เวียดนามวอนประชาชนร่วมบริจาคเงินจัดซื้อวัคซีนโควิด-19


เพิ่มเพื่อน    

รัฐบาลเวียดนามร้องขอประชาชนช่วยกันบริจาคเงินเข้ากองทุนวัคซีนโควิด-19 เพื่อใช้จัดซื้อวัคซีนสำหรับประชากร 70% ซึ่งต้องใช้เงินราว 1,100 ล้านดอลลาร์ ขณะโครงการฉีดวัคซีนของเวียดนามล้าหลังเพื่อนบ้านโดยเพิ่งฉีดไปแค่ 1% ของประชากร ขณะที่กัมพูชานำไปไกลถึง 16% แล้ว

แฟ้มภาพ บุคลากรด้านสาธารณสุขได้รับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่โรงพยาบาลโรคเขตร้อนแห่งชาติ ในกรุงฮานอย เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 (Photo by Linh Pham/Getty Images)

    เวียดนามมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่านับแต่เดือนเมษายน โดยมียอดสะสมเกือบ 9,000 คนแล้ว ซึ่งนับว่ายังน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ดี อัตราการฉีดวัคซีนของเวียดนามก็ต่ำมากเช่นกัน โดยมีประชากรแค่ราว 1% จากเกือบ 100 ล้านคน ได้ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอังคารที่ 8 มิถุนายน กล่าวว่า ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในเวียดนามได้รับข้อความมากถึง 3 ข้อความ กระตุ้นให้พวกเขาบริจาคเงินเข้ากองทุนวัคซีนโควิด-19 ส่วนข้าราชการพลเรือนได้รับคำร้องขอให้บริจาคค่าจ้าง 1 วัน

    ชาวบ้านหลายคนที่หวั่นเกรงผลกระทบของโรคระบาดนี้ต่อเศรษฐกิจของเวียดนาม บอกกับเอเอฟพีว่าพวกเขาสนับสนุนการระดมเงินของรัฐบาลครั้งนี้ รายหนึ่งชื่อเหงียน ตวน อันห์ ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน บอกว่า เขาโอนเงินผ่านธนาคารและจ่ายผ่านเอสเอ็มเอสไปประมาณ 50 ดอลลาร์ เพราะวัคซีนหมายถึง "เศรษฐกิจของเวียดนามจะมั่นคงและพัฒนาอีกครั้ง"

    จังหวัดในภาคเหนือที่เป็นเขตอุตสาหกรรม และเป็นที่ตั้งโรงงานสำคัญเช่นซัมซุงและฟอกซ์คอนน์ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดรอบล่าสุดนี้ ขณะเดียวกัน สื่อเวียดนามกล่าวว่า ทั่วประเทศก็มีประชาชนตกงานแล้วนับแสนคน บาร์และภัตตาคารร้านอาหารในเมืองใหญ่เช่น กรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ ถูกสั่งปิด กิจกรรมที่เป็นการรวมตัวกันถูกยกเลิก

    รัฐบาลคอมมิวนิสต์เวียดนามกล่าวว่า เวียดนามตั้งเป้าจัดหาวัคซีนให้ได้ 150 ล้านโดสภายในปีนี้ สำหรับประชากร 70% โดยมีค่าใช้จ่ายราว 1,100 ล้านดอลลาร์ (ราว 34,317 ล้านบาท) แต่ในงบประมาณการใช้จ่ายนั้นจัดสรรงบสำหรับจัดซื้อวัคซีนไว้เพียง 630 ล้านดอลลาร์

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายกฯ ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ แถลงต่อประชาชนในโอกาสเริ่มโครงการระดมทุนนี้ว่า การร่วมบริจาคเงินจากชุมชนและสังคมนั้นมีความจำเป็น เพื่อทำให้โครงการฉีดวัคซีนขนานใหญ่เกิดขึ้นได้

    กระทรวงการคลังกล่าวว่า ถึงวันอังคาร มีบุคคลและองค์กรมากกว่า 231,000 ราย บริจาคเงินรวมแล้ว 181 ล้านดอลลาร์เข้าโครงการนี้ และยังมีเงินบริจาคจากภาคธุรกิจอีก 140 ล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ดี ก็ยังมีผู้คนบางส่วนที่ไม่สนับสนุนเพราะไม่มั่นใจว่าเงินเหล่านี้จะถูกนำไปใช้อย่างไร ข้าราชการรายหนึ่งชื่อฝ่าม มาย จี บอกว่า ไม่มั่นใจว่าเงินบริจาคจะเอาไปใช้ตรงวัตถุประสงค์เพื่อซื้อวัคซีนสำหรับฉีดให้ประชากรทุกคน ตนไม่ไว้ใจมากพอที่จะให้เงินพวกเขา

    รายงานข่าวของรอยเตอร์อ้างข้อมูลของทางการว่า ในภูมิภาคนี้ เวียดนามมีอัตราการฉัดวัคซีนต่ำที่สุด หากไม่นับสิงคโปร์ซึ่งมีฐานะร่ำรวย กัมพูชาถือว่ามีอัตราการฉีดวัคซีนมากที่สุด โดยประชากรราว 16% จาก 16 ล้านคนได้ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ด้วยอานิสงส์จากวัคซีนที่ได้รับบริจาคจากจีน 1.7 ล้านโดสและซื้ออีก 4 ล้านโดส ตามด้วยบรูไน และลาว ซึ่งใกล้ชิดกับจีนมากเช่นกัน

    ขณะที่ประชากรมาเลเซียและอินโดนีเซียฉีดวัคซีนแล้ว 7.6% และ 6.6% ตามลำดับ ส่วนไทยฉีดแล้ว 4.6% ของประชากร และฟิลิปปินส์ 4.2% ของประชากร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"