‘อนุทิน’ ขออภัยประชาชน รับบกพร่องการสื่อสาร หลังพูดไทยรุกล้ำกัมพูชา

”อนุทิน“ ขออภัย ปชช.บกพร่องการสื่อสาร หลังพูดไทยก็มีรุกล้ำกัมพูชา จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ชี้เปิดด่านต้องขอประชาชน ส่วนเชลยศึกขอลี้ภัย มีกติกาสากลกำหนดอยู่ ลั่นไทยต้องเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ ก่อนตัดสินใจ

2 พ.ย. 2568 – เมื่อเวลา 21.05 น. วันที่ 1 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ว่า ต้องขอบคุณทุกหน่วยงาน ทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ลงพื้นที่ไปติดตามดูแลสถานการณ์ ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างรัฐต่อรัฐ ยังพอหาทางเจรจากันได้ แต่ถ้าเป็นประชาชนกับประชาชนจะเป็นเรื่องยาก ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนที่บริหารสถานการณ์ผ่านไปด้วยดี รวมถึงนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ที่ไปแสดงจุดยืนบริเวณพื้นที่ ขอยืนยันว่าเราจะใช้วิธีการทุกอย่าง ทั้งด้านความมั่นคง การเจรจาตามกรอบ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ที่จะทำให้ประเทศไทยผ่านพ้น และเกิดสันติสุข สันติภาพในประเทศไทย

นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนที่มีการพูดถึงเรื่องรุกล้ำเขตแดน ตนต้องขออภัยพี่น้องประชาชนจริง ๆ ตนโทษตัวเองว่ามีความผิดพลาดและบกพร่องในเรื่องของการสื่อสารต่อประชาชน และจะระมัดระวังไม่ให้เกิดความบกพร่องในการสื่อสารเกิดขึ้นอีกในอนาคต

“ผมต้องขออภัยที่ทำให้หลายท่านเกิดความระแวงสงสัย แต่ขอยืนยันว่าไม่มีทางที่ประเทศไทยเราจะเสียดินแดน เสียอธิปไตย เสียเกียรติภูมิ เสียศักดิ์ศรี และพี่น้องประชาชนทุกคนต้องมีความปลอดภัย จากข้อพิพาทระหว่าง 2 ประเทศ ผมจะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสีย เพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาด“ นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กัมพูชาถอนจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ออกจากพื้นที่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เราลงนามกับเขา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทั้ง 2 ประเทศแสดงเจตนารมณ์ต่อกัน โดยถอดรถถังฝ่ายละ 2 คัน ที่ต่างคนต่างปฏิบัติ และฝ่ายกองทัพของทั้ง 2 ประเทศได้มีการเจรจากันอยู่ตลอดเวลา ในการกำหนดมาตรการและวิธีการ ที่จะถอนอาวุธ รวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งมีความอันตราย จึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึงปฏิญญาที่เราลงนามกันไว้ ซึ่งมีทั้งโลกเป็นสักขีพยาน ดังนั้นทุกคนต้องพยายามทำตามข้อกำหนด

เมื่อถามถึงกรณีตอนนี้กองทัพก็ถูกโจมตีโดยเฉพาะจากคณะกรรมาธิการทหาร กรณีจัดซื้อยุทธภัณฑ์เสื้อเกราะ ที่ต้องไปพึ่งมูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้ นายอนุทิน กล่าวว่า งบของกระทรวงกลาโหมในแต่ละปีอยู่ในระดับต้น ๆ แต่นี่คือ รูปแบบของประเทศไทย แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นี่คือ พลังของคนไทย ที่เรารักษาอธิปไตยมาได้นาน รบกับใครก็ไม่มีทางแพ้ ก็มาจากประชาชนของเรา ที่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดข้อพิพาทกับใคร คนไทยจะรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว ใครมีอะไรพร้อมที่จะนำมาช่วย และไม่เคยได้ยินว่ากองทัพออกไปขอการบริจาคยุทธภัณฑ์ หรืออะไรต่าง ๆ เพราะไม่มีงบประมาณ

เมื่อถามว่า มีความกังวลจากประชาชนว่าไทยจะเสียปราสาทตาควาย นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีกรอบในการเจรจา ซึ่งเป็นวิธีที่มีมาแต่เดิม และการลงนามในปฏิญญาก็ถือเป็นการกำหนด ที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า เราจะกลับมายึดกรอบการเจรจา

เมื่อถามถึง ความชัดเจนเรื่องการเปิดด่านชายแดน หลังมีกระแสข่าวว่ามีความพยายามที่จะเปิดด่าน ได้คุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คุย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ไม่ได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ขอยืนยันอีกครั้งเรื่องการเปิดด่านว่า ถ้ารัฐบาลจะเปิดด่าน ต้องขอประชาชนก่อน จะได้ไม่ต้องพูดกันอีก และคิดว่ามาถึงจุดที่รัฐบาลต้องฟังประชาชนในเรื่องการเปิดด่าน และเราจะไม่เปิดด่านจนกว่าจะมั่นใจว่าภัยต่อความมั่นคงลดลงไป จนเราวางใจ และควบคุมได้

เมื่อถามถึงเรื่องของเชลยศึก ที่จะขอลี้ภัยในประเทศไทย นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในปฏิญญา ซึ่งเราเป็นผู้กำหนด โดยจะประเมินว่า ถ้าฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือ และมีเจตนารมณ์ที่ดี ก็จะพิจารณาโดยไม่มีการกำหนดเรื่องกรอบระยะเวลา และไม่อยากให้ใช้คำว่าเชลยศึก แต่เอาเป็นว่าเป็นผู้ถูกควบคุมตัวไว้ ส่วนเรื่องของการลี้ภัย ก็มีกฎกติกาสากลกำหนดไว้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้เอาชีวิตคนมาเป็นตัวประกัน โดยเราต้องดู และประเมินสถานการณ์ ก่อนที่จะพิจารณา โดยเราเป็นผู้ตัดสินใจ

ขณะที่พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม กล่าวเสริมว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้อธิบายเป็นขั้นตอนของการพูดคุยตามที่นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในเอกสารถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทย และนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

เมื่อถามถึงเรื่องการถอนอาวุธ พล.ท.อดุลย์ กล่าวว่า การถอนอาวุธมีด้วยกัน 3 เฟส เฟสแรกคือ ภายใน 21 วัน จะต้องถอนอาวุธที่มีประสิทธิภาพการทำลายล้างสูง เช่น BM-21 และปืนใหญ่ที่มีขนาด 125 มิลลิเมตร เพราะหากยิงเข้ามาสามารถทำให้ประชาชนเดือดร้อน และมีอันตรายสูง ขณะนี้ไทย-กัมพูชาจึงทยอยถอนอาวุธออกจากแนวชายแดน กลับไปยังที่ตั้งปกติ โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT ของทั้งสองประเทศเป็นผู้สังเกตการณ์ ดังนั้นขอให้เชื่อมั่น เปิดใจให้กว้าง และไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเขามีความเป็นกลางอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าหากเชลยศึกกัมพูชา 18 คน มีการขอลี้ภัยไทยจะให้หรือไม่ พล.ท.อดุลย์ กล่าวว่า หากกัมพูชาทำตามกติกาที่ได้ตกลงไว้ 4 ข้อ ทาง AOT ก็จะประเมิน และดำเนินการตาม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แม่ 'จ่าเริง' ทหารกล้าพลีชีพเนิน 350 ร่ำไห้ปิ่มใจขาด พี่สาวเล่าลางบอกเหตุ

ทหารกล้าพลีชีพปกป้องอธิปไตยเนิน 350 กอดรูปลูกชายร้องไห้ปิ่มขาดใจ เผยทั้งเสียใจและภูมิใจ วอนเร่งนำร่างออกจากสนามรบกลับบ้านเกิด อยากเห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย

เปิดภาพทิ้งบอมบ์ ทหาร BHQ-ผบ.หน่วยของเขมร เสริมกำลังพื้นที่บ้าน 3 หลัง ชายแดนตราด

กองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) โดย หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) ตรวจพบ กัมพูชาเพิ่มกำลังบริเวณพื้นที่บ้านหนองรี ใกล้พื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด เป็นทหารหน่วย BHQ

'จีน' ปฏิเสธส่งอาวุธช่วยกัมพูชารบ หลังไทยยึดคลังแสงสัญชาติจีนบนเนิน 500 ช่องอานม้า

เพจเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยออกมาโพสต์คำกล่าวของ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนซึ่งตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในการแถลงข่าวประจำวันของกระทรวงการต่างประเทศจีนในวันที่ 17 ธันวาคม 2568

สดุดีทหารกล้ารายที่ 20 'จ.ส.อ.พรศักดิ์ เอี่ยมสะอาด' พลีชีพที่บ้านหนองจาน ชายแดนสระแก้ว

พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก กกล.บูรพา สูญเสีย ‘ทหารไทย’ เพิ่ม 1 นาย ในพื้นที่ บ.หนองจาน จ.สระแก้ว ภายหลังสถานการณ์กลับมารุนแรง เมื่อวานนี้ (16ธ.ค.) ตั้งแต่ช่วง 14.30 เป็นต้นมา ส่วนยอดบาดเจ็บของกำลังพลทางกองทัพบกจะชี้แจงต่อไป

นายกฯ ลั่นหากกัมพูชาใช้สติ ต้องยอมได้แล้ว ย้ำคำ 'บิ๊กเล็ก' ขอเวลาอีกไม่นาน

นายกฯ ชี้ หากกัมพูชามีสติควรเจรจา ลั่นต้องได้เนิน 350 มอบกองทัพแจงยุทธการช่องอานม้า ย้ำคำ "บิ๊กเล็ก" ขอเวลาอีกไม่นาน เคลียร์สถานการณ์

นาวิกโยธินฯ ยันคุมชายแดนจังหวัดตราดได้เบ็ดเสร็จ กำลังฝ่ายกัมพูชาสิ้นสภาพแล้ว

ผบ.ฉก.นย.ตราด ยันคุมชายแดนได้เบ็ดเสร็จ ลั่นลิดรอนกำลังฝ่ายตรงข้ามจนสิ้นสภาพแล้ว,ฝากถึงพี่น้องชาวตราด อย่ากังวล รออีกสักพักได้กลับบ้าน ขอบคุณชาวตราดที่ให้กำลังใจ