‘หมอธีระ’แนะปรับแผนซื้อวัคซีน-ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ


เพิ่มเพื่อน    

14 ก.ค.2564 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิดว่า ว่าสถานการณ์ทั่วโลก 14 กรกฎาคม 2564 รัสเซียแซงฝรั่งเศสขึ้นเป็นอันดับที่ 4 ของโลกแล้ว ในขณะที่สถานการณ์ไทยน่าเป็นห่วง มีจำนวนเคสป่วยรุนแรงและวิกฤติมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ส่วนมาเลเซียติดเพิ่มกว่า 11,000 คนสูงสุดเท่าที่เคยระบาดมา 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 472,107 คน รวมแล้วตอนนี้ 188,541,534 คน ตายเพิ่มอีก 7,025 คน ยอดตายรวม 4,064,234 คน 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อินโดนีเซีย บราซิล สเปน อินเดีย และสหราชอาณาจักร อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 23,513 คน รวม 34,801,060 คน ตายเพิ่ม 266 คน ยอดเสียชีวิตรวม 623,382 คน อัตราตาย 1.8%  อินเดีย ติดเพิ่ม 40,159 คน รวม 30,944,893 คน ตายเพิ่ม 623 คน ยอดเสียชีวิตรวม 411,439 คน อัตราตาย 1.3% บราซิล ติดเพิ่ม 45,022 คน รวม 19,151,993 คน ตายเพิ่มถึง 1,527 คน ยอดเสียชีวิตรวม 535,838 คน อัตราตาย 2.8% รัสเซีย ติดเพิ่ม 24,702 คน รวม 5,833,175 คน ตายเพิ่ม 780 คน ยอดเสียชีวิตรวม 144,492 คน อัตราตาย 2.5% ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 6,950 คน ยอดรวม 5,820,849 คน ตายเพิ่ม 54 คน ยอดเสียชีวิตรวม 111,407 คน อัตราตาย 1.9% 

อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และอิตาลี ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น  
สหราชอาณาจักรมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มถึง 36,600 คน ตายเพิ่มถึง 50 คน เป็นขาขึ้นของระลอกสี่  แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย อย่างชิลี เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ญี่ปุ่น เมียนมาร์ เกาหลีใต้ เวียดนาม และมาเลเซีย ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น  เกาหลีใต้เกินพันมาติดกันเป็นวันที่ 7 ล่าสุด 1,150 คน แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่อยู่หลักร้อย ยกเว้นคาซักสถาน คีร์กีซสถาน จอร์เจีย และมองโกเลียที่ติดเพิ่มหลักพัน ที่น่าติดตามคือ เดนมาร์กติดเกินพันแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เกินพันคือ 3 มิถุนายน 2564 

แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน อิสราเอลมีติดเชื้อเพิ่มเกินพันเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ในขณะที่อิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง กัมพูชาติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ไต้หวัน สิงคโปร์ ลาว นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย  ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดเพื่มต่ำกว่าสิบ  

วิเคราะห์ภาพรวมของการระบาดจากข้อมูล Worldometer เช้านี้ ขณะนี้จำนวนการติดเชื้อใหม่รายวัน มีสัดส่วนมาจากทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือมากขึ้นกว่าเดิม หากจำกันได้เคยอยู่ระดับ 20% แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 35.5% ในขณะที่มาจากทวีปเอเชีย 41% ทวีปอเมริกาใต้ 18% ที่เหลือมาจากแอฟริกาและโอเชียเนีย หากวันนี้ยอดติดเชื้อใหม่ของไทยยังใกล้เคียงเดิม เราจะมีจำนวนติดเชื้อสะสมแซงโครเอเชียขึ้นเป็นอันดับที่ 59 ของโลกได้ และมีสิทธิจะแซงอุรุกวัยได้ภายในสุดสัปดาห์นี้

วิเคราะห์กลุ่มประเทศในทวีปเอเชีย 49 ประเทศ จะพบว่าจำนวนติดเชื้อใหม่เมื่อวานนี้ของไทยมากเป็นอันดับที่ 7 จำนวนผู้ป่วยที่กำลังอยู่ในการดูแลรักษาก็มากเป็นอันดับที่ 7 โดยมีมากถึง 95,410 คน  ด้วยจำนวนเคสในระบบมีมากขนาดนี้คงต้องระวังเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันที่จะมากขึ้นกว่าเดิมไปแตะหลักร้อยได้ ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤตินั้น ไทยเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย โดยมีถึง 3,042 คน เป็นรองเพียงอินเดียและอิหร่าน

ยุทธศาสตร์ที่รัฐบาล/ศบค.ควรพิจารณาทำคือ หนึ่ง ทบทวนและปรับเปลี่ยนกลไกนโยบายและมาตรการด้านการควบคุมป้องกันโรค รวมถึงวัคซีน ทั้งด้านบริหารและวิชาการ ทั้งที่ปรึกษา คณะกรรมการ และคณะทำงานต่างๆ สอง สร้างนโยบายและมาตรการต่างๆ โดยใช้ Evidence-based policy making อิงข้อมูลความรู้ที่ได้ มาตรฐานสากล ตรวจสอบ พิสูจน์ได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่สาธารณชนและเป็นที่ยอมรับของวงวิชาการในสังคม สาม ประกาศเปลี่ยนนโยบายและแผนการจัดซื้อจัดหาวัคซีน 150 ล้านโดส โดยทำทุกทางเพื่อจัดหาวัคซีน mRNA ได้แก่ Pfizer/Biontech และ Moderna มาใช้เป็นวัคซีนหลักของประเทศเพื่อใช้ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนทุกคนฟรี  สี่ จัดหาวัคซีนประเภทอื่นๆ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมีประสิทธิภาพสูง เช่น Novavax ซึ่งเป็น protein subunit vaccine, วัคซีน Johnson&Johnson ซึ่งเป็น Ad26 vector vaccine และวัคซีน Sinopharm ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตายที่มีประสิทธิภาพดีเช่นกัน มาใช้เป็นวัคซีนเสริมของประเทศ
ห้า ปรับการใช้วัคซีน Astrazeneca ไปใช้เป็นวัคซีนเสริม สำหรับกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป  หก มาตรการเรื่องหยุดการระบาดของโรค จำเป็นต้องวางแผนสำรองไว้ด้วย เพราะ semi-lockdown สองสัปดาห์ที่ทำอยู่นี้อาจได้ผลน้อย และไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ ดังนั้นมาตรการ Full National Lockdown อย่างน้อย 4 สัปดาห์อาจหลีกเลี่ยงได้ยากหากพิจารณาจากบทเรียนต่างประเทศที่มีลักษณะการระบาดที่คล้ายกับเรา สิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดีคือ ยิ่งการระบาดรุนแรงยาวนานไปเรื่อยๆ จะยิ่งใช้เวลาในการควบคุมโรคนานขึ้นเป็นเงาตามตัว การตัดสินใจจึงต้องแข่งกับเวลา

เจ็ด ทบทวนนโยบายเปิดเกาะ เปิดประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดในประเทศที่ยังรุนแรง  แปด พิจารณานโยบายรัดเข็มขัด และรณรงค์การใช้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เก้า สื่อสารสาธารณะโดยเน้นให้ประชาชนตระหนักถึงสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงและจำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด และอาจต้องหาทางสะกิดพฤติกรรม (Nudge) ประชาชนด้วยกลวิธีต่างๆ เพิ่มเติมในทุกภาคส่วนและกิจการไปจนถึงระดับครัวเรือน อาทิ การทำ Morning question ถามไถ่อาการของทุกคนก่อนทำงานหรือตอนเจอกันทุกเช้า และทบทวนกติกาการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันตัวเองและคนใกล้ชิด ทั้งเรื่องหน้ากาก ล้างมือ ระยะห่างระหว่างกัน การไม่กินข้าวร่วมกัน การไม่ประชุมร่วมกัน และการบอกประวัติพฤติกรรมเสี่ยง เป็นต้น

ถ้าร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันต่อสู้อย่างเป็นระบบ ใช้ความรู้ที่ถูกต้องเป็นแสงส่องทาง ย่อมมีโอกาสสำเร็จ สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ใส่หน้ากากนะครับ สำคัญมาก สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า ประเทศไทยต้องทำได้ ด้วยรักและห่วงใย
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"