สถานการณ์โควิด-19 แม้ประเทศอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ภายใต้บังเหียนของ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดี และดินแดนภารตะที่มี “นเรนทรา โมดี” เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งและสองในจำนวนผู้ติดเชื้อ แม้ล่าสุดจะมี ยอดติดเชื้อและเสียชีวิตเริ่มขยับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ดูเหมือน “บราซิล” ภายใต้กำกับของ “ชาอีร์ โบลโซนาโร” จะยังคงพุ่งแรง และก็เหมือนกับพี่ไทย ซึ่งหากดูตามเทรนด์ที่ “รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กไว้ก็เรียกได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ เพราะอยู่ในกรุ๊ปหลักพันที่มี 33 ประเทศ...๐

หากส่องเข้าไปอย่างละเอียดจากตัวเลขที่ “หมอเบิร์ท” พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลง ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 2,331 ราย ทำให้ยอดรวมของไทยอยู่ที่ 204,595 ราย จะอยู่ในอันดับที่ 79 ของโลก และเชื่อว่าไม่เกิน 1-2 วัน พี่ไทยก็จะไต่อันดับขึ้นไปรั้งอันดับที่ 78 อย่างแน่นอน เพราะผู้ที่อยู่เหนือไทยนั้นคือ “บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา” ที่มีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 204,697 ราย หรือมากกว่าไทยเพียง 102 เท่านั้น ซึ่งหากดู “สถิติ” ที่พี่ไทยอยู่ในระดับพันทุกวี่วัน ขณะที่เพื่อนแค่ระดับหลักร้อยและหลักสิบก็เชื่อว่าแซงหน้าแน่นอน...๐

แต่ที่น่าสนใจในการแถลงของ ศบค.ครั้งนี้คือ ยอดผู้เสียชีวิตที่กลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง อยู่ที่ 40 รายทีเดียว ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทะลุ 1,500 รายแล้ว โดยอยู่ที่ 1,525 ราย และที่น่าสนใจเข้าไปอีกคือ 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดนั้นก็เรียกว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑลที่ยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อใหญ่อยู่ ซึ่งหากสามารถจัดการ “กรุงเทพฯ” ให้อยู่หมัดได้ ก็เชื่อว่า “โควิดระลอก 3” ครั้งนี้น่าจะซาลง...๐

คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน เพราะ “คลัสเตอร์ใหม่” ก็ยังโผล่อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ “หมอเบิร์ท” ยังบอกถึงการประเมินโรงงานขนาดใหญ่ว่ามีถึง 656 โรงงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์!!! นี่ยังไม่นับเรื่อง “วัคซีน” ซึ่ง แม้จะจบดรามาระหว่าง “สาธารณสุข” ของหมอหนู นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สธ. และ “กทม.” ในกำกับของผู้ว่าฯ ใบสั่งอย่าง “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ไปแล้ว ก็ตามที แต่ที่สังคมยังกังขาและข้องใจอย่างมากคือ การพร่ำแถลงที่ยกมาทั้ง สธ. ว่าด้วยการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังนั้น จริงแท้แล้วใส่ใจมากน้อยเพียงใดกันแน่...๐ เปิดให้ลงทะเบียนมาตั้งแต่กลาง ก.พ. แต่จนป่านนี้เพิ่งจะมาเริ่มฉีดกัน เรียกว่าส่วนใหญ่มีแต่เข็มแรก แทบไม่มีเข็มสองด้วยซ้ำไป วงการขาเมาธ์มอยเลยข้องใจกันว่าตัวเลขที่บอกว่าฉีดกันไปเกือบจะครบ 10 ล้านโดสนั้น ตกลงแล้วดูแลกลุ่มเปราะบางตามที่รัฐบาลพร่ำบอกสังคมจริงเท็จประการใดกันแน่ เพราะหากดูง่ายๆ จากจำนวนโดส และจำนวนผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังแล้ว ก็ควรได้รับการฉีดหมดไปนานแล้วมิใช่หรือ ตามศักยภาพการฉีดที่คุยกันโขมงโฉงเฉง...๐

อย่างที่บอก “ไทยแลนด์โอนลี่” นั่นแหละ ปัญหา “วัคซีน” ยังคาราคาซัง และยิ่งได้อ่านที่ “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องวัคซีนไว้ก็ยิ่งน่าปริวิตก โดยเฉพาะ กรณีของ “ซิโนแวค” ที่อาจต้องมีเข็ม 3 เพราะแค่ตอนนี้เข็ม 2 ยังอิหลักอิเหลื่อเต็มที ก็กลับมาจุดพลุปลุกผีแก้รัฐธรรมนูญกันแล้ว หลังจากที่ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการถกเรื่องงบประมาณปี 2565 และเงินก็ 5 แสนล้านไปแล้วคงไม่หนำใจทั่นผู้แทน เลยได้มีการฟื้นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมา...๐

แต่ที่ตลกไม่ออกคือ กรณี “พรรคก้าวไกล” ที่ไปรวมกับกลุ่มคณะก้าวหน้า และไอลอว์ในชื่อ “กลุ่มรีโซลูชั่น” ที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นกัน ที่สำคัญเรียกว่าลอกการบ้านของ “ไอลอว์” ที่เคยพลาด และถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้วครั้งหนึ่งมา “รีเมก” ใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่า “เป้าประสงค์” ของก้าวไกลตกลงต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงๆ หรือไม่อย่างไร หรือเพียงต้องการเล่นการเมืองเอาใจสาวกและบรรดาลูกหาบสามกีบกันแน่ เพราะรู้ว่าไม่รอดแต่ดันทุรังทำเหมือนเดิม...๐

งานนี้จึงมีสารพัดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะในส่วนของฝ่ายค้านเองก็มี 2 ขยักแล้ว ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเองก็มี 2 ขยักเช่นกัน โดยเฉพาะขยักของ “3 พรรคร่วมรัฐบาล” อย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ที่ในช่วงเช้ายังดูเหมือน “ราชสีห์” เพราะจะมีการสับสวิตช์ “สภาสูง” กับเขาด้วย แต่พอมาถึงช่วงเย็นหลังคิดสารัตถะแล้วก็ตัดประเด็นดังกล่าวออกไป แหม! ก็ถ้ายึดตามที่ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้กล่าวไว้ยิ่งไล่ยิ่งสู้และจะอยู่ครบวาระก็เท่ากับ ส.ว.จะมีอำนาจเหลือแค่การเลือกนายกฯ อีกครั้งเดียวเท่านั้น ที่สำคัญเชื่อว่า “บิ๊กตู่” เองก็คงไม่อยู่ยาวถึง 12 ปีหรอก เพราะแค่นี้ลุงก็อ่วมอรทัยแล้วจ้าพี่น้อง...๐

ท.ศักดิ์