โควิด-19 กับการอยู่ร่วมกันโดยสันติ


เพิ่มเพื่อน    

(1)
    การหาทาง อยู่ร่วมโดยสันติ กับท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไปให้จงได้นั่นแหละ อาจถือเป็น ทางออก ที่ค่อนข้างจะสอดคล้องกับ ความจริง กับ ข้อเท็จจริง ค่อนข้างมากที่สุด เพราะโอกาสที่จะไปขจัดกวาดล้าง ให้ท่านหายเกลี้ยง สูญหายไปจากโลกใบนี้ แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ดูๆ แล้วไม่น่าจะเป็นไปได้เอาเลยแม้แต่น้อย...
                                      (2)
    แค่ดูจากเฉพาะ แฟนบอล หรือบรรดากองเชียร์ที่แห่ตามไปรัก ไปลุ้น ทีมชาติ ของตัวเอง ในฟุตบอล ยูโร-2020 ที่เลื่อนมาจัดในปีนี้ เห็นว่าต้อง ติดเชื้อ งอมๆ แงมๆ กันไปแล้วไม่รู้กี่ประเทศต่อกี่ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฟินแลนด์ สกอตแลนด์ ฯลฯ หรือเผลอๆ...ว่าที่ แชมป์ยูโร คราวนี้ อย่างอังกฤษ นอกจากอาจคว้าแชมป์ยูโร อาจต้องคว้าตำแหน่ง แชมป์โรค ควบคู่ไปด้วยเอาเลยก็ไม่แน่ เพราะตัวเลขติดเชื้อสะสมที่มีอยู่ประมาณ 4 ล้าน 5 ล้าน และยังต้องเพิ่มเติมอีกวันละเป็นหมื่นๆ แต่เมื่อ ความรักชาติ มันกลายเป็นแรงกระตุ้น ให้ต้องเข้าไปแหกปาก กู่ก้องร้องตะโกน ส่งเสียงเชียร์ทีมชาติของตัวเอง ไม่ว่ารอบรองไปจนถึงรอบชิง หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ โอกาสที่จะต้องติดเชื้อกันอีกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้...
                                       (3)
    หรือแม้แต่รายการเทนนิส อันสุดแสนจะคลาสสิก หรือแกรนด์สแลม วิมเบิลดัน ที่กำลังไล่หวด ไล่ตี กันอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ว่ากล้องจะแพนไปทางไหนต่อไหน ก็เห็นแต่บรรดาผู้ที่ไม่คิดจะสวมหน้ากาก ไม่คิดจะเว้นระยะห่าง ไปด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อต้องเจอเข้ากับ สายพันธุ์เดลตา ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในเกาะอังกฤษทุกวันนี้ โอกาสที่จะเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย ผู้ตาย ย่อมถือเป็น ข้อเท็จจริง อันมิอาจปฏิเสธได้ แม้แต่ โตเกียว-โอลิมปิก ที่กำลังใกล้จะมาถึง ในอีกไม่กี่วันนับจากนี้โดยมิอาจคัดค้านและทัดทานกันได้อีกต่อไป เฉพาะกองทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ก็น่าจะระดับเป็นแสนๆ คนเข้าไปแล้ว ยังมีกองทัพนักข่าว และนักอะไรต่อมิอะไรที่จำต้องแห่เข้าไปยุ่มๆ ย่ามๆ ในดินแดนซามูไรและซากุระ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย ระหว่างโควิด-19 กับโรนิน-42 หรือจะกี่รายต่อกี่รายก็แล้วแต่ มันจึงกลายเป็นความสัมพันธ์ที่มิอาจแยกออกจากกันได้โดยเด็ดขาด...
                                        (4)
    แม้แต่บ้านเรา...เห็นว่าพวกคิดจะไปไล่ บิ๊กตู่ ไปม้ง ไปม็อบ ไม่ว่าด้วยเหตุผล กลใด เข้าท่า-ไม่เข้าท่า ก็แล้วแต่จะว่ากันไปแต่หนีไม่พ้นต้อง ติดเชื้อ ขึ้นมามั่งแล้ว นั่นยังไม่รวมถึงพวกที่ กูจะเปิด...แล้วมึงจะทำไม??? ที่แม้ว่า มึง หรือ ผม ไม่อาจทำอะไรกับ มัน ได้ แต่สุดท้าย...ท่านเชื้อไวรัสโควิดเองนั่นแหละ ที่จะทำให้ต้อง เสร็จมึง-เสร็จกู ไปตามสภาพ การหนีให้พ้นไปจากเงื้อมมือของไวรัสตัวนี้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด จึงอาจคล้ายๆ กับความพยายามหนีให้พ้นไปจากเงื้อมมือของไวรัสโรค เอดส์ อะไรประมาณนั้น คือต้อง ยด หรือต้อง งด กิจกรรมในแต่ละประเภท ที่อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อ แพร่เชื้อ ได้เสมอๆ หรืออาจต้องหันไปใช้ ไม้เขี่ย ดังที่ผู้เชี่ยวชาญ อย่าง หมอ---ยง ท่านแนะนำเอาไว้ ประมาณนั้น...
                                     (5)
    แต่คราวนี้ทำไงได้...ในเมื่อกิจกรรมต่างๆ ธุรกรรมต่างๆ มันคงต้องดำเนินต่อไป ไม่งั้นอาจ อดตาย แทน ป่วยตาย เอาง่ายๆ อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ความจำเป็นที่จะต้องหาทาง อยู่ร่วมกันโดยสันติ กับท่านเชื้อไวรัสโควิด ต่อไปให้จงได้ มันจึงเป็นความจริง เป็นข้อเท็จจริง อันมิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไป คือหนีไม่พ้นต้องหันไปฉีด วัคซีน เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม สปุตนิกวี ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ เพื่ออย่างน้อยก็พอช่วยปกป้อง คุ้มกัน เอาไว้ซักชั้นหนึ่ง โดยจะคุ้มได้ ป้องกันได้ ซักกี่เปอร์เซ็นต์ ต่อกี่เปอร์เซ็นต์ ก็ตาม หรือแม้พันธุ์อังกฤษ พันธุ์แอฟริกาใต้ พันธุ์อินเดีย พันธุ์รัสเซีย ฯลฯ มันอาจจะปรับตัว ปรับสภาพ ไปในลักษณะใดก็ตามที...
                                   (6)
    หลังจากนั้น...ก็คงต้องหันมาหมั่นฝึก การล้างมือ ล้างไม้ การสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่าง ไปตามข้อเท็จจริงของสภาวะแวดล้อมในแต่ละสภาพ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ...ก็อย่าถึงกับต้องไปแหกปาก ส่งเสียงเชียร์ เสียงตะโกน ไปจนเสียงด่าว่า ด่าทอใครต่อใคร ให้ต้องติดเชื้อ หรือแพร่เชื้อ อันไม่ใช่แต่แค่เฉพาะเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เพียงเท่านั้น เพราะความชอบ-ความชัง ความรัก-ความเกลียด อะไรต่อมิอะไรจน เกินเหตุ สุดท้ายแล้ว...มันอาจก่อให้เกิด โรค ที่น่าเกลียด น่ากลัว ซะยิ่งกว่าโรคโควิด เอาเลยก็ไม่แน่ นั่นคือโรคอันมีที่มาจาก อวิชชา ทั้งหลาย ที่ก่อให้เกิดความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง ไม่ก็ก่อให้เกิดความลุ่มหลง คลั่งไคล้ หลงใหล ได้ปลื้ม ต้องตามไป แหกทวารบิ๊กตู่ดม วันละ 3 เวลาหลังอาหาร อะไรประมาณนั้น...
                                           (7)
    สรุปรวมความแล้ว...ก็คงต้อง อยู่ๆ กันไป นั่นแหละทั่น!!! สำหรับโลกยุคนี้ สมัยนี้ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันกำลังอยู่ช่วง ขาลง หรือช่วงที่ กงล้อแห่งกาลเวลา กำลังหมุนไปสู่ความเสื่อม ความทรุดโทรม ลงไปตามลำดับ หรือคงต้องหันมายอมรับ ความจริง-ข้อเท็จจริง อย่างที่อดีตนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ และนักธรรมชาติวิทยาชาวอเมริกัน นาย ฮัล บอร์แลนด์ (Hal Borland) ท่านเคยเอ่ยเป็น วาทะ เอาไว้นั่นแหละว่า... “Summer ends and autumn comes, and he who would have it otherwise would have high tides always and a full moon every night.” หรือ “ฤดูร้อนผ่านไป...ฤดูใบไม้ร่วงจึงจะตามมา ส่วนผู้อยากเห็นเป็นอย่างอื่น ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากผู้ที่อยากให้กระแสน้ำขึ้นเสมอๆ และอยากให้ดวงจันทร์เต็มดวงในทุกๆ คืน”...นั่นแล...
             ---------------------------------------------------
                                                                              
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"