'ปิดด่าน 100 ปี' วาทะฮุนเซนเผด็จการ 4 ทศวรรษ

สี่ทศวรรษที่ ฮุนเซน ครองกัมพูชาไม่ต่างจากการกักทั้งประเทศไว้ในกำมือ จนวันนี้ยังกล้าโอ่ว่า “ต่อให้ไทยปิดด่านไปอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ตาย” คำเดียวก็พอให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่ใกล้ตายไม่ใช่ประเทศ แต่คือระบอบที่พยุงตัวเองด้วยลมหายใจของคนเพียงคนเดียวการเมืองก็เหมือน ประวัติศาสตร์ มักเล่นตลกกับคนที่เผลอคิดว่าตัวเองจะยืนยงตลอดกาล ยิ่งกุม อำนาจ นานเท่าไร ก็ยิ่งได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของตนเอง

สี่ทศวรรษที่ผ่านมาคือเวลาที่ ฮุนเซน หล่อหลอมตนเป็นเงาของกัมพูชา ชายวัยเจ็ดสิบกว่าผู้ยึดอำนาจจนกลายเป็นร่างทรงของรัฐ ครั้นโพสต์โอ่ว่า “กัมพูชาไม่ตายแม้ปิดต่ออีกศตวรรษ” นั่นไม่ใช่คำปลอบใจ ชาวกัมพูชา หากคือท่าทีของผู้นำที่ชินกับการพูดโดยไร้เสียงค้าน

คำโอ่แข็งกร้าวอาจทำให้เจ้าตัวดูเหมือนเหล็กกล้า แต่หากหันไปที่ตลาดชายแดน ร้านรวงเล็กๆ และครอบครัวแรงงานข้ามแดน ภาพที่เห็นกลับไม่แข็งแรงดังคำพูดนั้นเลย

วันที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เสียงยินดีจากต่างแดนมาจาก ฮุน มาเนต ลูกชายของฮุนเซน หลายคนคิดว่านี่อาจเป็นสัญญาณใหม่ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาจะคลี่คลายหลังรอยร้าวในยุค แพทองธาร

แต่ไม่กี่อึดใจ โพสต์จากพ่อก็ดับรอยยิ้มของลูก น้ำเสียงแข็งที่ปล่อยออกมาไม่ได้ทำให้ประเทศดูมั่นคง กลับตอกย้ำว่าผู้กุม อำนาจ ที่แท้จริงยังคงเป็นคนเดิม

ภาพที่โลกเห็นจึงไม่ใช่แสงใหม่ของรุ่นลูก แต่เป็นเวทีที่ยังถูกครอบด้วยเงาเก่า บทหนึ่ง ยิ้มอ่อนโยน อีกบทหนึ่ง ชูกำปั้น แข็งกร้าว เพื่อค้ำระบอบที่ยืดเยื้อมาสี่ทศวรรษ

โอ่ว่า “อยู่ได้โดยไม่พึ่งไทย” ฟังดูสะใจ แต่ชีวิตจริงริมแดนบอกอีกเรื่อง การปิดด่านไม่ได้สะเทือนแค่ตัวเลขการค้า มันคือลมหายใจของครอบครัวเล็กๆ ของ ชาวเขมร และรายได้ที่เคยพึ่งการเคลื่อนไหวข้ามแดนทุกวัน

ฝั่งกัมพูชารู้ดีว่าเศรษฐกิจแถบ ปอยเปต-สระแก้ว เกาะกันแน่น บ่อนกาสิโน ที่เคยคึกคักด้วยนักพนันไทย วันนี้กลับเงียบเหงา รายได้หายไปเป็นสิบๆ เปอร์เซ็นต์ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน

เสียงจากยอด อำนาจ บอกว่า “ไม่สะเทือน” แต่เสียงล่างสะท้อนกระเป๋าที่บางลงของชาวกัมพูชาทุกวัน

โพสต์แข็งกร้าวไม่ได้จบที่หน้าจอ เพราะไม่นานหลังจากนั้นก็มีรายงานว่าทหารกัมพูชาเริ่มขยับกำลัง ทั้งแถว เขาพระวิหาร และ ช่องตาเฒ่า

ภาพที่เห็นไม่ใช่แค่คำในโลกออนไลน์ แต่กลายเป็นความเคลื่อนไหวจริงที่ทำให้ชายแดนตึงเครียด รถถังกับอาวุธหนักถูกเลื่อนเข้าพื้นที่ เหมือนส่งสัญญาณว่าพร้อมท้าทายได้ทุกเมื่อ

บรรยากาศตามแนวแดนจึงกลายเป็นเหมือนเชื้อไฟรอประกาย ทุกสายตาจับจ้องว่ารอยเส้นบนแผนที่จะถูกลากด้วยเลือดอีกครั้งหรือไม่

แรงกดดันตรงพรมแดน ทำให้ไทยไม่อาจเพิกเฉยต่อกระแสในบ้านตัวเอง หลายเดือนมานี้สังคมกดดันชัดเจนว่า ควรปิดด่านต่อไป ด้วยเหตุผลทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ

การปิดด่านจึงไม่ใช่เกมเอาชนะกัมพูชาแต่คือการตอบสนองต่อความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ ที่ไม่อยากเห็นด่านถูกเปิดเพื่อหนุน บ่อน-กาสิโน และเครือข่ายผิดกฎหมายฝั่งโน้น

เมื่อสังคมไทยยังไม่พร้อม คำโอ่ของ ฮุนเซน ยิ่งทำให้การปิดต่อถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ใช่ และยิ่งตอกย้ำภาพว่าเจ้าตัวไม่เคยสนใจว่าชีวิตของชาวเขมร กำลังเป็นอย่างไร

สี่ทศวรรษในมือคนเดียว ไม่ได้ทำให้กัมพูชามีสถาบันการเมืองที่มั่นคงขึ้น ตรงกันข้ามทุกอย่างกลับถูกผูกไว้กับ ตระกูลเดียว เครือข่ายอุปถัมภ์และกองกำลังกลายเป็นเสาหลักของระบอบ ประเทศจึงนิ่งคล้ายสระน้ำที่ไร้การไหลเวียน

คำโอ่ว่า “ไม่ตาย” จึงเป็นเสียงสะท้อนของคนที่มั่นใจในตัวเอง มากกว่าความจริงในชีวิตของชาวกัมพูชา ที่ยังต้องดิ้นรนทุกเช้าเย็น

เมื่อสังคมไม่เปิดพื้นที่ให้เสียงอื่นๆดัง ระบอบก็ยิ่งปิดหูตัวเอง และทุกครั้งที่บุคคลเดียวสะดุดล้ม ประเทศทั้งประเทศก็พร้อมจะล้มตามไปด้วย

ฮุนเซนอาจโอ่ว่าประเทศอยู่รอดแม้ปิดด่าน แต่ความจริงกลับสะท้อนตรงข้าม เจ้าของ อำนาจ เองต่างหากที่อาจไม่รอดในบั้นปลาย สี่สิบปีที่กอดไว้จนผู้คนอิดหนาระอาใจ ไม่ได้สร้างความนิยม มีแต่ความสั่นไหวจากข้างล่างที่ค่อยๆ ขยายตัว

ระบอบที่เคยเชื่อว่าตนแน่นหนา อาจแตกออกจากแรงผลักของ ชาวกัมพูชารุ่นใหม่ ที่หมดศรัทธา และหากวันนั้นมาถึง การลุกฮือก็คงไม่เหนือความคาดหมาย ไม่มีใครอยากติดอยู่ในกรงเดิมไปชั่วชีวิต

คำท้าทายที่ฟังแข็งกร้าว แท้จริงแล้วกลับเหมือนเสียงของคนที่รู้ตัวว่ากำลังถอยสู่ปลายทาง ยิ่งคนรุ่นใหม่กล้าเอ่ยคำถามต่อระบอบมากเท่าไร เสียงโอ่อวดเหล่านี้ยิ่งดูหลุดออกจากโลกจริง

คำว่า “อยู่ได้” อาจฟังเข้มแข็งในวงชนชั้นนำ แต่ในตลาด ริมถนน และท้องทุ่ง ชาวเขมรรู้ดีว่าชีวิตพวกเขาไม่เคยมั่นคงอย่างที่ถูกพร่ำบอกมา

และหากแรงกดดันจากเบื้องล่างรวมกันจนกลายเป็นคลื่นใหญ่ คำว่า “ไม่ตาย” อาจกลายเป็นเพียงเสียงพร่ำของคนที่พยายามปลอบใจตัวเองเท่านั้น

สี่สิบปีของ ฮุนเซน คือบทเรียนว่าการเมืองที่ ผูกติดกับบุคคล ย่อมพาไปสู่ทางตัน คำกร้าวที่ถูกปล่อยออกมา จึงไม่ใช่สัญญาณของความแข็งแรง หากแต่เป็นเงาของอำนาจ ที่เริ่มโรยแรงไปทีละน้อย

ระบอบใดก็ตามที่พยายาม ปิดบังความจริง ไว้ ย่อมไม่อาจทนทานได้ตลอดไป ความอดทนที่สั่งสมอยู่ในใจชาวกัมพูชา กำลังแปรเปลี่ยนเป็น แรงสั่นสะเทือนที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้เมื่อถึงเวลาปะทุ

สิ่งที่น่าถามในวันนี้ ไม่ใช่ว่าด่านจะปิดต่อไปอีกกี่ปี แต่คือ ระบอบที่สร้างขึ้นโดยตระกูลเดียว จะฝืนยืนท้าทาย คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง ได้นานเพียงใด

สำหรับไทย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การเปิดหรือปิดด่าน แต่คือการเดินเกมที่ต้องมียุทธศาสตร์ รัฐบาลอนุทิน จำเป็นต้องยืนให้ชัด ว่ามาตรการที่เลือกใช้นั้นไม่เพียงสะท้อนความรู้สึกของสังคมไทย แต่ยังตัดท่อน้ำเลี้ยงเครือข่ายผิดกฎหมายจากฝั่งกัมพูชา

ในเวลาเดียวกัน ช่องทางการทูตก็ต้องเปิดไว้เสมอ เพื่อเป็นกันชนไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ไทยควรเดินเกมที่หนักแน่นแต่ไม่ผลีผลาม เพื่อรักษาความชอบธรรมทั้งต่อสายตาคนไทยและนานาชาติ

ทั้งหมดนี้คือภาพที่ สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยยังมีทางเลือกของตนเอง ขณะที่อีกฟากยังคงติดอยู่ใต้เงาผู้นำคนเดิมสี่ทศวรรษ และความต่างนี้เองที่กำลังบอกเล่าอนาคตได้ชัดกว่าคำโอ่ใดๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา

เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่