกัน
นี่คือเส้นแบ่งที่ชัดเจน ซื่อสัตย์สุจริตอาจเพียงพอสำหรับชีวิตคนธรรมดา แต่สำหรับผู้ถืออำนาจรัฐ มาตรฐานนั้นยังต่ำเกินไป ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ต้องสะอาดพอที่จะสะท้อนเกียรติภูมิของประเทศ
การสิ้นสุดของแพทองธาร จึงไม่ใช่เพียงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ว่างลง แต่คือการที่เครื่องค้ำยันอำนาจทั้งชุดหักโค่น
รัฐบาลที่ดูมั่นคงเพียงสัปดาห์ก่อน กลับกลายเป็นเพียงอดีตในพริบตา ความจริงก็เปิดเปลือย เสาหลักของรัฐบาลไม่ใช่ลูกสาว หากคือทักษิณ ชินวัตร ผู้คุมเกมจากฉากหลังมาตลอด
อำนาจที่เคยส่องผ่านลูกสาว วันนี้ถูกปิดสวิตช์ ทิ้งให้เขาต้องยืนเปลี่ยวกลางลมการเมือง เผชิญบทใหม่โดยลำพัง ภาพนั้นสะท้อนว่า ทักษิณกำลังเข้าสู่ความเปลี่ยวว่างทางอำนาจ อดีตที่เคยเป็นพลังค้ำยันทั้งพรรค กำลังเลือนหาย เหลือไว้เพียงคำถาม ตระกูลชินวัตรจะยังยืนในเวทีนี้ได้นานเพียงใด
หลังแพทองธารสิ้นสุดจากตำแหน่ง เก้าอี้นายกรัฐมนตรีจึงกลายเป็น ศูนย์กลางการแย่งชิงของการเมือง
ชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ ปรากฏขึ้นในฐานะแคนดิเดตของเพื่อไทย ชายผู้ถูกวางไว้ให้เป็นสะพานต่อของอำนาจที่ทักษิณยังพยายามประคอง แต่เกมครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะอีกด้านหนึ่ง อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ก้าวขึ้นมาในจังหวะที่พายุการเมืองกำลังโหมแรง
เสียงซุบซิบหนาหูว่า สส.เพื่อไทยหลายสิบคนอาจหันไปสนับสนุนเขา และบางพรรคที่เคยยืนอยู่เคียงข้างในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มขยับห่างออกไปทีละก้าว หากภาพนี้เป็นจริง พรรคเพื่อไทยอาจไม่กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ต้องถอยไปสู่บทบาทฝ่ายค้านแทน
นี่คือภาพสะท้อนว่า อำนาจของทักษิณที่เคยกุมแน่น กำลังหลุดร่วงไปจากมือทีละเส้นด้าย สิ่งที่เคยเป็น “เครือข่ายแห่งความมั่นใจ” กำลังกลายเป็น “วงล้อมแห่งความเปลี่ยวเหงา” และทักษิณกำลังยืนอยู่ต่อหน้า ความจริงอันโหดร้าย ว่าอำนาจอาจไม่มีหุ่นเชิดให้สวมอีกต่อไป
คลื่นลูกหนึ่งเพิ่งซัดผ่าน แต่ฟ้ากลับก่อตัวพายุลูกใหม่อยู่ไม่ไกล เบื้องหน้านั้นคือ 9 กันยายน วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะอ่านคำสั่งเรื่องการบังคับโทษชั้น 14 ของ ทักษิณ ชินวัตร
ชะตานั้นแขวนอยู่บนเส้นบาง หากศาลเห็นว่ากระบวนการเดิมมีข้อบกพร่อง อาจต้องก้าวข้ามประตูเรือนจำเป็นครั้งแรก แต่หากศาลตัดสินกลับกัน เส้นทางใหม่ก็จะเปิดออก ทว่าไม่มีใครรู้ว่ามันจะพาไปสู่ความมั่นคง หรือพาเข้าสู่ความสับสนที่ใหญ่กว่าเดิม
9 กันยา จึงเป็นวันแห่งความไม่แน่นอน สำหรับทักษิณ มันคือเส้นทางชีวิตที่ยังแกว่งไกว บางคราวสูง บางคราวต่ำ มีทั้งรอยยิ้มและร่องรอยหม่น เหมือนภาพเดียวกับอำนาจที่ไม่เคยยืนยาว
เมื่อมองเส้นทางจาก 22 สิงหา วันที่พ่อรอด ผ่าน 29 สิงหา วันที่ลูกหล่น และทอดสายตาไปยัง 9 กันยา วันที่อาจเป็นบทหนักที่สุด
สิ่งที่เห็นชัดคือ อำนาจสั้นกว่าที่คิด เพียงเจ็ดวัน รอยยิ้มก็กลายเป็นคราบหม่น และไม่กี่วันถัดมา อาจกลายเป็นความมืดที่กลืนทั้งฟ้า
การเมืองก็เหมือนชีวิต ไม่มีสิ่งใดยืนยาว สุขเป็นเพียงแสงวาบ ทุกข์เป็นเพียงพายุที่โหมพัด อำนาจก็เป็นเพียงเงาที่ทอดบนพื้น ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อแสงเปลี่ยนทิศ
และทั้งหมดนี้ จากวันที่พ่อรอด ถึงวันที่ลูกหล่น ก็กำลังเคลื่อนไปสู่ 9 กันยา… วันที่อาจมืดมนที่สุด ราวกับดวงอาทิตย์ดับกลางวัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE ร้องข้ามกำแพงคุก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ร้องข้ามกำแพงคุก!! ห้องข่าวไทยโพสต์ : ประจำวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
'ทักษิณ' ร่วมเวที 'เสก โลโซ' ร้องเพลงใจสั่งมา ในเรือนจำกลางคลองเปรม
"ทักษิณ" ขึ้นเวทีเรือนจำฯ ควงไมโครโฟนร้องเพลง "ใจสั่งมา" บรรยากาศอบอุ่นมวลความสุข เพื่อนผู้ต้องขังกว่า 1,000 คน ต่างลุกโชว์สเต็ปแด๊นซ์


