อดีตรองอธิการมธ.แนะนายกฯแถลงผ่านรวมการเฉพาะกิจขจัดความสับสนปัญหาการฉีดวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    


28 พ.ค.64 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้
“ทำไม ทหารตำรวจและดาราทั้งหลาย มีวัคซีนรองรับทั้งครอบครัว ? ในขณะที่ปชช ตาดำๆ สามารถลงชื่อฉีดวัคซีนได้แค่สิ้นเดือนนี้? ทำไมประชาชนที่ต้องหาเช้ากินค่ำ จำเป็นต้องออกไปเจอคนเยอะๆ ถึงไม่มีปัญญาเข้าถึงวัคซีนก่อน?”
ข้อความด้านบน เป็นข้อความที่อยู่บนป้ายผ้าที่สุภาพสตรีคนหนึ่งยืนถืออยู่ตามรูป จากนั้นสื่อออนไลน์แห่งหนึ่งนำภาพมาลง ทั้งที่คำกล่าวหาทั้งหมดล้วนไร้สาระ และอธิบายได้ ทั้งสิ้น แต่สื่อแห่งนี้ นอกจากจะไม่พยายามที่จะเสนอข่าวทั้ง 2 ด้านแล้ว ยังเขียนข้อความแปะบนภาพทันทีว่า
“ ไม่เท่าเทียม”

นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่เมื่อมีข่าวหรือข้อมูลที่เป็นลบต่อรัฐบาล สื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลจะนำมาเผยแพร่และขยายผลแบบเนียนๆ
กลับมาดูข้อความที่สุภาพสตรีคนนี้เขียนในป้ายผ้า จะเห็นว่าทั้งหมดไร้สาระอย่างไร
ข้อความแรกที่บอกว่า ประชาชนตาดำๆสามารถลงชื่อฉีดวัคซีนได้แค่สิ้นเดือนนี้

ไม่เป็นความจริง ความจริงคือ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนจองวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อมได้แล้ว เพียงแต่มีการสั่งระงับการลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนมาก่อน เปลี่ยนไปให้ลงทะเบียนที่จังหวัดที่เป็นที่อยู่อาศัยของตัวเอง

ข้อความที่บอกว่า ทำไมประชาชนที่ต้องหาเช้ากินค่ำ จำเป็นต้องออกไปเจอคนเยอะๆไม่มีปัญญาเข้าถึงวัคซีนก่อน ก็ไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้ ที่สถานีกลางบางซื่อ กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กำลังเปิดให้ผู้ที่ทำงานอยู่ในภาคบริการคมนาคมขนส่ง รวมถึงคนขับรถ และจักรยายนรับจ้าง มารับการฉีดวัคซีนได้ ตั้งแต่วันที่ 24 พค และกำลังจะขยายไปกลุ่มอื่นๆ

การที่รัฐบาล ให้ผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม เปลี่ยนไปลงทะเบียนตามจังหวัดที่แต่ละคนพักอาศัยอยู่ ก็เพราะฟังเสียงวิจารณ์ต่างๆแล้ว ตัดสินใจจัดสรรวัคซีนไปให้จังหวัดต่างๆทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถกำหนดวิธีการฉีดวัคซีนได้ โดยไม่ต้องยึดตามหลักการ และไม่ต้องลงทะเบียนผ่าน หมอพร้อม เพราะหากยังให้ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมด้วย ก็จะเกิดความสับสนได้
ตั้งแต่วันนี้ (27 พค) กทม เริ่มให้ผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ใน

กทม ลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีนได้ในโครงการ “ ไทยร่วมใจ กรุงเทพปลอดภัย” ที่เว็บไซด์ ไทยร่วมใจ ที่แอปเป๋าตัง และที่ร้านสะดวกซื้อหลายเครือข่าย สถานที่บริการฉีดวัคซีน จะเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่โรงพยาบาล แต่เป็นสถานที่ที่ประชาชนเข้าถึงได้สะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้าต่างๆเป็นต้น

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์  ก็เป็นอีกแห่งที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้โดยวิธีลงทะเบียนล่วงหน้า
จังหวัดต่างๆทุกจังหวัดก็กำลังจะเปิด หรือบางจังหวัดอาจเปิดให้ลงทะเบียนแล้ว โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุอีกต่อไป ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
ดังนั้นจะเห็นว่า ขณะนี้ประชาชนมีช่องทางหลายช่องทาง ที่จะเข้าถึงวัคซีนได้

ส่วนทหาร ตำรวจที่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อน เหตุผลก็เช่นเดียวกับส.ส. สว และบรรดารัฐมนตรี เพราะทหาร ตำรวจ ต้องทำงานบริการประชาชน โดยเฉพาะตำรวจต้องสัมผัสกับประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงจำเป็นต้องได้รับวัคซีนโดยเร็ว และข้อเท็จจริงคือตำรวจติดโควิด 19 กันไปเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ที่ว่าได้รับกันทั้งครอบครัวคงไม่จริง

ขณะนี้ cluster ที่ควรได้รับวัคซีนอย่างเร่งด่วนคือ เรือนจำต่างๆทั้วประเทศ เพราะบรรดาผู้ต้องขัง ไม่สามารถรักษาระยะห่างจากกันได้เหมือนคนทั่วไป แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับ และจำนวนผู้ต้องขังที่ติดเชื้อก็ยังมีเพิ่มขึ้นทุกวัน
เหล่าดาราที่มีข่าวว่าไปฉีดวัคซีน มีหลายกรณี เช่น ดาราบางคนก็มีที่พักอาศัยในเขตที่เป็นคลัสเตอร์ที่มีการแพร่ระบาด เช่น คลองเตย ปทุมวัน บ่อนไก่ ก็ไปรับการฉีดวัคซีนเหมือนกับประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในเขตนั้น
ดาราบางคน อาจได้รับเชิญให้ไปรับการฉีดวัคซีนเป็นกรณีพิเศษเพื่อ ให้เป็น pesenter ชักชวนให้ประชาชน ไปฉีดวัคซีน กรณีนี้เป็นที่เข้าใจได้ เพราะเป็นการทำประโยชน์ให้ส่วนรวม

กรณีที่ไม่สามารถเข้าใจได้ แต่จำต้องยอมรับก็คือ กรณีที่ หน่วยงานต่างๆ เช่น โรงพยาบาลต่างๆ ได้รับการจัดสรรวัคซีนไปก่อนคนอื่น เพื่อให้ไปฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ แต่มีหน่วยงานต่างๆหลายแห่ง แอบฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่รู้จักคุ้นเคย เช่น เพื่อนๆและญาติของพนักงาน ซึ่งบางคนอาจเป็นดารา โรงพยาบาลหลายโรงพยาบาล นำวัคซีนไปฉีดให้กับผู้บริจาคเงินรายใหญ่ให้โรงพยาบาลก่อนคนอื่น ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่นี่ก็คือเอกลักษณ์ของสังคมไทย
ทั้งหมดนี้ไปโทษรัฐบาลไม่ได้ ตัองโทษสังคมไทยที่เป็นสังคมที่มีระบบอุปถัมป์ ที่ฝังรากลึก เปลี่ยนแปลงยาก ดังนั้นเมื่อมีวัคซีนอยู่ในมือ จึงอดไม่ได้ที่จะจัดให้กับญาติ คนรู้จัก หรือผู้มีพระคุณให้เป็นกรณีพิเศษ  

ดังนั้นเราจึงได้ยินเสียงวิจารณ์กันทั่วไปว่า คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อนคนอื่นเพราะ “มีเส้น” ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงในหลายกรณี
หากถามว่า รัฐบาลไม่มีอะไรผิดเลยหรือ ก็ต้องตอบว่ามีแน่นอน ทั้งเรื่องการตัดสินใจในการจัดการเรื่องวัคซีนที่แม้จะทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตวัคซีน แต่ก็ทำให้ได้รับวัคซีนช้าเกินไป  
การไม่จัดการเรื่องบ่อนการพนัน ไม่แก้ปัญหาเรื่องการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย การปล่อยให้เปิดสถานบันเทิงอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วเกิดการติดเชื้อจนลามไปทั่วประเทศ
การไม่ lock down กรุงเทพฯ และจังหวัดที่มีการติดเชื้อจำนวนมาก ช่วงวันหยุดสงกรานต์

เหล่านี้รวมกัน ทำให้สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทยมีความรุนแรงเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งขณะนี้คือ ข่าวและข้อมูลที่สับสนเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนที่รัฐบาลต้องชี้แจงให้ชัดเจน จนปราศจากข้อสงสัยคือ
1. ข่าวเรื่องวัคซีนของ Astra zeneca ล็อตเดือนพฤษภาคม ไม่มาถึงตามกำหนด เป็นเพราะอะไร และจะมาเมื่อใด ส่วนในเดือนมิถุนายนจะมาตามกำหนดหรือไม่
2. อธิบาย เรื่องข้อครหาว่า มีคนในรัฐบาลได้ผลประโยชน์จากการจีดซื้อวัคซีนจากประเทศจีน
3. กำหนดเวลา และปริมาณที่แน่นอนของการส่งมอบวัคซีน Astra zeneca ที่ผลิตโดยบริษัท Siam Bioscience
4. ผู้ที่ลงทะเบียนจองวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อมได้แล้ว จะยังคงได้รับการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิมหรือไม่ และจะมีวัคซีน Astra Zeneca ได้ทันเวลาหรือไม่

ครั้งก่อนท่านนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงผ่านโทรทัศน์รวมกาลเฉพาะกิจ คนรอฟังกันทั้งประเทศล้วนผิดหวัง เพราะไม่มีเรื่องสำคัญอะไร แต่ขณะนี้มีเรื่องสำคัญคือ การขจัดความสับสนทั้งมวลเกี่ยวกับการจัดการฉีดวัคซีน แต่ยังไม่มีวี่แววว่าท่านจะออกมาแถลงหรือชี้แจงแต่อย่างใด

รีบออกมาเถิดครับ มิฉะนั้นประชาชนจะสงสัยว่า ที่ยังไม่ออกมา เป็นเพราะมีบางเรื่องที่ไม่อาจอธิบายได้อย่างตรงไปตรงมา หรือไม่
ยิ่งช้าไป ความสับสนยิ่งมากขึ้น ความน่าเชื่อถือยิ่งน้อยลง นี่คือสัจธรรม


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"