กมธ.งบฯ-ส.ส. ห่วงกองทุนกสศ.ถูกตัดงบฯ กระทบเด็กเยาวชนยากจนหนักขึ้น จากที่ได้รับผลกระทบจากโควิดอยู่แล้ว


เพิ่มเพื่อน    

20 ก.ค.64-ตามที่เมื่อเร็วๆ นี้ ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ด้านการศึกษา ในส่วนของหน่วยงานอื่นของรัฐ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กรรมาธิการส่วนใหญ่แสดงความกังวลถึงเด็กเยาวชนยากจนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

โดยนางผ่องศรี ธาราภูมิ กรรมาธิการงบประมาณในสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอให้กำลังใจหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณลดลง ซึ่งพบว่ามีตัวเลขเด็กที่ยากจนและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวนมาก รัฐบาลจึงควรจัดสรรงบเพิ่ม ผ่าน กสศ.หรือ กยศ.และสนับสนุนให้ กสศ.ทำงานร่วมกับ สสวท. เพื่อสนับสนุนให้เด็กเยาวชนจากครัวเรือนยากจนด้อยโอกาสที่มีศักยภาพได้มีโอกาสศึกษาต่อในโรงเรียนคุณภาพด้านวิทยาศาสตร์ที่ สสวท.ดูแลอยู่ 
ทั้งนี้จากที่ กสศ.ได้รายงานตัวเลขผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้ปกครองยากจนเพิ่มขึ้นจาก 300,000 คน เป็น 700,000 คน ในปี 2563 และจะเพิ่มขึ้นอีกในปี2564 และเกรงว่างบประมาณที่ถูกปรับลดจะกระทบกับการช่วยเหลือเด็กนักเรียนด้อยโอกาสขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งเป็นการปรับลดตั้งแต่เมื่อครั้ง กสศ.เคยเสนอไปยังรัฐบาลตั้งแต่แรก และถูกปรับลดลงมาก่อนที่จะเข้าสภาคล้ายกับอีกหลายหน่วยงานที่ถูกปรับลดตั้งแต่ต้นเพราะงบมีจำกัด โดยในส่วนของอนุกรรมการไม่มีการปรับลดในส่วนของกสศ.เพิ่มเติมแต่อย่างไร ซึ่งที่ประชุม กมธ.รับทราบสถานการณ์ ตามที่ชี้แจงแต่ไม่มีอำนาจในการแปรเพิ่ม การแปรเพิ่มขึ้นอยู่ที่รัฐบาลพิจารณาแปรงบประมาณเพิ่มกลับมาหรือไม่

ด้านนางนาที รัชกิจประการ กมธ.งบประมาณ ในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนเป็นเด็กต่างจังหวัดจึงเข้าใจสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นอย่างดี การที่กสศ. ให้ความช่วยเหลือเด็กยากจนเมื่อถูกตัดงบประมาณจะทำให้กระทบถึงเด็กเยาวชนที่ขาดโอกาสถึง 7 แสนคน ตรงนี้มีความสำคัญ เพราะประเทศไทยยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งกสศ. ช่วยเหลือได้จริงสำหรับเด็กยากจนในต่างจังหวัดจึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าตัดงบ

ขณะที่นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ชี้แจงว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้เด็กยากจนและยากจนพิเศษเพิ่มขึ้นและเสี่ยงต่อการหลุดออกจากระบบการศึกษา จำนวน 712,725 คน ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกจากการประเมินของคณะผู้วิจัยจากเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่าการทวีความรุนแรงของโควิด-19 ระลอกใหม่ส่งผลต่อประชาชนกลุ่มที่มีรายได้น้อยทำให้เกิดภาวะยากจนเฉียบพลันมากขึ้นราวร้อยละ 10 ประชากรกลุ่มนี้มีบุตรหลานอยู่ในระบบการศึกษาอยู่ราว150,000 – 300,000 คน และกลุ่มที่สองคือ ประชากรกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้แก่ นักเรียนยากจนพิเศษกลุ่มช่วงชั้นรอยต่อ ในระดับชั้น อ.3 ป.6 ม.2 ม.3 และม.6 ที่มีมากกว่า 400,000 คน ที่เสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา

“จากการตรวจสอบรายชื่อนักเรียนกลุ่มชั้นรอยต่อราว 300,000 คนในปีการศึกษา 2/2563 พบว่า ขณะนี้มีจำนวนนักเรียนร้อยละ 20 ที่ชื่อหายไปเมื่อเปิดภาคเรียนปีการศึกษา1/2564 สอดคล้องกับผลสำรวจขององค์การยูนิเซฟ ที่ผ่านมาแม้กสศ.จะได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงเรียนช่วงเปิดเทอมคนละ 800 บาท และบันทึกรายชื่อโรงเรียนที่นักเรียนกลุ่มรอยต่อตั้งใจจะไปสมัครเรียน แต่ยังคงมีนักเรียนอีกราว 60,000 คนที่ยังคงไม่พบตัวในระบบการศึกษา โดย กสศ. สพฐ. สถ.และ บช.ตชด. มีแผนจะวางระบบบูรณาการฐานข้อมูลนักเรียนในระยะยาวเพื่อส่งต่อรายชื่อนักเรียนจากโรงเรียนต้นทางไปยังโรงเรียนปลายทางโดยต้องออกมาเป็นนโยบายเพื่อให้เกิดความร่วมมือในทางปฏิบัติในพื้นที่อย่างยั่งยืน”ผู้จัดการ กสศ. กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"