ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net ปิดฉากอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วาระแรกเรียบร้อยโรงเรียนประยุทธ์ไปแล้วตามคาด! ด้วยคะแนน 269 ต่อ 201 งดออกเสียง 2 คงจะเป็นอย่างที่่หัวหน้าพรรคก้าวไกลเปรียบเปรยว่า 3 วันที่ผ่านมาเหมือนลิเกโรงใหญ่ อภิปรายดั่งราชสีห์ แต่เวลาลงคะแนนเหมือนหนู เพราะลองเช็กผลการลงมติแล้ว ส.ส.ค่ายเสี่ยหนูหลายคนที่อภิปรายดุเดือดพาดพิงถึง "บิ๊กตู่" ไม่ว่าจะเป็น "ชาดา ไทยเศรษฐ์" "ศุภชัย ใจสมุทร" "กรวีร์ ปริศนานันทกุล" ก็กดโหวตเห็นชอบทุกคน รวมไปถึงพรรคพระแม่ธรณีฯ ก็ไม่มีใครแตกแถวแม้แต่คนเดียว ขั้นตอนต่อจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 65 ก่อนจะนำเข้าที่ประชุมสภาฯ ในวาระ 2 และ 3 ต่อไป แต่กลับมีเซอร์ไพรส์ใน 72 อรหันต์ ดันมีชื่อ "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" โผล่นั่ง กมธ.ในโควตาพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ประธานวิปรัฐบาล "วิรัช รัตนเศรษฐ" ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ออกโรงเคลียร์ข้อสงสัยเฉลยว่าเรืองไกรเข้าคอก พปชร.ร่วมเดือนแล้ว โดย "บิ๊กป้อม" เปิดไฟเขียวฉลุย

            ๐ "การไปอยู่กับ พปชร. ไม่มีใครมากดดัน หรือบีบบังคับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีหรือเรื่องเงินแน่นอน เขาเห็นว่าทำงานได้ก็เปิดโอกาสให้ทำงานก็ตอบรับพร้อมร่วมงาน และต้องขอบคุณ ถ้าใครจะมองว่าย้ายฝ่ายย้ายขั้ว คงไปห้ามไม่ได้ ก็ถูกมองมาตั้งแต่ตรวจสอบภาษีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าเป็นเสื้อเหลือง พอมาอยู่กับเพื่อไทย ก็หาว่าเป็นเสื้อแดง แต่ผมมีจุดยืนคือการทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเคยใส่ชื่อผมในกรรมาธิการในงบฯ 64 มีเอกสารปรากฏชัด แต่ในวันที่ 3 ก.ค.63 กลับถอดออกแล้วเปลี่ยนคน ทั้งที่พูดคุยกันจบแล้ว สำหรับผมเจ็บลึกเมื่อให้ทำงานแล้วเอาคืน ทำให้ไม่ไว้ใจและยากที่จะไปร่วมงานอีกด้วย" สมาชิก พปชร.น้องใหม่ป้ายแดง ประกาศสวมบท "แมวที่จับหนูได้ทุกสี" หนำซ้ำย้ำว่าไม่มีการถอนเรื่องที่เคยร้องเรียนบิ๊กๆ ในรัฐบาล ทั้ง "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" เอาแค่กรณีหัวหน้า พปชร.ก็โดนมาหลายรอบแล้ว ทั้งนาฬิกาหรู เรื่องเสียภาษี กรณีเหล็กไหลของขวัญวันเกิดครบรอบ 75 ปี ที่มูลค่าเกิน 3 พัน ช่วงต้นปีก็เพิ่งยื่นสอบ "บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก" ครอบครองจักรยานหรู ในส่วนของ พปชร.เองก็เคยร้อง กกต.ให้ยุบพรรคมาแล้วเช่นกัน เส้นทางการเมืองของ "เรืองไกร" ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ปรับเปลี่ยนชนิด 360 องศาทีเดียว เริ่มต้นจากเปิดข้อมูลโกงภาษีขายหุ้นชินคอร์ปของตระกูลชินวัตร ขุดคุ้ยปมเอื้อประโยชน์ของ "ทักษิณ" จนโด่งดังได้ฉายา "แจ็คผู้ฆ่ายักษ์" และเคยร่วมขบวนการโค่นระบอบทักษิณ แต่พอเวลาผ่านไปแจ็คกลับมายอมศิโรราบแทบเท้ายักษ์ ขึ้นเวทีเสื้อแดง สมัคร ส.ส.ในนามเพื่อไทย กระทั่งสายสัมพันธ์ขาดสะบั้นหลังถูกเขี่ยชื่อทิ้งจาก กมธ.งบฯ ปี 64 ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย จากนั้นก็เอาคืนรังเก่า ร้อง ป.ป.ช.เช็กบิล ส.ส.เพื่อแม้วยกแก๊ง คราวนี้ก็เลยสมหวังได้นั่ง กมธ.งบฯ ปี 65 ในนามพรรคแกนนำรัฐบาล

            ๐ เขาถึงว่า "การเมืองไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร" สไตล์นี้คนใน พปชร.ถนัดนัก ชอบดึงศัตรูมาเป็นมิตร แล้วก็ให้คนเหล่านี้จัดการคนที่เคยอยู่พวกเดียวกัน อย่าง "แรมโบ้อีสาน" ก็สร้างผลงานดีเกินคาด โต้กลับรายวันทุกเม็ดทุกดอก สมราคาที่ได้อยู่ข้างกายนายกฯ และยิ่งศัตรูที่กลายเป็นศัตรูของศัตรูก็คือมิตร เอามาไว้ใช้งานยิ่งดีเข้าไปใหญ่ แว่วมาว่าน่าจะเป็นฝีมือของ "มือประสานสิบทิศ" ที่เวลาลุยลงพื้นที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้ เตรียมศึกเลือกตั้งใหญ่เต็มตัว นอกจากหาเสียงล่วงหน้าแล้ว ยังไปตะล่อมจีบ ส.ส.ตามค่ายต่างๆ ล่าสุดมาแน่แล้ว 1 ราย มีดีกรีเป็น ส.ส.ภาคเหนือพรรคเพื่อไทย ฝีปากกล้าระดับแถวหน้าของฝ่ายค้าน ปกติอภิปรายในสภาทุกครั้ง ยกเว้นเวทีงบฯ 65 ส่งสัญญาณชัดแม้ตัวยังย้ายไม่ได้แต่ใจให้ไปหมดแล้ว ผลงานเหล่านี้ก็ยิ่งเพิ่มบารมีว่าที่เลขาธิการ พปชร.คนใหม่ ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 20 มิ.ย.นี้ ที่ขอนแก่น อาจมีการปรับโครงสร้างผู้บริหารพรรคอีกครั้ง จับตา "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" ผงาดนั่งเก้าอี้พ่อบ้าน พปชร. เพราะทุกวันนี้โดยพฤตินัยก็ใช่แล้ว เหลือแค่นิตินัยเป็นทางการเท่านั้นแหละ ในพรรคก็เป็นรองแค่ "บิ๊กป้อม" จะเรียกว่าเป็นคนใหญ่คนโตในรัฐบาลก็ว่าได้ ก็เลยเพลิน แต่จะไปใหญ่คับสภาคงไม่ได้ เผอิญว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรชื่อ "ชวน หลีกภัย" ฟังพฤติกรรมที่รังแกตำรวจสภาฯ เหมือนหนังคนละม้วน ในแง่ต้นทุนทางสังคมที่ต่างกัน สังคมคงตัดสินได้ว่าใครกันแน่ที่พูดความจริง.