โพลชี้ปชช.ต้องการให้รัฐบาลบริหารวัคซีนเชิงรุกเอกชนมีส่วนร่วมกระจายฉีดทุกกลุ่มเป้าหมาย


เพิ่มเพื่อน    

25 เม.ย.64- ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง จัดการวัคซีน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,408 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20 – 24 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.3 ระบุวัคซีนโควิด-19 เป็นความหวัง สู่การเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ต้องการกลับไปใช้ชีวิตปกติ ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.2 ต้องการให้รัฐบาลจัดการวัคซีนเชิงรุกเร่งกระจายฉีดให้ประชาชนทั่วถึงโดยเร็วค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ ร้อยละ 11.5 ระบุ ปานกลาง และร้อยละ 3.3 ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่เลย

ที่น่าสนใจคือ เกือบร้อยละร้อยหรือร้อยละ 98.5 เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเร่งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนผู้ประกอบการนำเข้าวัคซีนโควิดได้เองภายใต้การควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวด มีเพียงร้อยละ 1.5 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.3 ระบุ ระหว่างรอวัคซีน ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองและผู้อื่น ยกการ์ดสูง ป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย ร้อยละ 98.3 เช่นกัน ระบุ ระหว่างรอวัคซีน รัฐบาลต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุดเรื่องเศรษฐกิจปากท้องและควบคุมโรค ร้อยละ 98.0 ระบุ เจ้าหน้าที่รัฐและทุกภาคส่วนต้องเข้มงวดเด็ดขาดป้องกันการระบาด และร้อยละ 96.2 ระบุ เจ้าหน้าที่รัฐต้องเอาผิด ภาคเอกชน ผู้ประกอบการที่ปล่อยปละละเลย ไม่เข้มงวดควบคุมโรค

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า  จากการวิเคราะห์ผลโพลครั้งนี้พบว่า เราจำเป็นต้องทบทวนและถอดบทเรียนร่วมกันที่ผ่านมาคู่ไปกับ ศึกษาบทเรียนความอ่อนแอและความเข้มแข็งของหลายประเทศ เพื่อนำสู่การปรับใช้ร่วมฝ่าวิกฤตโควิดอย่างเข้มแข็งและจริงจังไปด้วยกัน นอกจากนี้ ประชาชนมองอย่างมีความหวังร่วมกันว่า “วัคซีน” คือเรื่องเร่งด่วน เพื่อหยุดหรือชะลอการลุกลามของโควิด เพื่อคนไทยจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติได้เร็วที่สุด โดยต้องการให้รัฐบาลบริหารวัคซีนเชิงรุก เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนรวมทั้งเอกชนมีส่วนร่วมให้ได้มาซึ่งวัคซีนทางเลือกร่วมกับที่รัฐจัดหาอย่างเพียงพอ

“ที่จำเป็นที่สุดตอนนี้คือ การบริหารจัดการวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ เร่งกระจายและฉีดไปยังทุกกลุ่มเป้าหมายโดยเร็ว เริ่มจากกลุ่มเป้าหมายที่ได้จัดลำดับความเร่งด่วนไว้แล้ว  เช่น กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และอสม. เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานเป็นด่านหน้า กลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อและมีผลกระทบรุนแรง  กลุ่มประกอบการในเมืองท่องเที่ยว เป็นต้น และการสนับสนุนจัดทำวัคซีนในประเทศโดยคนไทย ยังต้องให้ความสำคัญสนับสนุนและส่งเสริม เพื่อการพึ่งพาตนเอง และการพัฒนาทางการแพทย์และสาธารณสุขไทย”

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า การที่ประชาชนทุกภาคส่วนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศตื่นตัวร่วมมือสู้โควิดไปด้วยกันครั้งนี้  รัฐบาลจำเป็นต้องเด็ดขาดและสื่อสารชัดเจน มีนโยบายเชิงรุกเพื่อหยุดและควบคุมการแพร่ระบาดให้เป็นผล  ลงดาบขับเคลื่อนส่วนราชการในทุกระดับมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของฝ่ายปกครอง ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดถือธงนำ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญและต้องบริหารงานในภาวะไม่ปกติ   ขณะที่ภาคประชาชน ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบตัวเองและสังคมอย่างเข้มข้นขึ้นในลักษณะไม่ประมาท การ์ดไม่ตก ร่วมกันสร้างสรรค์ให้กำลังใจ ช่วยเหลือกันและกัน เพื่อให้เราสามารถผ่านวิกฤตการระบาดของโรคที่รุนแรงนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย
          

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"