สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาน่า “ปวดหัว” ให้กับผู้บริหารประเทศ และปัญหาน่า “หวาดกลัว” ให้ประชาชนตาดำๆ ที่ต้องหาเช้ากินค่ำอยู่ต่อไป ตราบใดที่สังคมยังไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้น โดยล่าสุดตัวเลขในระดับโลกก็พุ่งไปใกล้แตะ 180 ล้านรายแล้ว...๐

ในขณะที่ “ไทยแลนด์แดนสยาม” นั้นก็เรียกว่า “ขาขึ้น” เช่นกัน หลังจากเมื่อวันอังคารยอดพุ่งทะลุไปกว่า 4 พันราย ในวันพุธแม้ตัวเลขจะลดลงมาที่กว่า 3 พันเท่านั้น แต่ ยอดเสียชีวิตกลับทำ “นิวไฮ” อีกครั้งที่ 51 ราย และที่สำคัญตามที่ “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงนั้นก็คือ การพบคลัสเตอร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด แนวโน้มที่ตัวเลขระดับเกิน 3-4 พันทุกวันอย่างนี้จึงไม่น่าแปลกที่ทำให้ ใครต่อใครเริ่มออกมาเรียกร้องในเรื่องการ “ล็อกดาวน์” และรวมถึงการเลื่อนเปิดโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” หนาหูขึ้นทุกที...๐

ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ข้อเสนอของ “รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล” หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เสนอให้ “ล็อกดาวน์” กทม.และปริมณฑลเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน เพราะหนทางการแก้ไขปัญหาเริ่มจนตรอกมากขึ้นทุกที ไม่เช่นนั้นอาจได้เห็น “วิกฤติโควิดระลอก 4”...๐

ที่สำคัญ “ระลอก 4” ที่จะมานี้ก็ไม่ใช่สายพันธุ์ผู้ดีหรืออู่ฮั่นเสียด้วย แต่เป็น “สายพันธุ์อินเดีย” หรือเดลตา ที่ “หมอยง” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเคยทำนายทายทักว่าจะมาแทนที่อังกฤษใน 3-4 เดือน ซึ่งอาจจะมาเร็วขึ้นก็เป็นได้...๐

น่าปริวิตกอย่างยิ่ง เพราะสายพันธุ์อินเดียนั้นนอกจากความรวดเร็วในการติดต่อแล้ว ยังมีความรุนแรง ที่สำคัญคืออาจดื้อต่อ “วัคซีน” ที่ไทยมีใช้อยู่ทั้ง “แอสตร้าเซนเนก้า” และ “ซิโนแวค” จึงมีการพร่ำๆ และเรียกร้องให้มีเข็ม 3 กันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว...๐

แต่ดูเหมือน “ศบค.” ภายใต้การสั่งการของ ผู้อำนวยการ ศบค.ที่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ และ รมว.กลาโหม จะยังไม่ยี่หระให้ความสนใจเพียงพอ โดยให้ “หมอทวีศิลป์” ออกมาปัดตกข้อเสนอการล็อกดาวน์แล้ว โดยให้เหตุผลว่าอาจจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานจำนวนมากได้!!! พิโธ่! งานนี้ก็เท่ากับ ศบค.เฉลยแล้วว่าการล็อกดาวน์ที่ผ่านๆ มามีช่องว่างช่องโหว่ ไม่ได้ “ล็อก” จริงๆ แต่ประการใดนั่นเอง จึงไม่แปลกที่ข้อเสนอของ “หมอนิธิพัฒน์” ในการโพสต์ทิ้งท้ายถึงบอกว่า ต้องห้ามไม่ให้คนกรุงเทพฯ แตกรังออกต่างจังหวัด เหมือนที่เราทำพลาดมาแล้วช่วงสงกรานต์!!! นั้นเป็นความจริงที่แท้ทรูนั่นเอง...๐

ไหนๆ ก็พูดถึงวัคซีนเข็ม 3 แล้วก็ต้องเอ่ยถึง “วัคซีน” ในระดับโลกกันบ้าง เมื่อ “อังเกลา แมร์เคิล” นายกฯ หญิงเหล็กแห่งเยอรมนี ได้เข้ารับวัคซีนโควิด-19 เข็ม 2 แล้ว แต่ที่เป็นข่าวฮือฮาขึ้นมา ตรงที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ และแพทย์พยาบาลที่ยังถกเถียงกันว่า เข็ม 1 และเข็ม 2 ควรเป็นวัคซีนยี่ห้อเดียวกันหรือไม่ ล้มทฤษฎีได้แล้ว เพราะเข็มแรกของผู้นำอินทรีเหล็กคือ “แอสตร้าเซนเนก้า” ส่วนเข็มที่สองล่าสุดที่ฉีดนั้นคือ “โมเดอร์นา” จ้าประชากรโลก...๐

หันกลับมาเรื่องการเมืองว่าด้วยร่างรัฐธรรมนูญ 13 ฉบับกันบ้าง แหม! เห็นการถ่ายทอดสดของ ทั่นผู้ทรงเกียรติทั้งสภาล่างและสภาสูงแล้วก็ต้องบอกว่า “ไม่เคยเปลี่ยน” ไม่ว่าจะเป็นยุค 5จี หรือยุคอนาล็อก เพราะยังเห็นการใช้สำนวนโวหาร และการกระทบเสียดสีกันไปมาสม่ำเสมอ และยิ่งได้ “พรเพชร วิชิตชลชัย” รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก็ทำให้นึกไปถึงคำของ “ส.ส.โอ๋” รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เคยตำหนิติติงการทำหน้าที่ของประธานว่า “ทั่นประธานไม่แข็ง” เสียจริงๆ เพราะเรียกว่าคุมเกมไม่อยู่ ไม่รู้จักตัดไฟแต่ต้นลม หรือเพราะมีคำว่า “ส.ว.ลากตั้ง” ค้ำคออยู่จึงทำให้กระอักกระอ่วนในการทำหน้าที่ก็เป็นได้...๐

ทิ้งท้ายด้วยเรื่องแวดวงสีกากีกันบ้าง เพราะช่างลือหนาหูเสียเหลือเกินว่า ใน การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 7/2563 ในวันที่ 28 มิ.ย.2564 นี้จะมีการพิจารณาเปิดตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.” เพื่อ รองรับก้น “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” สำรองราชการให้กลับมา ไม่มีควันย่อมไม่มีไฟ แล้ว ถ้าดูตัวอย่าง “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ขนาดถูกเด้งฟ้าผ่า แล้วยังโดนคำสั่งให้ย้ายขาดจากตำแหน่งยังกลับมาได้ กรณีของ “พล.ต.อ.วิระชัย” จึงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตื่นเต้นแต่ประการใดเลย...๐

ท.ศักดิ์