'ครูแขก'ฟ้องกลับ'ศรีวราห์'ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หลังศาลยกฟ้องคดีครอบครองระเบิด


เพิ่มเพื่อน    

28 พ.ค. 61 - ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี น.ส.อัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อายุ 59 ปี ชาวเชียงใหม่ ที่ใกล้ชิดผู้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง อดีตจำเลยคดีครอบครองระเบิด ซึ่งศาลอาญาและศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษายกฟ้องคดีครอบครองระเบิดที่อาคารสมานเมตตาแมนชั่น บางบัวทอง และคดีระเบิดที่บริเวณลานดินกว้าง ติด ถ.ราษฎร์อุทิศ ระหว่าง ซ.ราษฎร์อุทิศ 25-27 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ช่วงปี 2553-2557 เดินทางมาศาลพร้อมกับ น.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความ เพื่อยื่นฟ้องกลุ่มตำรวจที่เคยดำเนินคดีดังกล่าว รวม 12 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และข้อหาอื่นเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ มาตรา 172, 173, 174, 181, 200 ซึ่งการยื่นฟ้องนี้ ฝ่ายโจทก์ได้นำสำเนาคำพิพากษาคดีที่ศาลยกฟ้องทั้ง 2 สำนวนมาประกอบคำฟ้องคดีด้วย

โดยศาลรับเอกสารคำฟ้องไว้ในสารบบเป็นคดีหมายเลขดำ อท.121/2561 เพื่อตรวจคำฟ้องว่าถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่ ซึ่งศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับสำนวนคำฟ้องไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์หรือไม่ ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ภายหลัง น.ส.อัมพร กล่าวว่า วันนี้พร้อมแล้วที่จะฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ 3 คน และคณะตำรวจอีกรวม 12 คน ซึ่งจริงๆ แล้วเราเป็นพี่น้องคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการตำรวจหรือทหาร แต่ที่ฟ้องนี้สิ่งที่ต้องการอย่างเดียวคือ ความเป็นธรรม ความยุติธรรม กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่มีบัญญัติไว้ด้วย โดยที่ผ่านมาหลังจากตนถูกดำเนินคดีกระทั่งศาลตัดสินยกฟ้องนั้น ก็ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำก็สูญเสียครอบครัว ที่ผ่านมาก็มี น.ส.เบญจรัตน์ ทนายความที่ช่วยดูแลคดีให้ เพราะตนเองไม่มีเงินที่จ้างทนาย ซึ่งก่อนที่จะเข้ามาช่วยตน ทนายความก็ไปสืบเสาะรวบรวมหลักฐานทุกอย่างมาจนแน่ชัดแล้วว่าตนไม่น่าจะกระทำผิด จึงยื่นมือมาช่วยเหลือ

เมื่อถามว่า การฟ้องนี้ก็มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ รอง ผบ.ตร. อย่าง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ด้วยหรือไม่  น.ส.อัมพร ตอบว่า มีหมดค่ะ

น.ส.อัมพร เล่าย้อนเหตุการณ์ที่นำมาสู่การฟ้องคดีว่า เมื่อตนถูกจับก็ถูกพาตัวไปแถลงข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกว่าประโคมข่าวจนตนเสียหาย และระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำครอบครัวก็รับผลกระทบ รวมทั้งต้องสูญเสียทรัพย์เมื่อไม่มีใครดูแลบ้าน รู้สึกเสียใจมากต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะจะต้องเสาะหาความจริงให้มีหลักฐานให้ยึดมั่นมัดตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาชัดเจนก่อน ก่อนที่จะมาจับ แต่มาในวันนี้ตนเชื่อว่ากระบวนการศาลทั้งศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก และศาลมีนบุรี ที่ได้เห็นว่าตนไม่ได้กระทำความผิด จึงยกฟ้องไปทั้ง 2 คดี

“ตรงนี้ที่ฟ้องกลับก็เพื่อจะไม่ให้มีเยี่ยงอย่าง การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับประชาชนคนไทยใดๆ อย่าให้มาเจอแบบครูแขก ซึ่งเหมือนถูกจับผิด จับแพะ ตรงนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับพี่น้องและลูกหลานคนไทยใดๆ เพราะเจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องไปนอนเรือนจำฯ และตรงนี้ดิฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเจ้าหน้าที่ข้าราชการไม่ว่าจะทหาร หรือตำรวจ ถ้าลูกหลานคุณเจอแบบครูแขกบ้างแล้วคุณจะเข้าใจความเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกินค่ะ”

น.ส.อัมพร ระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาระหว่างถูกดำเนินคดีต้องอยู่ในเรือนจำนาน 1 ปี 7 วัน ซึ่งหลังจากที่ 2 ศาลตัดสินยกฟ้องคดี 2 สำนวน ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาเลย โดยในส่วนของหน่วยงานรัฐกระทรวงยุติธรรม ตนได้ยื่นหนังสือไปแล้วในการพิจารณาค่าชดเชยระหว่างถูกจองจำ 1 ปี 7 วัน ยังโชคดีที่ตนเป็นผู้หญิงที่แกร่งหน่อย ซึ่งคิดว่าไม่ผิดก็ขอต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคณะตำรวจที่ยื่นฟ้องนั้น มีการระบุถึง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล และนายตำรวจยศระดับ พล.ต.ต. อีก 3 นาย กับนายตำรวจสัญญาบัตรยศ พ.ต.อ. และ พ.ต.ท. ใน บช.น. , บก.น.3 , กองปราบปราม รวมทั้งนายตำรวจใน สน.ประเวศ และ สน.มีนบุรี ด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"