เทรนด์สุขภาพยังมาแรง  บริษัทประกันแห่อัดโปรดึงลูกค้า


เพิ่มเพื่อน    

ในเดือนมิถุนายนของทุกปีจะมีการเฉลิมฉลองที่สำคัญในระดับโลกสำหรับกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ไพรด์ มันต์ (Pride Month) และมีนัยสำคัญในการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมในสังคม ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา งานดังกล่าวเริ่มมีบทบาทในสังคมมากขึ้น และได้รับการตอบรับที่ดีจากหน่วยงานหรือองค์กรระดับโลกในการที่จะสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของกลุ่ม LGBTQ+


ประเทศไทยเองก็มีหลายกลุ่มที่ออกมาสนับสนุนเรื่องดังกล่าว ขณะที่ธุรกิจประกันก็ยังเห็นถึงความสำคัญเรื่องนี้ โดย นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ได้ออกมาสนับสนุนความหลากหลายผ่านวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างพร้อมสวัสดิการพนักงานที่เท่าเทียม โดยได้มอบสวัสดิการสำหรับพนักงานทุกคนที่ต้องการทำศัลยกรรมแปลงเพศให้สามารถลาหยุดได้ 7 วัน พร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง 50% หรือเบิกค่าใช้จ่ายได้สูงสุด 100,000 บาท


รวมถึงให้พนักงานสามารถแต่งตัวได้ตามเพศสภาพที่ต้องการตามความเหมาะสม และวันลาพิเศษในการประกอบพิธีทางศาสนาให้กับพนักงาน เช่น การบวช พิธีฮัจญ์ เป็นต้น โดยมีแนวคิดที่จะยอมรับในความหลากหลายของกลุ่มคนที่มีพื้นภูมิ เชื้อชาติ เพศ อายุ ความเชื่อ รสนิยมทางเพศ สถานภาพสมรสและสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นการดูแลที่ครอบคลุมนอกเหนือจากการใส่ใจลูกค้าและให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อบริษัทอีกด้วย


ความหลากหลายของธุรกิจประกันไม่ได้ครอบคลุมเพียงแต่กลุ่มเพศเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปยังทุกช่วงเวลาของชีวิตอีกด้วย โดย นางสาวจันทิมา ศิริจรรยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสายงานประสบการณ์ลูกค้าและนวัตกรรม บมจ.ไทยประกันภัย หรือ TIC ได้จับมือ HUGS Insurance ร่วมสร้างความอุ่นใจหน้าฝนด้วยประกันภัยสู้ยุง Happy Fighter และ PA365 ซึ่งจะมอบความอุ่นใจให้คนไทย ปกป้องทุกคนจากยุงลายตัวร้ายและโรคไข้เลือดออก และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล PA365 จะเจ็บเล็ก เจ็บใหญ่ก็อุ่นใจได้ ด้วยเบี้ยเพียงวันละ 1 บาท 


นอกจากจะขยายฐานลูกค้าให้กับทั้ง 2 องค์กรแล้ว ยังถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะส่งความอุ่นใจให้กับผู้บริโภค เพราะ TIC ย้ำอยู่เสมอเรื่องการส่งเสริมให้ชาวไทยทุกคน เข้าถึงประกันภัยได้อย่างสะดวกและรวดเร็วพร้อมความคุ้มครองที่เหมาะสมตามทิศทางของ TIC  

 
และอีกหนึ่งความครอบคลุมของการดูแลในฐานะบริษัทประกันนั้น ก็คือการดูแลลูกค้าได้ตลอดเวลา บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จึงมอบความอุ่นใจพร้อมปกป้องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า ด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ 24 ชั่วโมง (SOS) โดยลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตและสัญญาเพิ่มเติมแบบ HA Wealth หรือสัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาลแบบ Health as charged Riders จะได้รับบริการ SOS ที่พร้อมให้บริการรถพยาบาล และความช่วยเหลือกรณีเคลื่อนย้ายตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก รวมถึงบริการอื่นๆ ทั้งการประสานงานและความช่วยเหลือด้านจัดหายาตามใบสั่งของแพทย์


ด้าน นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้สร้างความหลากหลายโดยการลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นใหญ่ในกิจการร่วมค้าของ AXA และ Affin โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้น 53% ในกิจการร่วมค้า AXA Affin General Insurance และซื้อหุ้น 70% ในกิจการร่วมค้า AXA Affin Life Insurance และยังได้ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานที่กำกับดูแลในประเทศมาเลเซียเพื่อดำเนินการซื้อหุ้น MPI Generali Insurans Berhad (MPI Generali) ที่มีอยู่แล้ว 49% ให้สามารถถือหุ้นได้เป็น 100%


โดยทำการซื้อหุ้นที่เหลืออยู่ที่ถือโดย Multi-Purpose Capital Holdings Berhad (MPHB Capital) ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร่วมทุนในมาเลเซีย ทั้งนี้ จะทำให้เจนเนอราลี่มีการดำเนินงานในประเทศมาเลเซียผ่านสองบริษัท โดยบริษัทหนึ่งอยู่ในธุรกิจธุรกิจประกันชีวิต (Life) และอีกบริษัทหนึ่งอยู่ในประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) 


ธุรกิจประกันนั้นเกี่ยวเนื่องกับทุกกิจกรรมของมนุษย์ เช่นเดียวกับแนวความคิดที่จะนำพาภาคอุตสาหกรรมประกันภัยเป็นแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย โดย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) ได้เปิดการอบรม “CAC Briefing” พร้อมทั้งมอบนโยบายตามโครงการสร้างแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) ของสำนักงาน คปภ. และการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายกำหนดนโยบายและวางแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ โดยมีผู้บริหารและพนักงานทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคร่วมฟังบรรยาย


อีกหนึ่งบริษัทที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดประเทศไทยเสมอมาคือ นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ที่ล่าสุดได้ทำการปรับลดระยะเวลาที่ไม่คุ้มครองกรณีการเจ็บป่วยที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อโควิด-19 จากเดิม 30 วัน เหลือเพียง 14 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติม สำหรับความคุ้มครองกลุ่มค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยรายวัน ที่มีวันเริ่มมีผลคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.-31 ธ.ค.2564


โดยการปรับลดระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง บริษัทจะให้ความคุ้มครองสำหรับการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นหลังจากระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติม หรือหากมีการต่ออายุสัญญาเพิ่มเติมให้นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามการต่ออายุนั้นครั้งสุดท้าย แล้วแต่กรณีใดจะเกิดขึ้นหลังสุด.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"