อังกฤษฉลองเสรีภาพ ยุติล็อกดาวน์ยกเลิกเว้นระยะห่าง


เพิ่มเพื่อน    

ชาวอังกฤษเริ่มต้นใช้ชีวิตปกติแล้วในวันจันทร์ที่ถูกเรียกขานเป็น "วันเสรีภาพ" โดยรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดเว้นระยะห่างเพื่อควบคุมไวรัสเกือบทั้งหมด รวมถึงกฎบังคับสวมหน้ากากอนามัย ขณะนักวิทยาศาสตร์เตือนยอดติดเชื้ออาจพุ่งถึงวันละแสนคน จากยอดปัจจุบันเฉลี่ยวันละ 50,000 ราย

นักเที่ยวต่อแถวรอเข้าไนต์คลับพริซึมในเมืองไบรตันเมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ก่อนการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์และข้อกำหนดคุมโควิด-19 จะมีผลบังคับใช้หลังเที่ยงคืน (Chris Eades/Getty Images)

    รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า การยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของอังกฤษเริ่มมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนวันอาทิตย์ หรือ 06.00 น.วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคมของไทย ที่สื่ออังกฤษเรียกว่า "วันเสรีภาพ" โดยไนต์คลับและสถานที่ในร่มอื่นๆ ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการเต็มความจุ และข้อกำหนดทางกฎหมายเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยและการทำงานจากบ้านถูกยกเลิก

    นายกฯ บอริส จอห์นสัน ซึ่งถูกกดดันจนต้องยอมกักตัวเองหลังจากรัฐมนตรีสาธารณสุขซาจิด จาวิด ติดเชื้อโควิด-19 กล่าวปกป้องการตัดสินใจของรัฐบาลที่ยุติมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้มาปีกว่าและยกเลิกข้อกำหนดเกือบทั้งหมด ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของอังกฤษยังสูงถึงวันละ 50,000 ราย น้อยกว่าแค่อินโดนีเซียและบราซิลเพียง 2 ประเทศ โดยระบุว่าสัปดาห์นี้เริ่มต้นวันหยุดปิดภาคเรียนฤดูร้อนของอังกฤษ ซึ่งถือเป็น "แนวกันไฟอันล้ำค่า"

    เขากล่าวในวิดีโอถ้อยแถลงว่า หากไม่เปิดประเทศในตอนนี้ ก็จะต้องไปเปิดในฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูหนาว ที่สภาพอากาศเอื้อต่อการแพร่เชื้อไวรัส "ถ้าเราไม่ทำเสียตอนนี้ เราก็ต้องถามตนเองว่า แล้วเราจะทำเมื่อไหร่ ฉะนั้นนี่คือเวลาที่เหมาะสม แต่เราต้องทำด้วยความระมัดระวัง เราต้องจดจำว่าไวรัสยังคงอยู่" จอห์นสันแถลงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเสียงวิจารณ์ทำให้ตัวเขาและรัฐมนตรีคลัง ริชี ซูนัก ต้องยกเลิกแผนเลี่ยงการกักตัว 10 วันหลังสัมผัสกับรัฐมนตรีสาธารณสุขที่ติดเชื้อตามกฎข้อบังคับ

    อังกฤษมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 7 ของโลก ที่ 128,7089 ราย และคาดการณ์ว่าอีกไม่ช้าอังกฤษจะมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นกว่าช่วงสูงสุดระหว่างการระบาดระลอกที่ 2 เมื่อต้นปีนี้ โดยในวันอาทิตย์อังกฤษมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 48,161 คน

    กระนั้น อังกฤษมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่าเพื่อนบ้านในทวีปยุโรปมาก โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ 87% ฉีดวัคซีนแล้ว 1 โดส และมากกว่า 68% มีภูมิคุ้มกันเต็มที่หลังฉีดแล้ว 2 โดส อัตราการเสียชีวิตปัจจุบันอยู่ที่วันละประมาณ 40 คนเท่านั้น เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงพีคในเดือนมกราคม ที่ตายมากกว่าวันละ 1,800 คน

    ความสำเร็จของโครงการวัคซีน ซึ่งรัฐบาลเสนอฉีดให้ผู้ใหญ่ทุกคนในประเทศอย่างน้อยคนละ 1 โดส ทำให้รัฐบาลอังกฤษมั่นใจว่าสามารถบริหารความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลได้ แต่นักวิทยาศาสตร์และหลายคนยังคงไม่เห็นด้วย

    ศาสตราจารย์นีล เฟอร์กูสัน จากอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน เตือนว่า อังกฤษกำลังอยู่บนเส้นทางที่จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละ 100,000 คน เนื่องจากยังคุมการระบาดสายพันธุ์เดลตาไม่ได้ เขากล่าวกับสถานีบีบีซีว่า คำถามที่แท้จริงคือ ยอดจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวหรือสูงกว่านั้นหรือไม่ อังกฤษอาจมีคนป่วยเข้าโรงพยาบาลวันละ 2,000 คน ติดเชื้อวันละ 200,000 คน แต่ก็ยังไม่แน่นัก

    หน่วยแพทย์ก็เตือนเช่นกันว่า การผ่อนคลายมาตรการอาจทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึงระดับที่บริการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) เผชิญแรงกดดันรุนแรง และเสี่ยงที่จะก่อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ขึ้น

    เจเรมี ฮันต์ ส.ส.อาวุโสพรรคอนุรักษนิยม ที่เป็นอดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลควรเรียนรู้จากอิสราเอลและเนเธอร์แลนด์ ที่ถูกบีบให้ต้องยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการ

    แม้จะมีผู้คัดค้าน แต่ก็มีผู้คนไม่น้อยที่ยินดีกับการได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ รวมถึงนักเที่ยวราตรีที่ต่อแถวด้านนอกไนต์คลับไฟเบอร์ในเมืองลีดส์ ซึ่งนักเที่ยวเข้าไปแดนซ์กันแน่นฟลอร์โดยไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย นักเที่ยวคนหนึ่งบอกว่า ในเมื่อไม่ได้ฉลองปีใหม่ ก็ควรออกมาฉลองเสียหน่อย มันเหมือนกับการเริ่มต้นบทใหม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"