'เพื่อไทย'ห่วง 'ประยุทธ์' ตัดงบการศึกษาทำไทยล้าหลัง


เพิ่มเพื่อน    

 

30 พ.ค. 2564 น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม. ประธานอนุกรรมการนโยบายด้านสวัสดิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า งบประมาณรายจ่ายปี 2565 มีวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ถึง 1.85 แสนล้านบาท หรือลดลง 5.66% ซึ่งแสดงความเสื่อมถอยของประเทศ โดยมีการตัดงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการถึง 2.45 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 6.75% ซึ่งนับว่าถูกตัดงบสูงมาก ทั้งที่การศึกษาเป็นความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้เด็กไทยมีความเฉลียวฉลาดมากขึ้นเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นได้ในอนาคต แต่พลเอกประยุทธ์ กลับตัดงบการศึกษาอย่างมาก ยิ่งตอกย้ำความไม่สามารถแยกแยะความสำคัญในเรื่องต่างๆได้เลย

ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาคุณภาพการศึกษาของไทยตกต่ำ อยู่อันดับท้ายๆ ของกลุ่มประเทศในอาเซียนมาตลอด ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยจัดอยู่ในอันดับ 6 ของประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยไทยตามหลังเวียดนาม ขณะที่ระดับอุดมศึกษาอยู่อันดับ 8 ซึ่งเป็นที่น่าตกใจว่าเราตามหลังกัมพูชาและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก แต่พลเอกประยุทธ์ กลับไม่เคยแก้ไขแถมยังจะมาตัดงบประมาณอีก ซึ่งจะยิ่งทำให้คุณภาพของการศึกษาไทยตกต่ำลงไปอีก

หากจำกันได้สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดยนส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯได้มีโครงการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนป. 1 ทุกคน ซึ่งเป็นแนวคิดเพื่อที่จะปรับปรุงและปฏิรูปการศึกษา อีกทั้งยังเตรียมพร้อมเด็กนักเรียนรวมถึงผู้ปกครองให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิตอล โดยพรรคเพื่อไทยได้มีวิสัยทัศน์ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วตอนร่วมกันคิดโครงการนี้ ว่าเศรษฐกิจดิจิตอลของโลก จะมีขนาดใหญ่โตมากขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเศรษฐกิจดิจิตอลได้ขยายตัวและโตอย่างมากตามที่พรรคเพื่อไทยคาดการณ์ไว้ คนที่รวยที่สุด และบริษัทที่รวยที่สุดในโลกต่างก็มาจากเศรษฐกิจดิจิตอลกันทั้งนั้น เช่น นายเจฟฟ์ เบโซส์ ของอเมซอน นายอีลอน มัสก์ของเทสลา นายมาร์ค ซัคเคอเบิร์ก ของ เฟซบุ๊ค นายแจ๊ก หม่า ของอาลีบาบา นายโพนี่ หม่า ของเทนเซ็นต์ เป็นต้น ซึ่งหากไม่มีการปฏิวัติและไม่มีการยกเลิกโครงการดังกล่าว ป่านนี้การพัฒนาการศึกษาไทย และการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลของไทย คงไปได้ไกลกว่านี้มาก ประเทศไทยคงมีบริษัทเทคโนโลยีระดับยูนิคอร์นกันหลายบริษัทแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลย

ดังนั้นจึงอยากเสนอให้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยอย่างจริงจัง เพื่อให้เข้ากับอนาคตของโลก และเข้ากับทิศทางการสร้างงานของโลก นักศึกษาจบมาจะต้องมีงานทำและต้องมีรายได้มากๆ เพื่อยกระดับคนชั้นกลาง อย่าให้เป็นเหมือนปัจจุบันที่นักศึกษาจบแล้วไม่มีงานทำ ตกงานกันเป็นแสนเป็นล้านคนแล้ว อีกทั้งรัฐบาลก็ต้องทำให้ประเทศมีอนาคตและน่าอยู่ ไม่ใช่สร้างความรู้สึกให้คนรุ่นใหม่อยากย้ายออกไปอยู่ต่างประเทศกัน เหมือนที่มี แฮชแท็ก #ย้ายประเทศกันเถอะ ที่มีคนเข้าร่วมกว่าล้านคนแล้ว ซึ่งถ้าหากคนเก่งคนฉลาดอยากไปอยู่ประเทศอื่นจริง จะทำให้เกิดสมองไหล ประเทศไทยจะพัฒนาต่อได้ยาก จึงอยากขอเตือนพลเอกประยุทธ์ ในเรื่องเหล่านี้ และอยากให้มีการพัฒนาระบบการศึกษาอย่างจริงจัง โดยพรรคเพื่อไทยได้มีแผนในการพัฒนาและการสร้างงานรองรับการศึกษาอย่างครบวงจรแล้ว โดยงบการศึกษาและการบริหารการศึกษาที่ผิดพลาดมาตลอดนี้ จะต้องถูกอภิปรายในญัตติงบประมาณปี 65 ที่เข้าสภาเร็วนี้อย่างแน่นอน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"