มติเสียงข้างศาลรธน.ชี้รัฐสภามีอำนาจริเริ่มแก้รธน.ฉบับใหม่ได้ แต่ต้องถามประชาชนก่อน โดยต้องทำประชามติรวม 3 ครั้ง ครั้งที่ 1-2 รวมกันได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
10 กันยายน 2568 - ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 วินิจฉัยว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 รัฐสภามีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชน ออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เสียก่อน ทั้งนี้ การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งรัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
ทั้งนี้กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกรัฐสภา ในคราวประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เมื่อวันจันทร์ ที่ 17 มี.ค.68 ซึ่งพิจารณาญัตติด่วนที่นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เสนอให้รัฐสภาพิจารณาและที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นด้วยส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ตามญัตติที่เสนอ
โดยตุลาการเสียงข้างมาก 5 เสียงในประเด็นนี้ดังกล่าวประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์
ส่วน 2 เสียงข้างน้อย คือ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 รัฐสภาไม่มีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เว้นแต่จัดให้มีการออกเสียงประชามติให้ความ เห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นอกจากนี้ตุลาการเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 ยังวินิจฉัยว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
ครั้งที่ 2 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่ามีวิธีการและเนื้อหาที่สำคัญอย่างไร
และครั้งที่ 3 ภายหลังรัฐสภาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ให้ประชาชนออกเสียง ประชามติว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
โดยการออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจรวมเป็นครั้งเดียวกันได้
ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 6 เสียง ประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ นายนภดล เทพพิทักษ์ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ
ส่วน 1 เสียงข้างน้อย นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ที่มีตุลาการนั่งเป็นองค์คณะ 7 คน เนื่องจากก่อนหน้านี้นายอุดม รัฐอมฤต ขอถอนตัวก่อนการรับพิจารณาคดีเนื่องจากเคยทำหน้าที่เป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและเคยให้ถ้อยคำหรือความเห็นในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในคดีนี้ ส่วนนายปัญญา อุดชาชน พ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากครบวาระ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม. เห็นชอบคำถามประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่ง กกต.
“กฤษฎีกา” ค้าน ครม. ยกเลิก MOU 2543-2544 เหตุมีผลผูกพัน รบ.หน้า ส่วนประชามติแก้ รธน. รอ กกต.เคาะใช้แนวทางไหน
เทพไท เสนอ กกต. หยุดทำประชามติ MOU43-44 และไม่อนุมัติคนละครึ่งเฟส 2
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ข้อเสนอแนะต่อ กกต.และรัฐบาล
อดีตกกต.ชี้ MOU43 ,44 ไม่จำเป็นต้องทำประชามติ เพราะไม่มีใครเคารพกันแล้ว
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความว่า จำเป็นไหมที่ต้องแทรกประชามติไปพร้อมวันเลือกตั้งหาก
‘ปิยบุตร’ เผยเบื้องหลัง MOA ปชน.-ภูมิใจไทย เป็นการ ‘ทดลอง’
เลขาธิการคณะก้าวหน้า ยอมรับเสียใจ กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญล้มเหลว ชี้เป็นการ “ทดลอง” ภายใต้ข้อจำกัดในระบบการเมือง
‘ชัยวุฒิ’ จี้ ปชน. เลิกโฟกัสแก้รัฐธรรมนูญ หันมาปกป้องอธิปไตยบ้าง
"ชัยวุฒิ" จี้ ปชน. เลิกโฟกัสแก้รัฐธรรมนูญ เรียกร้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ใช้เครือข่าย NGO สื่อสารกับ สหรัฐฯ ให้เข้าใจปมขัดแย้งไทย–กัมพูชา
รทสช. ออกแถลงการณ์ ชี้แก้รัฐธรรมนูญ-ยุบสภา ซ้ำเติมวิกฤตประเทศ
“รวมไทยสร้างชาติ” ออกแถลงการณ์ ชี้ยุบสภาซ้ำเติมวิกฤต ไม่เกิดประโยชน์ประเทศ สะท้อนให้ความสำคัญการเมืองกว่าความเดือดร้อนประชาชน รทสช. พร้อมพาฝ่าขัดแย้ง ส่งผู้สมัครครบ 77 จว.

