เสรีภาพในยุคโควิด


เพิ่มเพื่อน    

                                                                                                            (1)

            คงต้องยอมรับว่า...ออกจะมึนซ์ซ์ซ์ๆ-เบลออ์อ์อ์ๆ อยู่พอสมควร สำหรับการดูทีวีช่วงนี้!!! คือด้วยเหตุเพราะผู้คนที่ออกทีวีในแต่ละราย ถูก ปิดหน้า-ปิดตา หรือปิดตั้งแต่จมูกไปยันปลายคาง จนนึกภาพ นึกหน้าไม่ค่อยจะออก  ต้องดูกันแบบดูไปจินตนาการกันไป ตามเรื่อง ตามราว อะไรประมาณนั้น...

                                                                                                            (2)

            เพราะประเภทที่ถูก เซ็นเซอร์ นั้น...ส่วนใหญ่ก็แค่ ปิดตา หรือเอาอะไรดำๆ มาคาดตา แต่ยังเหลือปาก เหลือจมูก พอให้เดาๆ ได้มั่ง แต่สำหรับผู้คนในยุคนี้ สมัยนี้ ไม่ว่าปาก ไม่ว่าจมูก ไปยันถึงลูกคาง ต่างต้องถูกปิด ถูกคาด ไว้ด้วยหน้ากากอนามัย เหลืออยู่แต่ลูกตา ให้เดากันไป-เดากันมา ว่าไผเป็นไผ ใครเป็นใคร ยิ่งถ้าลอง สวมแว่นดำ ทับลูกนัยน์ตาเข้าไปด้วยอีก ก็ยิ่งแทบนึกหน้า นึกตา กันไม่ออก ระหว่างดูมา-ดูไป เลยออกจะมึนซ์ซ์ซ์ๆ-เบลออ์อ์อ์ๆ ไปด้วยประการฉะนี้...

                                                                                                            (3)

            แต่ทำไงได้ล่ะทั่น!!!...ในเมื่อสิ่งที่เรียกว่า หน้ากากอนามัย มันคือเครื่องป้องกันชนิดหนึ่ง ไม่ว่าป้องกันได้มาก-น้อยเพียงใด สำหรับการจู่โจมเข้ามากินปอด-กินตับ ของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงขยันขันแข็งซะเหลือเกิน  ถึงขั้นไม่ใช่แต่เฉพาะการนึกหน้า นึกตา ใครต่อใครในระหว่างดูทีวีเท่านั้น กระทั่งแค่คิดจะโผล่หน้า-โผล่ตาออกจากบ้านใคร-บ้านมันทุกวันนี้ ถ้าลองไม่คิดจะปิดปาก ปิดจมูก ปิดคาง กันให้ถ้วนถี่ โอกาสถูกปรับ ถูกเรียกรับเงินรายละนับพันๆ บาท แบบที่ท่านนายกรัฐมนตรี บิ๊กตู่ ยังหนีไม่พ้นต้องเสียค่าปรับไปถึง 6,000 บาทสดๆ จึงเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย...

                                                                                                            (4)

            ความจำเป็นที่จะต้องหาทาง ควบคุม หรือ บังคับ ภายใต้บรรยากาศการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ เลยกลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่แต่เฉพาะ ทวยไทย หรือคนไทยแลนด์ แดนสยาม ในบ้านเราเท่านั้น ที่ต้องพร้อมยอมรับกันไปตามสภาพ แต่ต้องเรียกว่า...แทบจะทั่วทั้งโลกนั่นแหละ หนีไม่พ้นต้องถูกสั่งโน่น สั่งนี่ คุมโน่น คุมนี่ ห้ามโน่น ห้ามนี่ ไม่ว่ามากหรือน้อยก็แล้วแต่จะว่ากันไป หรือหนีไม่พ้นต้องถูก ล่วงละเมิด บางสิ่ง บางอย่าง ที่เคยเป็นมา-เป็นไปตามปกติ ทั้งนั้นทั้งนี้ ก็เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างพอ อยู่ๆ กันไปได้ หรือพอ อยู่ร่วมกันโดยสันติ ภายในสังคมเดียวกันนั่นเอง...

                                                                                                            (5)

            คือจะ อิสระ-เสรี กันแบบแตะไม่ได้ หรือแตะเธอเมื่อไหร่...โลกแตกแน่!!! อะไรประมาณนั้น ไม่ยอมให้ใครเอา หน้ากาก มาครอบจมูก ครอบปาก โดยเด็ดขาด ไม่ยอมให้ใครมาสั่ง มาห้าม ไม่ให้ไปโน่น-ไปนี่ โดยเฉพาะสถานที่ที่ก่อให้เกิดความเมามันซ์ซ์ซ์ของตัวเองอย่างเป็นพิเศษ ไม่ว่าไปนวด ไปนาบ ไปดูคอนเสิร์ต ดูพริตตี้ โคโยตี้ หรือไปเมาท์โน่น-เมาท์นี่ตามความเอนจอยของปาก ฯลฯ แต่ด้วยเหตุเพราะความอิสระ-เสรีเหล่านี้ มันคงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก ความไม่รับผิดชอบ นั่นเอง ไม่รับผิดชอบตัวเอง ไม่รับผิดชอบผู้อื่น ไม่สนใจใครติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ ใครตาย-ใครไม่ตาย อันเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่าทุเรศ จนแทบไม่หลงเหลือ ความเป็นมนุษย์ เอาเลยก็ไม่แน่...

                                                                                                            (6)

            การ ล่วงละเมิด บางสิ่ง บางอย่าง มันเลยกลายเป็น  ความจำเป็น ไปด้วยประการฉะนี้ แม้ว่ามันคือการ จำกัดสิทธิ ในบางเรื่อง บางประการ แต่ก็เพื่อให้ ความมีชีวิต แห่ง ความเป็นมนุษย์ ยังพอได้หลงเหลืออยู่ หรือยังพอช่วยให้ใครต่อใครมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันภายในสังคมเดียวกัน โดยไม่ต้องตายโหง ตายห่า ไปซะก่อน อิสระ-เสรีเท่าที่เคยมีมาโดยปกติก่อนหน้านั้น มันเลยต้องถูก ควบคุม-บังคับ อย่างมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น หรืออาจต้อง ละเมิดสิทธิมนุษยชน ในบางเรื่อง บางประการ เพื่อให้มนุษยชนนั้นๆ พอได้มีชีวิตอยู่อย่างปกติ หรืออย่างสันติ ไปตามลักษณะเฉพาะของสังคมนั้นๆ แบบเดียวกับ ความหลากหลายทางชีวภาพ ทำนองนั้น...

                                                                                                            (7)

            อันนี้นี่แหละ...ที่มันกำลังเป็น แนวโน้ม แห่งความเป็นไปของสังคมแต่ละสังคม ระดับทั่วทั้งโลกเอาเลยก็ว่าได้  โดยเฉพาะโลกที่ยังหาทางออก ทางไป หาทางดิ้นรนจากเงื้อมมือของเชื้อโควิด-19 แทบไม่เจอ ไม่ว่าจะโลกประชาธิปไตย หรือโลกเผด็จการก็เถอะ!!! สุดท้าย...หนีไม่พ้นต้องหันไปให้ความสำคัญกับการ ควบคุม และ บังคับ เพิ่มขึ้นๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะนอกเหนือไปจากเชื้อโควิดแล้ว มันยังมีอะไรต่อมิอะไรที่ต้องพยายามหาทาง ควบคุม และ บังคับ กันอีกเยอะแยะ ไม่ว่าการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ การลดระดับจำนวนประชากร  การลดช่องว่างความไม่เสมอภาค ด้วยการบังคับคนรวยให้ต้องช่วยคนจนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกต่อไป  ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่จะทำให้ พระเจ้ากำเนิดข้าฯ มาเสรี...แต่ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยพันธนาการ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนสิ่งที่เรียกว่า อิสระ-เสรี อาจเหลืออยู่เพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ เสรีแห่งจิตวิญญาณ ที่จะเกิดขึ้นมาได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง ยังไงๆ...ก็ยังคงหนีไม่พ้นต้องอาศัยการ ควบคุม และ บังคับ ตัวตนของตน อีกนั่นแล...

                                                                   ------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"