บันทึกหน้า 4


เพิ่มเพื่อน    

ดูเหมือนสถานการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองเรายามนี้ต้องเรียกว่า “สับสนอลหม่าน” เสียจริงๆ ทั้งในเรื่องเชื้อโรค และการเมืองว่าด้วยม็อบ โดยในเรื่องของ “ไวรัสมรณะ” โควิด-19 นั้น ทั่วโลกก็ทะลุ 204 ล้านคนไปแล้ว ส่วนของพี่ไทยนั้นก็เดินเหมือนใส่เกียร์ตะลุยทำสถิติรายวันกันเลยเชียว โดย ล่าสุดที่ “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษก ศบค.นั้นก็มียอดติดเชื้อรายวันใหม่ 21,038 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 816,989 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 207 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 6,795 รายแล้ว...๐

ด้วยตัวเลขแบบนี้ ทำให้ “ไทยแลนด์โอนลี” รั้งอยู่ในอันดับ 35 จาก 220 ประเทศและดินแดน ซึ่งหากการล็อกดาวน์ที่ไม่รู้เกือบจะครบ 14 วันในรอบ 2 แล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะ “เจ็บแล้วจบ” จริง ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ก่อนสิ้นเดือนนี้ไทยอาจไต่อันดับผู้ติดเชื้อในระดับล้านคนก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะประเทศที่อยู่อันดับ 1 ล้านคนขึ้นไป คืออันดับที่ 32 อย่างเจ้าภาพโอลิมปิกหมาดๆ ญี่ปุ่นนั่นเอง...๐

ที่น่าสนใจคือดูเหมือนวันนี้บรรดาหมอๆ จากกระทรวงสาธารณสุขต่างพาเหรดออกมาแจกแจงสาระตัวเลข โดยเฉพาะที่ “นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย” อธิบดีกรมอนามัย ออกมาเผย ตัวเลขผู้สูงอายุที่ติดเชื้อว่าแม้มีจำนวน 56,397 ราย หรือ 7.8% แต่กลับเสียชีวิตสูงถึง 3,981 ราย หรือ 65.2% แล้วที่น่าตระหนกเข้าไปอีกคือตัวเลขคนเฒ่าคนแก่ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกนั้นมีเพียง 20.87% และที่ได้ 2 เข็มครบแล้วยิ่งน้อยลงไปอีกที่ 4.9%...๐

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนชัดแจ้งและชัดเจนว่า นโยบายให้ผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป และผู้อยู่ใน 7 กลุ่มโรคฉีดก่อนของรัฐบาลที่โม้มาโดยตลอดนั้นอาจไม่จริงเสียแล้ว เพราะหากกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรคจริง ตัวเลขการฉีดไม่น่าจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ หรือจะมีปัจจัยให้คิดลึกว่าวัคซีนไม่มีตามที่ถูกครหา หรือกรณีถ้ามีจริงก็ฉีดกลุ่มอื่นที่มิใช่กลุ่มเป้าหมายที่คุยโวไว้...๐

แล้วก็ดูเหมือนช่วงนี้ “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” รัฐบาลแบบจังเบอร์ ปัญหาการระบาดของสายพันธุ์ “เดลตา” ที่ยังปวดขมับไม่หาย พร้อมกับเรื่องจัดหาวัคซีนที่ยังยักแย่ยักยันอยู่ก็ ดันมาเจอเรื่องการออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งออกมาอีก เล่นเอา “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เจ้าของฉายา “เนติบริกร” ต้องกระตุกขาและดึงเสื้อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้คิดดีๆ เสียก่อน เพราะอาจเกิดอาการหัวทิ่มตายน้ำตื้นขึ้นมาได้...๐

นี่ยังไม่นับรวมเรื่องเอกสาร “วอตช์ลิสต์” 183 รายชื่อบุคคลเฝ้าระวังที่หลุดออกมา เหมือนกับ “ผีซ้ำด้ำพลอย” อย่างไงอย่างนั้น ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนั้นก็เป็นปมสะท้อนได้อย่างดีว่าในรัฐบาลนั้นมี “เกลือเป็นหนอน” อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเอกสารของทั้งคู่คงไม่หลุดออกมาในจังหวะเวลาที่ไล่เลี่ยกัน...๐

และไม่แปลกอีกเช่นกันที่ “พี่โทนี่ วูดซัม” หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่พำนักพักอาศัยอยู่ที่ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” จะขยันหนักหนาในการโม้และพล่ามในคลับเฮาส์ เรียกว่าเวทีไหนเชิญ “พี่โทนี่” ก็พร้อมจะสับรัฐบาลแบบเต็มๆ เพราะลับมีดรอมานานแล้ว เรียกว่าเข้าทางทฤษฎีสมคบคิดอย่างแท้จริง เพราะมีการเล่นการโยนบทบาทอยู่ต่อเนื่อง...๐

งานนี้จะโทษบรรดาฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นั้นอาจลืมวิถีคนไทยไป นั่นคือการไม่ชอบให้ใครอยู่ในเก้าอี้นานๆ และยิ่งในช่วงวิกฤติแบบนี้ หาก “บิ๊กตู่” โชว์ความกล้าตัดสินใจและถึงลูกถึงคน บริหารเหมือนภาคเอกชน ไม่ใช่ “รัฐราชการ” ทั้งที่รวบอำนาจจากรัฐมนตรีมาอยู่ในมือแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ก็อาจทำให้เสียงต้านเสียงยี้ลดน้อยถอยลง แต่นี่กลับไม่ใช่ จึงไม่แปลกที่ “พี่โทนี่” จะฉวยจังหวะหวดว่าขณะนี้วิกฤติไม่ต้องมีแล้วเสาร์-อาทิตย์  พร้อมทั้งซัดเรื่องเวิร์กฟรอมโฮม จึงประเด็นจุดติดอย่างยิ่ง...๐

แล้วที่ตอกย้ำความล้มเหลวเข้าไปอีกก็คือการออกข้อกำหนดฉบับที่ 29 แล้วถูก “ศาลแพ่ง” คุ้มครองชั่วคราวจนทำให้ต่อมาต้องยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทิ้ง เพราะมันสะท้อนชัดมากว่ารัฐนาวาแป๊ะนั้นคิดเล็กคิดน้อยในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ส่วนเรื่องใหญ่โตกลับละเลยปัญหาไป จึงไม่น่าแปลกที่ ม็อบนับวันจะดูรุนแรงและลุกลามมากขึ้น แต่เสียงตำหนิติติงเรื่องการใช้ความรุนแรงและทำลายทรัพย์สินของราชการของแผ่นดินกลับแทบไม่ถูกพูดถึง ในขณะที่ “ตำรวจ” ก็กลายเป็นกระโถนท้องพระโรงที่ต้องรับคำด่าคำสาปแช่งไปทุกยุคทุกสมัย...๐.

ท.ศักดิ์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"