ว่ากันไปตาม...เพลง!!!


เพิ่มเพื่อน    

                                 (1)

            ช่วงระหว่างนี้...คงต้องหันไปคว้าบทเพลง เสียงเพลง ประเภท ดอกไม้ในสวน หรือ ดอกไม้ให้คุณ ของคุณน้า หงา คาราวาน มากล่อมหูกันไปพลางๆ น่าจะพอเข้าท่าขึ้นมาได้มั่ง อย่างน้อยก็พอให้เกิดอารมณ์-ความรู้สึกไปในแนว “ขอมอบความหวัง-ดั่งดอกไม้ผลิ-สดไสวนานา-เป็นกำลังใจให้คุณ-เป็นกำลังใจให้เธอ-เป็นสิ่งเสนอให้มา...” อะไรประมาณนั้น...

                                       (2)

            คือแม้ท่วงทำนอง ลีลา ของบทเพลงที่ว่า...ว่ากันว่า คุณน้า หงา ท่านไปงัดเอามาจากพวกญี่ปุ่น ยุ่นปี่ แบบทั้งแท่ง ทั้งด้ามแต่เฉพาะแค่ถ้อยคำ คำพูด คำจา ในเนื้อร้อง เนื้อเพลง แต่ละวรรค แต่ละท่อน ที่คุณน้า หงา ท่านได้เสกสรร ปั้นแต่ง ขึ้นมาด้วยตัวเองล้วนๆ อย่างประเภท... “ดวงตะวันทอแสง-มิถอยแรงอัปรา-เป็นเปลวไฟที่ไหม้นาน-เป็นสายธารที่ชุ่มป่า-เป็นแผ่นฟ้าทานทน” อันนี้...ก็ต้อง เอาไปเลย ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ไม่ว่าตำแหน่ง ศิลปินแห่งชาติ รางวัลแว่นแก้ว แว่นฟ้า หรือรางวี่ รางวัลใดๆ ก็แล้วแต่ ที่สมน้ำ สมเนื้อ สมราคา กับความลุ่มลึก ลึกซึ้ง ความเป็นอภิมหากวีของคุณน้า หงา ท่าน...

                                       (3)

            อีกเพลงที่อาจเข้ากับ บรรยากาศ ช่วงนี้...ก็น่าจะหนีไม่พ้นเพลง กำลังใจ ของคุณน้า วิสา คัญทัพ ผู้นิราศลอนดอนนิราศปารีส แบบยังไม่คิดจะกลับจนตราบเท่าทุกวันนี้ คือไม่ว่าคุณน้า วิสา ท่านจะคิดโน่น คิดนี่ ไปตามประสา หรือตามรสนิยมของท่าน ไปในลักษณะไหนก็แล้วแต่ แต่คงต้องยอมรับว่า...ในแง่ของศักยภาพ หรืออานุภาพ แห่งความเป็น กวี ของนักเขียน นักประพันธ์ นักแต่งเพลงรายนี้ ยังไงๆ...คงหนีไม่พ้นต้อง ชักม้าไปดูตัว อย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละ อย่างถ้อยคำบางวรรค บางท่อน ในบทเพลงที่ว่า เช่น... “ขุนเขาไม่อาจขวาง-สายธารเที่ยงธรรมได้-ความหวังยังพริ้มพราย-เก่าตายมีใหม่เสริม-ชีวิตที่ผ่านภพ-มีลบย่อมมีเพิ่ม-ขอเพียงให้เหมือนเดิม....กำลังใจ” อันนี้...ก็น่าจะ เอาไปเลย อีกราย...

                                          (4)

            ส่วนที่อาจออกไปทาง เรียบๆ-ง่าย แต่ แฝงเร้น หรือลึกไปถึงกระดองใจ ก็อาจลองไปคว้าเอาบทเพลง เสียงเพลง จากคุณน้า จรัล มโนเพ็ชร ผู้วายชนม์ไปแล้ว มากล่อมหู กล่อมประสาท ก็คงไม่ถึงกับผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันซักเท่าไหร่ นั่นคือบทเพลงที่ให้ชื่อว่า รางวัลแด่คนช่างฝัน อะไรประมาณนั้น แม้ว่าโดยท่วงทำนอง ลีลาดนตรี อาจจะ อะคูสติก ไปซะหน่อย แต่ในแง่ถ้อยคำ เนื้อร้อง เนื้อเพลง ก็ต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ว่าถึงเนื้อ ถึงน้ำ มิใช่น้อย เช่น... “มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง-กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์-เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญสู้ไม่หวั่น-เป็นรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่...” หรือ “จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน-จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน-จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน-คอยอวยพรให้เธอสมหวังได้-นิรันดร์” คือทั้งเฉียบ ทั้งคม ทั้งกินใจ โดนใจ ไม่ต่างจาก 2 เพลงที่ว่า...

                                          (5)

            คือเหตุที่ต้องชี้แนะ ชี้นำ นำเสนอให้ไปคว้าเพลงประเภทนี้ มาเปิดฟังกันไปพลางๆ ก็คงไม่มีอะไรมากมายนั่นแหละทั่น อาจด้วยเหตุเพราะสีสัน บรรยากาศ ความเป็นไปของบ้านเมืองในช่วงนี้ มันชักจะหนักไปทางบทเพลง พนาโศก ของคุณปู่ คุณทวด สุนทราภรณ์ ที่เคยมอบหมายให้ คุณลุง เลิศ ประสมทรัพย์ โหยหวน ครวญคราง เอาไว้ขณะที่ทั้งคู่ยังคงมีชีวิตอยู่ นั่นเอง หรือหนักไปทาง... “ย่ำค่ำยามพลบ-ซบฟ้า...โพ้นพนาโศกสั่ง...นกกาคล้อยพาคืนรัง-ข้ายังสัญจร...ย่ำค่ำยามพลบ-โพล้เพล้...ขวัญซวนเซ-เร่ร่อน...ร้างรานิจจาอาวรณ์-จะนอนไหนเล่า” หรือ “ย่ำค่ำยามพลบ-ลบไล้...ผีพรายไพรเพ่นพ่าน...เสียงเพลงนกยังกังวาน...กล่อมพรานฝันเปลี่ยว” ไปจนถึงขั้น “ค่ำคืนเดือนคล้อยเคล้าฟ้า...โพ้นพนาป่าเปลี่ยว-ร้างรากันมาดายเดียว-โศกเซียวเสียวทรวง ฯลฯ” ...เอาเลยถึงขั้นนั้น....

                                         (6)

            อันเนื่องมาจาก โควิด-ไม่โควิด นั่นแหละตัวดี...ที่ส่งผลให้เกิดอาการโหยหวน ครวญคราง กันไปทั้งบ้าน-ทั้งเมือง และไม่ใช่แค่ครวญเฉยๆ ครางง์ง์ง์เฉยๆ ยังหนีไม่พ้นต้องเถียง ต้องด่า ต้องล่อพ่อ ล่อแม่ม์ม์ม์ ไล่มาตั้งแต่รัฐบาล ไปยันหมอๆ หมาๆ ก็ยังไม่มีข้อยกเว้น คือหนักไปทางโพล้ๆ เพล้ๆ พลุ่งๆ พล่านๆ ส่งผลให้ผีพราย ผีกระสือ ผีกระหัง หรือผีอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ แปลงร่าง จำแลงร่าง ออกมาในรูปนั้น รูปนี้ ชนิดผู้ที่ต้องซัดเซพเนจรไปตามกระแสสังคม ไม่รู้จะนอนไหน หรือไม่รู้จะต้องโศกเซียวเสียวทรวง ไปอีกถึงขั้นไหน ไม่ว่า โมเดอร์นา จะมาเมื่อไหร่ หรือราคาเท่าไหร่ ไม่ว่าจะ ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์-ไม่ไฟเซอร์ สปุตนิก-ไม่สปุตนิก ฯลฯ แต่สุดท้าย...ต่างก็ พนาโศก ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                     (7)

            ด้วยเหตุนี้นี่เอง...เลยต้องขออนุญาตชี้แนะ ชี้นำ ให้ลองไปหาบทเพลงต่างๆ มาเปิด มาฟัง อาจพอช่วยให้สามารถ บิวต์ (built) ความรู้สึกขึ้นมาได้มั่ง ไม่ว่าจะฝ่ายไหน พวกไหน รัฐบาล-ไม่รัฐบาล หมอๆ-หมาๆ ใดๆ ก็แล้วแต่ ทำไงได้...ในเมื่อ ยามวิบัติ...คนเราย่อมอยู่ได้ด้วยความหวัง ดังที่นักคิด นักปราชญ์สมัยก่อนท่านได้เอ่ยเป็นวาทะเอาไว้แล้วนั่นแหละ ส่วนผู้ที่หนีไม่พ้นต้องถูกด่ามาเป็นอันดับหนึ่ง หรือเป็น ศูนย์รวมแห่งการด่า แบบชนิด ซิงเกิล คอมมานด์ อะไรประมาณนั้น ระหว่างนี้...ก็อย่าเผลอไปออกเทป หรือไปคิด แต่งเพลง ใดๆ ขึ้นมาอีกเลย เพราะไม่ว่าเพราะ-ไม่เพราะ ลึกซึ้ง-ไม่ลึกซึ้ง หรือไม่ว่าดูดดื่ม ดื่มด่ำ ไปถึงขั้นไหน สุดท้าย...มีแต่ต้องเอาไว้ใช้ รัดแหนม ลูกเดียวเท่านั้นเอง!!!

     -------------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"