การปะทะตามแนวชายแดนยังดำเนินอยู่ แต่การเมืองส่วนกลางกลับเลือกเดินไปอีกทางด้วยการ ยุบสภา ท่ามกลางความไม่แน่นอนของประเทศ กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาชนยึดเป็นธงหลักต้องหยุดลงทั้งหมด เกมการเมืองที่เคยเชื่อว่าจะควบคุมได้ เปลี่ยนทิศทางในชั่วข้ามคืน และทิ้งคำถามสำคัญไว้ว่า ใครคือฝ่ายที่อ่านสถานการณ์ผิด ในจังหวะที่ประเทศรับความเสี่ยงสูงสุด
พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงเกิดการปะทะกันระหว่าง ทหารของทั้งสองประเทศ อย่างต่อเนื่อง มีรายงาน ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และการอพยพประชาชน ออกจากพื้นที่เสี่ยงในหลายจุด สถานการณ์ยังไม่ยุติ และยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะคลี่คลายลงเมื่อใด
ขณะเดียวกัน การเมืองส่วนกลางเดินไปอีกทิศทางหนึ่ง มีการประกาศ ยุบสภา และนั่นทำให้ประเทศเข้าสู่ กระบวนการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ โดยอัตโนมัติ
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนยังตึงเครียด และเกิดขึ้นในจังหวะที่กระบวนการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถกเถียงกันมาอย่างยืดเยื้อ ยังไม่สามารถเดินไปถึงข้อยุติ
ผลที่เกิดขึ้นตามมาคือ การยุบสภาทำให้การ แก้รัฐธรรมนูญต้องหยุดลงทันที พร้อมกับคำถามใหม่เกี่ยวกับ ความพร้อมของการจัดการเลือกตั้ง เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้การเลือกตั้งต้องจัดขึ้น “พร้อมกันทั่วราชอาณาจักรในวันเดียวกัน” ภายใต้เงื่อนไขด้าน ความปลอดภัย และการเข้าถึงสิทธิของผู้มีสิทธิอย่างเท่าเทียม
แต่ในทางปฏิบัติ บางพื้นที่ยังอยู่ในภาวะไม่ปกติ มีข้อจำกัดด้าน ความปลอดภัย มีข้อจำกัดด้าน การเดินทาง และยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยืดเยื้อไปอีกนานเพียงใด
ท่ามกลางบริบทนี้ การเมืองในสภายังคงถูกขับเคลื่อนด้วยประเด็นเดียวอย่างเด่นชัด คือ การแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะบทบาทของ พรรคประชาชน ที่ยืนยันให้เรื่องนี้เป็นแกนหลักของเกมการเมือง และกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่พาเกมไปสู่ จุดเปลี่ยน
ตลอดช่วงก่อนการยุบสภา การอภิปราย การแถลง และท่าทีของพรรคการเมืองจำนวนมาก ล้วนผูกอยู่กับ ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ เป็นหลัก ขณะที่ประเด็นด้าน ความมั่นคง และสถานการณ์ชายแดนแทบไม่ถูกยกขึ้นมาเป็นหัวใจของการตัดสินใจในสภา
ในช่วงเวลาดังกล่าว พรรคประชาชน แสดงจุดยืนชัดเจนว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องเดินหน้า และต้องเป็น เงื่อนไขสำคัญทางการเมือง หากกระบวนการนี้ไม่ขยับไปตามที่ตกลงกันไว้ ก็ไม่ควรปล่อยให้รัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศต่อไป
จุดยืนที่แข็งเช่นนี้ ทำให้การเมืองในสภาถูกบีบให้แคบลง เหลือพื้นที่ถกเถียงอยู่เพียงเรื่อง กติกาอำนาจ มากกว่าการประเมินสถานการณ์ของประเทศโดยรวม
ในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนเริ่มตึงเครียด การเมืองส่วนกลางยังคงเดินไปใน ทิศทางเดิม แทบไม่เห็นสัญญาณของการปรับจังหวะให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
เมื่อกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญไม่สามารถเดินต่อได้ตามเป้าหมาย แรงกดดันทางการเมือง จึงถูกเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้รัฐบาลเหลือทางเลือกไม่มาก ก่อนจะตัดสินใจ ยุบสภา ซึ่งกลายเป็น จุดเปลี่ยนของเกมทั้งหมด
หลังการยุบสภา ประเทศเข้าสู่สถานะ รัฐบาลรักษาการ ทันที อำนาจในการตัดสินใจเชิงนโยบายถูกจำกัด ขณะที่ภารกิจด้าน ความมั่นคง ยังต้องดำเนินต่อไปภายใต้กรอบเดิม การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองจึงเกิดขึ้นพร้อมกับภาระที่ยังค้างอยู่หลายด้าน
ตามกฎหมาย การเลือกตั้งต้องจัดขึ้นภายในกรอบเวลาที่กำหนด และต้องเป็นการเลือกตั้งพร้อมกันทั่วราชอาณาจักร หลักการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความชอบธรรม
แต่เมื่อบางพื้นที่ยังอยู่ในภาวะไม่ปกติ หลักการเดียวกันนี้กลับกลายเป็น โจทย์ที่ตอบยากในทางปฏิบัติ
คำถามสำคัญจึงอยู่ที่ความพร้อมของ กกต. ในการจัดการเลือกตั้งในพื้นที่ที่ยังมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย การเดินทาง และการเข้าถึงหน่วยเลือกตั้ง หากบางพื้นที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างสมบูรณ์ จะส่งผลต่อ ความน่าเชื่อถือของกระบวนการทั้งหมด อย่างไร
ประเด็นเหล่านี้ไม่ได้ถูกเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าในช่วงก่อนยุบสภา การเมืองจึงเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยมี คำถามสำคัญตามมาทีหลัง และต้องเร่งหาทางออกภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ
หากย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่มีการทำข้อตกลง เอ็มโอเอ ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย จุดยืนของพรรคประชาชนถูกพูดไว้อย่างชัดเจนว่า การโหวตเลือก “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เกิดจากความคาดหวังให้เข้ามาบริหารประเทศในภาวะปกติ
“ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุไว้ตั้งแต่ต้นว่า พรรคไม่ได้เลือกนายกฯ มาเพื่อบริหารประเทศ แต่เลือกมาเพื่อ ยุบสภา ตามกรอบที่ตกลงกันไว้ รัฐบาลในมุมมองของพรรคจึงถูกวางสถานะเป็นเพียง กลไกหนึ่งในแผน
เมื่อกรอบคิดถูกตั้งเช่นนี้ การเมืองของพรรคประชาชนจึงเดินไปในทิศทางที่แทบไม่เปลี่ยน วันแล้ววันเล่า ประเด็นที่ถูกยกขึ้นมาซ้ำคือ การแก้รัฐธรรมนูญ โดยไม่เปิดพื้นที่ให้กับความจริงว่า บริบทประเทศกำลังเปลี่ยนไป
ท่าทีดังกล่าวทำให้พรรคถูกวิจารณ์ว่า เล่นการเมืองแบบ เอาแต่ได้ เอาแต่ใจ หากเงื่อนไขไม่เป็นไปตามเอ็มโอเอ ก็พร้อมจะกล่าวหาอีกฝ่ายทันที
เมื่อรัฐบาลตัดสินใจ ยุบสภา เสียงจากพรรคประชาชนจึงย้อนแย้งกับจุดยืนเดิม จากพรรคที่เคยบอกว่าเลือกนายกฯ มาเพื่อยุบสภา กลับกลายเป็นพรรคที่กล่าวหาว่ารัฐบาล ฉีกข้อตกลง
การยุบสภาที่เกิดขึ้นจริง กลับทำให้เกมการเมือง พลิกไปในทิศทางที่พรรคประชาชนไม่คาดคิด เพราะการยุบสภาไม่ได้เปิดทางให้การแก้รัฐธรรมนูญเดินต่อ แต่กลับทำให้กระบวนการทั้งหมด ตกไปในทันที
จากพรรคที่ยึดธงแก้รัฐธรรมนูญเป็นเป้าหมายหลัก พรรคประชาชนจึงต้องเผชิญความจริงว่า การเร่งให้เกิดการยุบสภา คือการ ตัดโอกาสของตัวเอง
ไม่เหลือทั้ง เวที ไม่เหลือทั้ง กระบวนการ และไม่เหลือ ความได้เปรียบทางการเมือง
ความผิดพลาดสำคัญของพรรค คือการมองการเมืองผ่านแผนที่ตัวเองวางไว้มากเกินไป โดยไม่เผื่อพื้นที่ให้กับ ความไม่แน่นอน
เมื่อการยุบสภาเกิดขึ้นจริง พรรคจึงกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ ต้องอธิบายจุดยืน ต้องย้อนกลับไปแก้คำพูดเก่า และต้องเผชิญคำถามว่า เหตุใดการเมืองที่ยึดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลาง จึงลงเอยด้วยการทำให้เรื่องนี้ หายไปจากกระดานทั้งหมด
เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด ความพ่ายแพ้ของ พรรคประชาชน ในรอบนี้ ไม่ได้เกิดจากใครเอาเปรียบ แต่เกิดจาก การตัดสินใจของพรรคเอง
ตั้งแต่การ เร่งเกม โดยไม่เผื่อ จังหวะ ไปจนถึงการยึด เงื่อนไข โดยไม่ประเมินบริบทประเทศ
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดหลังการยุบสภา คือเป้าหมายที่พรรคประกาศมาโดยตลอด นั่นคือ การแก้รัฐธรรมนูญ ไม่เพียงไม่คืบหน้า แต่ถูกตัดตอนลงทั้งหมดในคราวเดียว
บทเรียนจากเหตุการณ์นี้จึงไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่ วิธีคิดทางการเมือง
ในเกมนี้ พรรคประชาชนไม่ได้แพ้เพราะใคร แต่แพ้เพราะ อ่านสถานการณ์ผิดเอง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'4 อดีต สส.งูเห่า' สลัดคราบเพื่อไทย ซบรังน้ำเงินเสาร์นี้
'ภูมินทร์-กิตติ-ประเสริฐ-นุชนาถ' 4 อดีต สส.อีสาน ไขก๊อกเพื่อไทย ยื่นสมัครสมาชิก 'ภท.' วันเสาร์ ชี้พื้นที่ชายแดนศรีสะเกษ จัดเลือกตั้งหน้าที่ กกต.
นักเขียนซีไรต์ ชำแหละ 'พรรคคุณหนู' เปลือยธาตุแท้เผด็จการ!
วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคคุณหนู"
'ไทยสร้างไทย' เปิดตัว 'เสธ.แมว' แคนดิเดตนายกฯ
'ไทยสร้างไทย' เด้งรับยุบสภา เปิดตัว 'เสธ.แมว' อดีตเลขาฯสมช. หนึ่งในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค สู้ศึกเลือกตั้ง
ปิดฉาก 'ชทพ.' วราวุธ นำทีม 10 อดีต สส. เซ็นไขก๊อก สมัคร ภท. 15 ธ.ค.
'วราวุธ' นำทีมอดีต 10 สส. 'ขทพ.' เซ็นใบลาออกยื่นนายทะเบียนพรรค เตรียมตบเท้าสมัครเข้า 'ภท.' 15 ธ.ค.
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ ศึกไทย-กัมพูชา เข้าข่ายเหตุจำเป็น ให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้
“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ “วันเลือกตั้งวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร” ภัยสู้รบไทย-กัมพูชา ให้ยึดเหตุการณ์ใน “วันหย่อนบัตร” สิ้นสุดลงหรือไม่ เป็นเงื่อนไขให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้
นายกฯ คุย 'ทรัมป์' ค่ำนี้ อัปเดตชายแดน ปัดหลิ่วตา 'ฮุนเซน'
'อนุทิน' อัปเดตชายแดนกับ 'ทรัมป์' ค่ำนี้ หลังคุย 'อันวาร์' ช่วงเย็น ปัดหลิ่วตา 'ฮุนเซน' ย้อนถามหยุดยิงเมื่อไหร่ ยันรัฐบาลมีอำนาจเต็มดูแลชายแดน

