บันทึกหน้า 4


เพิ่มเพื่อน    

แล้วก็มาถึงวันนี้จนได้ เมื่อผู้ติดเชื้อรายใหม่ของ “สยามประเทศ”  ทะลุ 2 หมื่นคนจนได้ โดยล่าสุด “ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” หรือ ศบค. รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 20,200 คน ทำให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อแล้ว 672,385 คน และเสียชีวิตอีก 188 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิต  5,503 รายไปแล้ว...๐ สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของไทยที่ตัวเลขพีกรายวันนี่เอง ทำให้ล่าสุด “พี่ไทย” ไต่อันดับมาอยู่ที่ 41 ของโลกแล้ว และเชื่อว่าด้วยตัวเลขนิวไฮรายวันอย่างนี้ ไม่ถึงสิ้นสัปดาห์นี้ก็คงอยู่ใน 40 ประเทศแน่นอน เพราะเจ้าของเดิม คือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออีนั้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่าไทยเพียง 13,077 รายเท่านั้น และที่น่าหวาดกลัวเข้าไปอีกคือ ในช่วงเวลา 16.30 น.ตามเวลาในประเทศไทยที่มีหลายประเทศรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งรวมถึงไทยด้วยนั้น ตัวเลข 20,200 รายนั้นอยู่อันดับที่ 2 ของโลกเลยทีเดียว เป็นรองเพียงรัสเซียที่มีผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่ 22,589 ราย ในขณะที่ยอดรวมผู้ติดเชื้อของหมีขาวนั้นอยู่ที่ 4 ของโลก ที่จำนวน 6,356,784 คน แต่ที่เจ็บจี๊ดคือ “อินเดีย” ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 2 ด้วยจำนวน 31,769,132 คนนั้น ในเวลา 16.30 น.มีการแจ้งผู้ติดเชื้อใหม่เพียงแค่ 1,167 รายเท่านั้นเอง...๐ ต้องบอกว่าตัวเลขอาจพีกมากกว่านี้ขึ้นไปอีก เพราะ “ชมรมแพทย์ชนบท” ได้นำ 40 ทีมเริ่มปฏิบัติตรวจเชิงรุก 24 จุดทั่วกรุง ซึ่ง “นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็เคยประมาณการอย่างต่ำไว้ว่าในการลุยตรวจตั้งแต่ 4-10 ส.ค.ที่ตั้งเป้าค้นหาเชิงรุกไม่น้อยกว่า  250,000 รายนั้น จะพบผลบวก 15% หรือ 32,500 รายโดยประมาณ เพราะในความเป็นจริงนั้นตัวเลขผลบวกน่าจะมากกว่า 20% ด้วยซ้ำไป...๐ แล้วที่ตามมาพร้อมกับตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงสุด ก็เชื่อหัวไอ้เรืองที่ฟันธงตรงนี้ได้เลยว่า “ล็อกดาวน์” คราวนี้ลากยาวถึงสิ้นเดือนตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 30) ซึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 ส.ค.และเริ่มใช้วันที่ 3 ส.ค.แน่นอน เพราะในข้อ  11 ของข้อบังคับดังกล่าวก็เปิดช่องไว้แล้ว แต่ในการแถลงผลประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เรียกว่าสร้างภาพให้ดูดีว่า “ล็อกดาวน์” แค่ 14-16  วันเท่านั้น...๐ ไม่ต่างจากการประชุม “ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19” หรือ ศปก.ศบค.ที่มี  “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ  (เลขาฯ สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.ศบค.เป็นประธาน ที่สุดท้ายก็ไม่กล้าแก้ไขเรื่องของการสั่งอาหารเดลิเวอรีในห้าง เพราะกลัวถูกด่าว่าจะเป็นการออกกฎเล่นขายของที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา...๐ แต่ที่ชาวบ้านโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขายเขาสงสัยกันมากคือ การออกกฎเช่นนี้มันจำกัดการแพร่กระจายเชื้อโรคได้จริงหรือ เหมือนกับที่กำหนด  “เคอร์ฟิว” นั่นแล ที่ชาวบ้านถามแบบซื่อๆ กันว่า “เชื้อโรค” มันรู้ด้วยหรือว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน...๐ พูดถึงเรื่องเคอร์ฟิวและเดลิเวอรี หากไม่เอ่ยถึงเรื่องการเยียวยาก็ไม่ได้ เพราะนอกเหนือจาก “มาตรา 33” ที่เยียวยารอบนี้พอจะต่อชีวิตได้บ้าง แต่ชาวบ้านเขาถามว่าโครงการคนละครึ่ง 1,500 บาทที่ให้ใช้ไปถึงสิ้นปีนั้น พ่อเจ้าประคุณช่วยคิดถึงความเป็นจริงด้วย ยิ่งในสภาวการณ์เช่นนี้มันเพียงพอหรืออย่างไร แล้วที่ตลกไม่ออกเข้าไปอีกกับที่ใครต่อใครต่างก็พูดว่า “โควิดระลอก 3-4” ครั้งนี้มันรุนแรงเหลือเกิน แต่ทำไมเงินในโครงการคนละครึ่งกลับน้อยกว่าการระบาดระลอกแรกด้วยซ้ำ งานนี้คงต้องถามไปยัง “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน รวมทั้งขุนคลังอย่าง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ที่ตอนนี้แทบจะอยู่ในบัญชี  “ประกาศคนหาย” แล้วว่าจะไม่ทำอะไรบ้างเหรอ...๐ เอ่ยอ้างเรื่องเยียวยาแล้วก็ต้องฝากไปถึง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และ “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่กำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้เข้าไปช่วยดูแลเรื่องบัตรสมาชิกต่างๆ ด้วย เพราะในช่วงโควิดอาละวาดนั้นคงไม่มีใครไปใช้บริการหรือใช้จ่ายได้เลย แต่กลับต้องเสียค่าบัตรหรือบัตรหมดอายุไป งานนี้จึงหวังว่าจะมีการออกกฎหรือเกณฑ์เพื่อใช้ให้ต่ออายุไป ซึ่งเรื่องนี้อาจดูเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าจำนวนมากก็เท่ากับเสียเงินไปฟรีๆ ในยุคที่ข้าวยากหมากแพงนะจ๊ะตัวเอง...๐

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"