ส่งออกก.ค.โตแรง 2.2หมื่นล.ดอลลาร์ 7เดือนเกินเป้า4เท่า


เพิ่มเพื่อน    

พณ.เผยส่งออก ก.ค.64 ยังโตแรง ทำได้มูลค่า 22,650.83 ล้านเหรียญสหรัฐ บวกตัวเลข 2 หลัก 20.27% ได้รับผลดีจากการส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และตลาดส่งออก ส่งผลยอดรวม 7 เดือน มูลค่า 154,985.48 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.20% ขยายตัวเกินเป้าแล้ว 4 เท่า  
    เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน ก.ค.2564 มีมูลค่า 22,650.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.27% ยังเป็นการขยายตัวด้วยตัวเลข 2 หลัก และถ้าไม่รวมสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธ จะขยายตัวถึง 25.38% และคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 708,651.66 ล้านบาท และส่งออกรวม 7 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 154,985.48 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.20% หรือคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 4,726,197.35 ล้านบาท 
     ทั้งนี้ การนำเข้ามีมูลค่า 22,467.37 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 45.94% และยอดรวม 7 เดือน มีมูลค่า 152,362.86 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.73% เกินดุลการค้า 2,622.62 ล้านเหรียญสหรัฐ
    สำหรับปัจจัยที่ทำให้การส่งออกขยายตัว มาจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร โดยเดือน ก.ค.2564 เพิ่ม 24.3% เป็นบวกต่อเนื่อง 8 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้ดีประกอบด้วย ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 80.2% ขยายตัว 4 เดือนต่อเนื่อง และยังขยายตัวดีในตลาดสำคัญเกือบทุกตลาด เช่น จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซียและเนเธอร์แลนด์ ยางพารา เพิ่ม 121.2% ขยายตัว 10 เดือนต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 62% ขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องในตลาดสำคัญ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ไต้หวัน สหรัฐ 4.อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่ม 17.3% ขยายตัว 23 เดือนต่อเนื่อง ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่ม 51.7% ขยายตัว 14 เดือนต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ เพิ่ม 8.4% ขยายตัว 3 เดือนต่อเนื่อง
     สินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 18% ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน สินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เพิ่ม 39.2% ขยายตัว 9 เดือนติดต่อกัน ผลิตภัณฑ์ยางพารา เพิ่ม 16% ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน สินค้าเกี่ยวเนื่องน้ำมัน เช่น เม็ดพลาสติก ปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ เพิ่ม 59% ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน อัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เพิ่ม 43.8% ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เพิ่ม 19.3% ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน เหล็กเพิ่ม 59.4% ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน
     ส่วนตลาดขยายตัวดีเกือบทุกตลาดสำคัญ ยกเว้นตลาดเดียวคือออสเตรเลีย เพราะตัวเลขติดลบ จากการส่งออกอัญมณี เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้าได้ลดลง แต่รถยนต์ยังเพิ่ม 44.8% ยางพารา เพิ่ม 26.8% โดยตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐ เพิ่ม 22.2% ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน,   จีน เพิ่ม 41% ต่อเนื่อง 8 เดือน, ญี่ปุ่น เพิ่ม 23.3% ต่อเนื่อง 9 เดือน, อาเซียน เพิ่ม 26.9% ต่อเนื่อง 3 เดือน, ยุโรป เพิ่ม 20.9% ต่อเนื่อง 6 เดือน, อินเดียขอขีดเส้นใต้ ขยายตัวดีมาก เป็นอนาคตของการส่งออกไทย เพิ่ม 75.3% ต่อเนื่อง 6 เดือน และตลาดใหม่ เช่น ลาตินอเมริกา เพิ่ม 93.5% ต่อเนื่อง 6 เดือน, รัสเซียและ CIS เพิ่ม 53% ต่อเนื่อง 4 เดือน ถือเป็นตลาดใหม่ที่มีอนาคตของไทย
     นายจุรินทร์กล่าวว่า ปัจจัยที่เกื้อหนุนให้ตัวเลขเดือน ก.ค.ยังคงเป็นบวกได้ ได้รับผลดีจากแผนการทำงานของ กรอ.พาณิชย์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนที่จับมือร่วมกันเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ การฟื้นตัวของคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป รวมทั้งจีน ตัวเลข PMI หรือ Global Manufacturing ซึ่งเรียกว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของโลก มีตัวเลขที่เกินกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 โดย ก.ค.2564 อยู่ที่ 55.4 ทำให้โอกาสการซื้อขายกับสินค้ากับหลายประเทศในโลกเพิ่มขึ้น เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง ทำให้ไทยสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดโลก และราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับสูง เมื่อน้ำมันดิบราคาสูง ทำให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่อง เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ส่งออกได้ราคาดีขึ้น
     ส่วนแนวโน้มการส่งออก เห็นว่าการระบาดของโควิด-19 อาจจะมีผลกระทบได้ โดยเฉพาะเดือน ส.ค.-ก.ย.2564 เป็นต้นไป ที่เริ่มเห็นแล้ว เช่น ผลไม้ หรือโรงงานผลิตเพื่อส่งออกบางแห่งที่ต้องปิดตัว ทำให้ไม่สามารถผลิตได้ต่อเนื่อง และสถานการณ์โควิดในเพื่อนบ้าน ที่ไทยต้องส่งออกต่อเนื่องเริ่มมีการติดขัด เช่น การส่งออกผลไม้จากไทย ผ่าน สปป.ลาว ไปเวียดนาม และเข้าจีน ก็มีปัญหาบางช่วงเวลา ต้องไปแก้หน้างานหลายครั้ง หรือมาเลเซีย ก็อยู่ในสถานการณ์เคร่งครัด ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำยางดิบ ทำให้กระทบราคา เพราะมาเลเซียเป็นตลาดใหญ่ แต่ยางก้อนถ้วยยังดี ดีกว่าราคาประกันรายได้ 
    "กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าผลักดันการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนหลัง ตั้งแต่ ก.ค.2564 มีกิจกรรมที่จะดำเนินการไม่น้อยกว่า 130 กิจกรรม ทั้งการส่งเสริมการส่งออกในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้ปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 แล้ว โดยเป้าทั้งปีตั้งไว้ที่ 4% จะพยายามทำให้เกิน เพราะวันนี้ทำได้ 16.2% ถือว่าทำได้เกินเป้าไปแล้ว 4 เท่า และจะร่วมมือกับภาคเอกชนเดินหน้าและทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้" นายจุรินทร์กล่าว.   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"