ส่องรายละเอียดโยก 45 เก้าอี้ มท.เป้าชัดจัดทัพใหญ่รับศึกเลือกตั้ง 2569

เอ็กซเรย์โยก 45 เก้าอี้ มท. สิงห์น้ำเงินผงาด มตำแหน่งหลัก ใครเป็นใคร เป้าชัด 'อนุทิน-เนวิน-ภท.' จัดทัพใหญ่ รับศึกเลือกตั้ง 69

15 ต.ค.2568 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายกระทรวงมหาดไทย ระดับ 10 ที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวม 45 ตำแหน่งเมื่อ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ถูกวิจารณ์ทางการเมืองว่า บิ๊กมหาดไทย สายสิงห์น้ำเงินผงาด ส่วนสายขั้วอำนาจเก่าที่เติบโตขึ้นมามีตำแหน่งสำคัญในยุคนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็น รมว.มหาดไทย ถูกโยกพ้นตำแหน่งหลัก ลดบทบาทในมหาดไทย

ไม่ว่าจะเป็น อาทิ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครองที่ภูมิธรรม ดันจากผวจ.เชียงใหม่ ให้เข้ามาเป็นอธิบดีปกครอง โดยมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ได้แรงหนุนจากฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยหลายสาย เช่น นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อดีต รมช.การคลัง-สส.เชียงใหม่ แกนนำเพื่อไทยสายเชียงใหม่ แต่เมื่อขั้วอำนาจเปลี่ยน นายนิรัตน์ เลยต้องโดนเด้งจากอธิบดีปกครอง ที่คุมนายอำเภอทั่วประเทศ ไปเป็น ผวจ.ภูเก็ต ที่ก็ยังดีกว่าเข้ากรุผู้ตรวจมหาดไทย ส่วนคนที่ขึ้นมาแทนก็คือ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ที่เป็นอดีต ผวจ.บุรีรัมย์ น้องรักนายเนวิน ชิดชอบ เพราะอยู่บุรีรัมย์มาตั้งแต่เป็นปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ และก่อนหน้านี้ก็เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแต่โดนภูมิธรรมเด้งเข้ากรุงเป็นผู้ตรวจฯ คราวนี้ ได้กลับมาผงาดอีกรอบเป็น อธิบดีกรมการปกครอง ในช่วงที่ปีหน้าจะมีการยุบสภาฯ หาเสียงเลือกตั้งใหญ่ โดยที่ผ่านมา นายนฤชาก็เคยไปร่วมปรากฏตัวที่พรรคภูมิใจไทยเช่นตอนที่มีการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งอนุทิน เป็นนายกฯ เมื่อ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีการเด้ง นายเชษฐา โมสิกรัตน์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไปเป็น ผวจ.นนทบุรี โดยนายเชษฐา สมัยเป็นรองปลัดมหาดไทย ฝ่ายการเมืองยุคภูมิธรรม เป็นมท.1 ตั้งให้เป็นประธานกรรมการพิจารณากรณีเขากระโดง บุรีรัมย์ และมีความเห็นให้กรมที่ดิน เพิกถอนที่เขากระโดง 5,083 ไร่ จนนายภูมิธรรม-เดชอิศม์ ขาวทอง อดีต รมช.มหาดไทยเอาผลสรุปดังกล่าวไปแถลงข่าว ซึ่งเดิมที ภูมิธรรมจะให้เป็นอธิบดีกรมที่ดินด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย ก็ให้ไปอยู่อธิบดีปภ.ที่ก็เป็นกรมใหญ่ฯ มารอบนี้ โดนเด้งไปเป็นผวจ.นนทบุรี ที่ก็ถือเป็นจังหวัดใหญ่ ติดกรุงเทพฯ ก็น่าจะทำให้พอทำใจได้บ้าง

ส่วนคนที่มาเป็นอธิบดี ปภ.แทนก็คือ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ที่ข่าวบอกว่า ได้แรงหนุนจากบ้านใหญ่อุทัยฯ ตระกูลไทยเศรษฐ์ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงนายชาดา อดีตรมช.มหาดไทย จนขยับจากจังหวัดเล็กอุทัยธานีมาเป็นอธิบดีปภ.

รวมถึงการเด้งนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินไปเป็น ผวจ.ขอนแก่น ในช่วงปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการปีหน้า โดยแม้จะถูกมองว่าเป็นการลดชั้น แต่ต้องไม่ลืมว่า ขอนแก่น เป็นจังหวัดใหญ่ มีความสำคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจของภาคอีสาน และอาจจะเหมาะกับนายขจรเกียรติ ที่เติบโตบนเส้นทางพ่อเมืองมาตลอดมากกว่า เพราะเป็นผู้ว่าฯมาแล้วหลายจังหวัดเช่น อ่างทอง-อุทัยธานี-ฉะเชิงเทรา-นครศรีธรรมราช เลยทำให้รู้จักเครือข่ายคนในพรรคสีน้ำเงินหลายคน ทั้ง บ้านใหญ่อ่างทอง “ปริศนานันทกุล” -บ้านใหญ่อุทัยธานี ตระกูลไทยเศรษฐ์ จึงทำให้ไม่แปลกที่ไม่โดนเด้งเข้ากรุ ผู้ตรวจฯ ยังได้เป็นผู้ว่าฯขอนแก่น มีการมองกันว่า ฝ่ายการเมืองสีน้ำเงิน คงมองว่า แม้จะเข้ามาเป็นอธิบดีกรมที่ดินในยุคเพื่อไทย แต่ก็ไม่ได้เข้าไปดำเนินการใดๆในเรื่องเขากระโดงตามที่ฝ่ายเพื่อไทยกดดัน จึงน่าจะทำให้ซื้อใจบิ๊กพรรคสีน้ำเงิน จนแม้จะเด้งจากอธิบดีกรมที่ดิน แต่ก็ยังส่งไปเป็นผวจ.ขอนแก่น ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

ส่วนคนที่มาเป็นอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นายพรพจน์ เพ็ญพาส ที่เหลืออายุราชการอีกหนึ่งปี คือเกษียณปีหน้า 2569 และเป็นอดีตอธิบดีกรมที่ดิน ที่ยุคภูมิธรรม ขอย้ายตัวเองออกจากตำแหน่ง เพราะช่วงนั้นโดนกดดันเรื่องที่ดินเขากระโดง จนนายภูมิธรรม ส่งไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย สุดท้าย นายพรพจน์ ก็ได้คัมแบ็กกรมที่ดินอีกรอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ สมัยเป็นอธิบดีกรมที่ดิน ทางกรมที่ดิน ไม่ได้มีการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง แม้จะถูกฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยพยายามกดดัน โดยกรมที่ดินอ้างเรื่องการรต้องทำตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 เพราะที่ดินเขากระโดง ห้าพันกว่าไร่ของราษฎรร่วม 995 รายที่มีตระกูล”ชิดชอบ”ครอบครองอยู่ด้วยพันกว่าไร่ กรมที่ดินไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะที่เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาฯก่อนหน้านี้ให้เพิกถอน 35 ราย ผูกพันเฉพาะคู่ความ ไม่ผูกพันบุคคลอื่น การรถไฟฯ ต้องไปฟ้องคดีกันใหม่ก่อน จนได้ข้อยุติถึงจะเข้าข่ายตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 อันเป็นความเห็นที่ฝ่ายทีมทนายความของ”บ้านใหญ่บุรีรัมย์”ยืนกรานแนวนี้มาตลอดในการตอบโต้กับการรถไฟฯ

ตลอดจนการเด้ง นายสุรศักดิ์ อักษรกุล พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนแล้วส่งไปอยู่อีสาน เป็น ผวจ.หนองบัวลำภูตามเดิม เพราะนายสุรศักดิ์ ก่อนหน้านี้ก็เป็น ผวจ.หนองบัวลำภู จนยุคนายภูมิธรรม โยกมาเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ส่วนคนที่มาแทน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.สมุทรปราการ ที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน แต่ถูกนายภูมิธรรม โยกไปเป็นผวจ.สมุทรปราการ พอมายุคนี้ นายอนุทิน ก็เลยโยกกลับคืน ด้วยการเอานายสุรศักดิ์ กลับไปเป็น ผวจ.หนองบัวลำภูตามเดิม แล้วก็เอานายสยาม ที่เคยเป็นผู้ว่าฯที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์มหาดไทยคือ 44 ปี กลับมาเป็นอธิบดี กรมการพัฒนาชุมชน ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะอีกครั้ง อันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยครั้งนัก กับการโยกย้ายแบบนี้

และยังมีการเด้ง ร.ต.ท. ภพชนก ชลานุเคราะห์ที่สมัยภูมิธรรม เป็นมท.1 ก็ขยับ ร.ต.ท.ภพชนก รุ่นน้องสิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ จาก ผวจ.เพชรบุรี ขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รอบนี้นายอนุทิน เลยส่งกลับที่เดิมไปเป็น ผวจ.เพชรบุรี แล้วก็โยกนายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล จาก ผวจ.สุราษฎร์ธานี มาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น คุมงบท้องถิ่นแสนล้าน โดยมีกระแสข่าวว่านายธีรุตม์ ได้แรงหนุนจากบิ๊กพรรคสีน้ำเงินสายภาคใต้ ที่มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯและรมว.คมนาคม เป็นแกนนำหลัก

ส่วน”ผู้ว่าฯสายสิงห์น้ำเงิน”ที่เคยโดนเด้งเข้ากรุฯ โยกย้ายออกจากตำแหน่งหลักเช่นจากจังหวัดใหญ่ไปจังหวัดเล็ก ในช่วงภูมิธรรม-เพื่อไทยคุมมหาดไทย พบว่ารอบนี้ กลับมาผงาดอีกครั้ง อาทิ นายณรงค์ เทพเสนา ที่สมัยภูมิธรรมเด้งจาก ผวจ.อำนาจเจริญ ไปนั่งตบยุงที่ผู้ตรวจฯมหาดไทย รอบนี้ก็ได้ออกจากกรุไปเป็น ผวจ.อุบลราชธานี จังหวัดใหญ่ภาคอีสาน ที่ภูมิใจไทย หมายมั่นปั้นมือว่าจะยึดครองที่นั่งส.ส.เขตในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นให้ได้เกือบทั้งหมด หลังล่าสุดได้ “นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีตรมช.มหาดไทย บ้านใหญ่เมืองดอกบัว”จะมาเสริมทัพที่ภูมิใจไทยด้วยอีกหนึ่งปีกการเมือง

โดยนายณรงค์ ก่อนหน้านี้ เป็นที่รู้กันว่าเป็นสิงห์น้ำเงินแท้ สนิทกับ “เจ๊รวย-นางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ หัวหน้าทีมอำนาจเจริญของภูมิใจไทย” ที่เลือกตั้งที่ผ่านมาปี 2566 ทำให้ภูมิใจไทยชนะยกจังหวัด ที่สำคัญ ช่วงดีเอสไอรุกไล่ทำคดีฮั้ว สว.อย่างหนักเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ โดยส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่อำนาจเจริญ เพื่อสอบสวนการเลือกสว.อำนาจเจริญระดับอำเภอ-จังหวัด นายณรงค์ ก็ทำหนังสือด่วนฟ้อง ปลัดกระทรวงมหาดไทยว่าการสอบสวนของดีเอสไอทำโดยมิชอบมีการข่มขู่ประชนเพื่อกันตัวเป็นพยาน ทำให้ นายภูมิธรรม ที่ตอนนั้นเป็นประธานบอร์ดคดีพิเศษไม่พอใจอย่างมาก จึงทำให้ชื่อของนายณรงค์ ติดโผโดนเด้งมาตลอด แล้วก็โดนเด้งไปเป็นผู้ตรวจฯมหาดไทยตามคาดในยุคนายภูมิธรรม เป็น รมว.มหาดไทย แต่เมื่อวันนี้ พรรคสีน้ำเงินกลับมาคุมมหาดไทย นายณรงค์เลยได้กลับมาผงาดอีกรอบ แถมเป็นผ วจ.จังหวัดใหญ่ขึ้น จากอำนาจเจริญมาเป็น ผวจ.อุบลราชธานี

ส่วนจังหวัดอื่นๆที่น่าสนใจก็เช่น นายทศพล เผื่อนอุดม-ผวจ.เชียงใหม่ที่เป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ไม่ถึงสองเดือน ก็โดนแจ็คพ็อต ถูกเด้งเข้ากรุงผู้ตรวจราชการกระทรวง เพราะเป็นที่รู้กันว่าได้แรงหนุนจากฝ่ายการเมืองในเพื่อไทย ทั้งเจ๊แดง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ อดีต รมช.การคลัง ส่วนคนที่มาแทน ก็มาจากจังหวัดติดกันคือนายรัฐพล นราดิศร ผวจ.เชียงราย ที่มีข่าวบางกระแสว่า ได้แรงหนุนจาก รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรฯและหัวหน้าพรรคกล้าธรรม โดยเฉพาะแรงดันจาก นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รมช.เกษตรฯและ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม ให้มาเป็นพ่อเมืองเชียงใหม่ ที่เลือกตั้งรอบหน้า พรรคกล้าธรรมวางเป้าไว้แล้วว่าจะขอแบ่งพื้นที่เชียงใหม่กับเพื่อไทยบางเขต

แล้วก็ยังมีกรณีนายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล อดีต ผวจ.อ่างทอง แนบแน่น บ้านใหญ่ปริศนานันทกุล ของนายภราดร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่นายภูมิธรรม เด้งไปเป็นผู้ตรวจฯ และอนุทิน เคยประกาศไว้ตอนไปอ่างทอง ว่าจะคืนความเป็นธรรมให้ สุดท้าย ก็ได้ออกจากกรุผู้ตรวจฯไปเป็น ผวจ.พระนครศรีอยุธยา จังหวัดใหญ่ภาคกลาง ที่เลือกตั้งรอบหน้า ภูมิใจไทย หมายมั่นปั้นมือจะเพิ่มที่นั่ง สส. จังหวัดกรุงเก่าฯ อยุธยา เพราะมีนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ฯ ลูกชาย เจ๊สมทรง นายกฯ อบจ.อยุธยาฯ หลายสมัย เป็น สส.เขตพระนครศรีอยุธยาอยู่

รวมถึงการเอาว่าที่ พ.ต. อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ออกจากกรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย หลังโดนนายภูมิธรรมเด้งจาก ผวจ.อุบลราชธานี เข้ากรุฯผู้ตรวจราชการมหาดไทย เพราะไม่พอใจเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาประชาชนที่ประสบภัยจากการสู้รบไทย-กัมพูชา รวมถึงเพื่อไทยมองว่าเป็นสายของสิงห์น้ำเงิน ปีก ของนายอิสระ สมชัย อดีต รมว.พัฒนาสังคมฯ ที่มีลูกสาวเป็นส.ส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย รอบนี้ก็ได้ออกจากผู้ตรวจฯ ไปเป็นพ่อเมืองที่นครพนม ซึ่งเป็นจังหวัดที่ภูมิใจไทยแข่งกับเพื่อไทยอย่างเข้มข้น ระหว่างสายนายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาฯกับ นางมนพร เจริญศรี อดีต รมช.คมนาคม สส.นครพนม เพื่อไทย จนนางมนพร ทำให้ศุภชัยสอบตกและยังเอาชนะศึกเลือกตั้งนายกฯอบจ.นครพนม ที่ลูกสาวของศุภชัยแพ้เลือกตั้ง

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ว่าฯ ที่เคยถูกมองว่า ใกล้ชิดกับขั้วอำนาจเก่า-เพื่อไทย บางคนก็โดนย้ายออกจากตำแหน่งหลักเช่น นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมา ที่เป็นอดีตผู้ว่าฯมาแล้วหลายจังหวัดและยังเคยเป็นอดีตอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ก็ถูกโยกมาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เป็นตำแหน่งลอย โดยก่อนหน้านี้มีการมองกันว่า นายชัยวัฒน์ระยะหลัง ได้แรงหนุนจากประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรมว.ดิจิทัลฯ และกลุ่มแป้งมันโคราชเพื่อไทย สายนายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ที่รวมกันแล้วมี สส.เพื่อไทยโคราชถึง 12 คน แต่สุดท้ายนายชัยวัฒน์ อดีตผู้ว่าฯคนดัง ที่เคยโด่งดังในโซเชียลมีเดีย จากหลายกรณีเช่น ปั่นจักรยานไปทำงานตอนเป็นผู้ว่าฯ ก็ถูกโยกเข้าเป็นรองปลัดมหาดไทยฯ แล้วก็โยกนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ จาก ผวจ.ศรีสะเกษมาเป็น ผวจ.โคราช ที่เป็นจังหวัดที่มี สส.มากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ และเป็นจังหวัดที่เลือกตั้งที่จะมีขึ้น ภูมิใจไทยหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ สส.เขตเพิ่มขึ้น หลังได้กำลังเสริมมาหลายทางเช่น นายโกศล ปัทมะ สส.โคราช เพื่อไทย ที่เปิดตัวจะเข้าภูมิใจไทยในการเลือกตั้งรอบหน้า โดยมีกระแสข่าวว่านายอนุพงศ์ ก็ได้แรงหนุนจากบ้านใหญ่ศรีสะเกษ ไตรสรณกุล ที่มี น.ส..ไตรศุลี เป็นเลขาธิการนายกฯ นอกจากนี้ นายชรินทร์ ทองสุข ผวจ.ขอนแก่น ที่ได้แรงหนุนจากฝ่ายการเมืองขอนแก่นในเพื่อไทยหลายสาย เช่น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดมหาดไทย ก็โดนเด้ง เข้ากรุเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น

อย่างไรก็ตามจะพบว่า โผมหาดไทยรอบนี้ พวกสิงห์มหาดไทยสายที่เคยขึ้นมามีตำแหน่งสำคัญยุคนายภูมิธรรม เป็นรมว.มหาดไทย แม้จะโดนย้ายออกจากตำแหน่งหลัก ทั้งอธิบดีและผวจ.จังหวัดใหญ่ แต่หลายคนถือว่ายังได้เป็น ผวจ.ในจังหวัดใหญ่ จังหวัดที่มีความสำคัญในแต่ละภาค อย่างไรก็ตาม โผแต่งตั้งโยกย้าย กระทรวงมหาดไทยยังไม่หมดแค่นี้ยังเหลือกลุ่มที่จะต้องตั้ง ระดับ 9 รองผู้ว่าฯราชการจังหวัด มาเป็นระดับ 10 เพื่อแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการไป 18 ตำแหน่ง