ทั่นส.ส.ปิดสภาหนีโควิดฝ่ายค้านย้ำซักฟอกแน่!


เพิ่มเพื่อน    

ปิดสภาหนีโควิด! “ชวน”หารือวิป 3 ฝ่าย มติเลื่อนประชุมสภา-กมธ.ออกไป 2 สัปดาห์ จนถึง 25 ก.ค.  ฝ่ายค้านยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี  แต่ยังขู่ฟ่อ เจอแน่ศึกซักฟอกรัฐบาล เตรียมยื่นเดือนสิงหา.
     เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล, ส.ส.ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาการเลื่อนประชุมสภา ภายหลังจาก ศบค.ออกมาตรการคุมเข้มด้านต่างๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จนอาจมีผลกระทบต่อการประชุมสภา 
    โดยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวก่อนการประชุมว่า จากการหารือกับ ศบค.แต่ละครั้ง ศบค.อนุมัติให้สภาประชุมจนสิ้นสุดสมัยประชุมได้ อย่างไรก็ตาม สภาต้องให้ความร่วมมือในช่วงที่รัฐบาลประกาศคุมเข้ม 2 สัปดาห์ เรื่องการงดการเดินทาง จะหารือกันในที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายว่าหากจะหยุดประชุมสภาจะใช้เวลากี่วันจึงเหมาะสม มาตรการความปลอดภัยในรัฐสภามีความเข้มงวดอยู่แล้ว โดยเฉพาะภายในห้องประชุมใหญ่ สมาชิกให้ความร่วมมือสวมใส่หน้า กากอนามัย และกำชับทุกฝ่ายไม่ให้หละหลวมต่อมาตรการต่างๆ ที่วางไว้ ขณะที่ส.ส.และบุคลากรที่ตรวจพบการติดเชื้อได้เข้ารักษาตัว และมีมาตรการทำงานที่บ้านอยู่แล้ว แต่หากต้องยกระดับสูงขึ้น จะต้องหารือทุกฝ่ายให้เข้าใจตรงกัน  
    นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งงดการประชุมสภา 2 สัปดาห์ ให้มาประชุมสภาอีกครั้งวันที่ 29-30 ก.ค. และให้งดประชุมคณะกรรมาธิการสามัญและวิสามัญทุกคณะ ยกเว้นคณะ กมธ.และ กมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนการประชุม กมธ.งบประมาณนั้น จะใช้การประชุมผ่านระบบซูมเกือบ 100%
    นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ยินดีให้ความร่วมมือ แต่ระหว่างงดประชุม 14วัน ต้องพิจารณาหามาตรการไปด้วยว่า หากครบ 14 วันแล้วสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะทำอย่างไร เพื่อพัฒนาให้สามารถอยู่กับโควิดให้ได้ ส่วนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น  การงดประชุมไม่ได้มีผลให้เปลี่ยนแปลงการยื่นอภิปรายไปได้ แม้สภาจะปิด แต่การตรวจสอบของฝ่ายค้านจะต้องดำเนินต่อ จะยื่นเมื่อใดยังบอกไม่ได้ แต่จะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าจะไม่เกินกลางเดือน ส.ค. 
    นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด ถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง งดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน (จนถึงวันที่ 25 ก.ค.64) ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงเห็นสมควรร่วมกันในการรักษามาตรการดังกล่าวจึงให้งดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจนถึงวันที่ 25 ก.ค.64 ทั้งนี้ หากจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อใดจะแจ้งให้สมาชิกทราบต่อไป 
     วันเดียวกันนี้ หัวหน้าพรรค แกนนำ ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล,  นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ แกนนำพรรคเพื่อชาติ, นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย เป็นต้น ร่วมประชุมผ่านระบบซูม เพื่อประเมินสถานการณ์รัฐบาล การแพร่ระบาดไวรัสโควิด และความพร้อมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151  
    โดยที่ประชุมเห็นว่า ประเทศเสียหายจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและล้มเหลวของรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 เพื่อความรอบคอบและความครบถ้วนของประเด็นการอภิปราย และการมีส่วนร่วม ขอเชิญพี่น้องประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่งข้อมูลความผิดพลาด ล้มเหลว รวมถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นมายังพรรคร่วมฝ่ายค้าน 
    การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็น การอภิปรายไม่ไว้วางใจร่วมกันระหว่างพี่น้องประชาชน ข้าราชการ และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการหยุดยั้งรัฐบาลที่ล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ไม่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมฝ่ายค้านจะทำงานอย่างต่อเนื่อง จะนำเสนอท่าทีและความเห็นต่อสถานการณ์ประเทศต่อไป จะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 19 ก.ค. เวลา 10.00 น. รูปแบบการประชุมนั้นจะเป็นไปตามกฎหมายกำหนด  
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลว่า ถ้ารัฐบาลยังล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพแบบนี้ 120 วันเปิดประเทศคงไม่สำเร็จ แม้แต่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็จะล้มเหลว สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งทำคือให้ความสำคัญกับชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่เพิ่งคิดจะมาปลดล็อก แม้รัฐบาลจะผิดพลาดล้มเหลวซ้ำซากในการบริหารจัดการวัคซีน แต่วัคซีนคุณภาพคือทางออก  และการเยียวยาต้องรวดเร็วตรงจุดและเพียงพอแก่ประชาชนที่เผชิญความทุกข์ยากมาแล้วกว่า 18 เดือน
     “พลเอกประยุทธ์และพวกพ้ององคาพยพทั้งหมดต้องลาออก ยุติการสืบทอดอำนาจเพื่อเปิดโอกาสให้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชนได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน” นายอนุสรณ์ กล่าว 
     นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า       การล็อกดาวน์จะทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อเยียวยา ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้นทะลุเกินเพดานไปอีกมาก อีกทั้งจะทำให้การจัดเก็บรายได้ที่ลดลงพลาดเป้าอยู่แล้วยิ่งลดลงไปอีก  ซึ่งจะส่งผลให้การจัดงบประมาณในปีต่อไปต้องลดลงไปอีก แต่จะออก พ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มไม่ได้แล้ว หนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90.5% แล้วจะยิ่งพุ่งขึ้น คนจะจมหนี้  บริษัท ห้างร้าน จะปิดตัวกันอีกมาก คนตกงานจะพุ่งสูง หนี้เสียธนาคารจะกระฉูด แล้วไม่มีทางที่พลเอกประยุทธ์จะแก้ไขได้
     นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไร้ความสามารถ ทอดทิ้งให้ประชาชนต้องเผชิญกับการระบาดของไวรัสร้าย รัฐบาลไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วย ภาพของประชาชนจำนวนมากต้องนอนรอที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขนนาน 2 วัน เพื่อรอโอกาสในการตรวจหาเชื้อ อีกส่วนที่ป่วย ก็นอนรอความตายอยู่ที่บ้านโดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่แม้แต่จะเหลียวมามอง การกระทำคือการทอดทิ้งประชาชน ไม่ต่างจากฆาตกร ที่เห็นคนตายทุกวันโดยไร้ความรู้สึกรับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย ประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าระบบสาธารณสุขดีเป็นอันดับ 6 ของโลก แต่วันนี้ถูก พล.อ.ประยุทธ์ทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่รวบอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ มีเครื่องมือมากมาย แต่คิดไม่เป็น แก้ปัญหาไม่ได้ ส่งผลให้ประชาชนต้องทนทุกข์โดยที่รัฐบาลไม่เคยแสดงออกถึงความห่วงใยใดๆ การประกาศล็อกดาวน์ 14 วัน ไม่เกิดประโยชน์ เพราะยังไม่สามารถที่จะตรวจหาเชื้อได้เลยว่าใครบ้างที่มีการติดเชื้อ เพื่อแยกคนติดเชื้อออกไปรักษา กักกันคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 
    “ถึงเวลานี้หากพรรคร่วมรัฐบาลยังคงร่วมพายเรือที่ใกล้อับปางลำนี้ต่อไป ไม่รับรู้และไม่รู้สึกถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศ จะยังคงนั่งในเรือนี้ต่อไป ขอให้พี่น้องประชาชนจงจำไว้ว่าใครบ้างที่ร่วมกันทำร้ายท่าน แต่หากอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และมีโอกาสที่ประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าถึงการรักษาที่ดีขึ้น หาก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เพียง 30 เสียง  ประกาศเป็นสัญญากับประชาชนว่าจะไม่สนับสนุน ไม่ลงมติในสภาให้กับรัฐบาลชุดนี้ทุกกรณี แค่นี้ก็ช่วยชาติได้ และเป็นโอกาสที่จะนำพาประชาชนฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน” นพ.ชลน่านกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"