ในช่วงนี้ชุมชนออนไลน์ของไทย เกิดประเด็นดราม่าเกี่ยวกับวัคซีนโควิดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้า  หรือ ทางเลือกในการฉีดวัคซีน ที่รัฐบาลจำกัดแค่ 2 ยี่ห้อ คือ  วัคซีน ซิโนแวค ที่นำเข้าจากประเทศจีน และ วัคซีน แอสตราเซเนกา ของยุโรป ที่กำลังผลิตในประเทศไทย  ซึ่งถือว่า น้อยเกินไป และเป็นการจำกัดสิทธิ์ของประชาชน

                ทั้งนี้ ประชาชน ได้ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของวัคซีน 2 ตัวนี้ว่าคุ้มค่าที่จะฉีดหรือไม่ จนเรื่องราวถูกขยายไปถึงเรื่อง การรับรองวัคซีน ถ้าเกิดกรณีจะต้องเดินทางไปต่างประเทศว่า วัคซีน 2 ยี่ห้อที่ รัฐบาลเตรียมจะให้คนไทยฉีดนั้น ผ่านการรับรองให้เดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ 

                แน่นอนประเด็นเรื่องของ การรับรองวัคซีน  กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญต่อประชาชนทั่วโลก เพราะในปัจจุบันการรับรองวัคซีน สำหรับเดินทางนั้น แต่ละโซน แต่ละประเทศก็รับรองไม่เหมือนกัน ดังนั้นหากจะต้องเดินทาง ก็ต้องศึกษากฎระเบียบของแต่ละประเทศให้ดีว่า ประเทศปลายทางนั้นรับรองวัคซีนตัวไหน

                สำหรับวัคซีน 'ซิโนแวค' ที่คนไทยได้ฉีดเป็นล็อตแรกอยู่ในขณะนี้ ถ้าพูดถึงเรื่องการรับรองสำหรับการเดินทางก็คงต้องทำใจ เพราะในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาและยุโรปไม่รับรองวัคซีนที่ผลิตจากจีน  แต่ถ้าเดินทางเข้าจีน และอาเซียนในบางประเทศก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด     

                ส่วน'แอสตราเซเนกา' ซึ่งกำลังผลิตในประเทศไทยในขณะนี้  มีข้อมูลที่ออกมาสับสน บ้างบอกว่า เดินทางเข้ายุโรปไม่ได้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะในปัจจุบัน คณะกรรมการอาหารและยาของยุโรป (EMA) ได้รับรอง วัคซีนจาก 4 ผู้ผลิตแล้ว  คือ ไฟเซอร์ ไบโอเทค (BioNTech/Pfizer) , โมเดอร์นา ( Moderna ) , จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)  และ  แอสตราเซเนกา(  AstraZeneca)  ดังนั้นผู้ที่ฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา สามารถบินไปยุโรปได้อย่างแน่นอน เพราะถือว่า ผ่านการรับรองแล้ว            

                ขณะเดียวกันหากต้องการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ในส่วนของผู้ฉีด'แอสตราเซเนกา' อาจจะยังติดขัด เพราะในปัจจุบันวัคซีนตัวนี้ องค์การและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐ อนุญาตการใช้เป็นการฉุกเฉินได้เท่านั้น แต่ไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการ โดยในปัจจุบันเอฟดีเออนุมัติวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นจำนวน 3 ชนิด ไฟเซอร์ , โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน  เท่านั้น 

                ดังนั้นก่อนเดินทางจะต้องศึกษากฎระเบียบให้แน่ชัดว่า ประเทศปลายทางเขารับรองวัคซีนตัวไหน เพื่อที่จะได้เตรียมตัวให้ถูกต้องต่อไป หากไม่ต้องการกักตัว