นักวิชาการ เคลียร์ชัด 'พระไลฟ์ขายขำ' ปรับเปลี่ยนวิธีสอนธรรมะหรือด้อยค่าพระศาสนา


เพิ่มเพื่อน    

17 ก.ย.64 - ดร.มงคล นาฏกระสูตร อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครร และอดีตผู้ชำนาญการสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นกรณีนายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา อ้างว่า ผู้วิจารณ์พระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปอง ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของพระรุ่นใหม่ การไลฟ์สอนธรรมะคือ การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย หากดูตามระเบียบสงฆ์ก็ไม่ได้มีข้อห้ามเอาไว้ พระสงฆ์ใช้เทคโนโลยีเผยแผ่ศาสนาจึงเป็นสิ่งที่กระทำได้และไม่จำเป็นต้องสำรวม 

โดย ดร.มงคล วิเคราะห์ว่า สงฆ์ไลฟ์สด : #ขายขำขายศรัทธา เมื่อวันก่อนมีคนส่งคลิปคนที่เรียกตนว่าเป็นอาจารย์มาให้ดูว่า ทำไมชาวพุทธถึงรับไม่ได้กับวิธีเข้าถึงคนรุ่นใหม่ เป็นการปรับวิธีสอน เหมือนเอาน้ำตาลไปเคลือบยา วันนี้เชิญมาร่วมวิเคราะห์ด้วยกันว่าปรับเปลี่ยนตามที่ว่าจริงหรือไม่ ?

เทศน์ขายขำ : วิธีการที่แสนโบราณ การที่พระสองรูปขายขำไลฟ์สด เป็นที่วิธีการแสนโบราณ พระวิทยากรอบรมค่ายคุณธรรมเด็ก พูดขำกว่าสองรูปนี้หลายเท่านั้น และพระเทศน์มหาชาติ เทศน์แหล่สามารถพูดตลกให้คนขำจนตกเก้าอี้มีมามากมาย ทั้งภาคกลาง เหนือ อีสานใต้  มีทุกที่ แต่เทศน์ให้กลุ่มคนเฉพาะงาน เฉพาะท้องถิ่น จึงดูไม่น่าเกลียด ไม่ใช่เผยแพร่ในสื่อที่สาธารณะรับรู้ เป็นวิธีที่เก่าแก่โบราณ มหาสมปองก็เลียนแบบมาจากสิ่งนี้ทั้งนั้น

วิ่งตามก้นชาวบ้าน : ทั้งช่องทางและวิธีการ ที่บอกว่าปรับเปลี่ยนวิธี ไม่เห็นปรับอะไร เลียนแบบรายการที่ชาวบ้านทำทั้งนั้น ทั้งช่องทางไลค์สดชาวบ้านแลก k ยอดไลค์คนดู เขาทำกันทั้งนั้น ยิ่งใช้ภาษาวัยรุ่นที่เด็กวัยรุ่นๆเขาพูด ก็ตามเด็กทั้งนั้น ไม่มีอะไรใหม่ พระที่วิ่งตามก้นชาวบ้านจนลืมสมณสารูปตัวเองว่าอยู่ในฐานะอะไร คุณปรับเปลี่ยนสิ่งใด

บอกสอนเด็ก : แต่รู้จักเด็กแค่ไหน ผู้เขียนเฝ้าดูพฤติกรรมการเผยแพร่ธรรมะของสองรูปนี้มานาน ไม่ได้ช่วยเหลือเยาวชนของเราเท่าที่ควร เพราะไปเน้นแค่เสียงหัวเราะกับชื่อเสียงตนเท่านั้น ที่จริงปัญหาเยาวชนมีมากมาย เช่น เสพยา เรื่องเพศ บ้านแตก ไม่อยากเรียนหนังสือ ความรุนแรง หรือมีช่องว่างระหว่างพ่อแม่และครูอาจารย์ เป็นต้น และสิ่งที่พวกเขาอยากได้ เช่น เสรีภาพ ความท้าทายสิ่งใหม่ หรือพื้นที่ในการแสดงออก เป็นต้น  แทบจะไม่เห็นในการบรรยายให้ทางออกแก่เยาวชนเหล่านั้น ปัญหาวัยรุ่นจึงไม่เคยได้รับการแก้ไขจากการแสดงธรรม

เอาธรรมะมาเร่ขาย = ด้อยค่าพระศาสนา พระพุทธศาสนามีคำสอนที่เป็นสัจจธรรมและมีความลึกซึ้งสุขุมคัมภีรภาพ ไม่ใช่เอามาล้อเล่นกันสนุกสนาน ศาสนาอื่นเขาเห็นจะพลอยดูถูกไปด้วย ที่จริงสงฆ์ทั้งสองเพียงแค่ใช้รูปแบบการเทศนาและใช้รูปแบบของความเป็นพระมาใช้เท่านั้น หาได้ปลูกฝังอุดมการณ์แบบพุทธ ที่ต้องการให้พุทธศาสนิกชนพ้นจากทุกข์ไม่ เพียงเปลี่ยนจาก offline มาเป็น online เท่านั้น

สังฆะเพื่อสังคม : แนวทางของสงฆ์รุ่นใหม่ ที่จริงในคณะสงฆ์มีทั้งตัวอย่างที่ไม่ดีและที่ดีมากมาย ที่ดีเช่น หลวงพ่อพุทธทาส หลวงพ่อปัญญานันทะหรือเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ล้วนเป็นแบบอย่างแห่งเผยแพร่ธรรมร่วมสมัยที่สังคมยอมรับและเคารพนับถือ และสงฆ์ต่างประเทศ เช่น องค์ดาไล ลามะ ท่านติช นัท ฮันท์ เป็นต้น

สำหรับสงฆ์รุ่นใหม่บทบาทที่ชาวบ้านคาดหวังคือ สังฆะเพื่อสังคม เช่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การต่อต้านยาเสพติด การช่วยเหลือสาธารณะสงเคราะห์ เป็นต้น ยิ่งทำยิ่งมีคนสนับสนุน...

คนที่บอกว่าวิจารณ์ไร้เหตุผล คนพูดแบบนี้ก็เลอะเทอะเช่นกัน เพราะศรัทธาประชาชนเกิดจากการเห็นพระสำรวมในพระธรรมวินัยและเห็นอุดมการณ์การเผยแผ่แบบพุทธแท้ เมื่อพระไม่เป็นอย่างนนั้น วิจารณ์จะไร้เหตุผลได้อย่างไร การพูดเอามันให้ตนดูเด่นกว่าคนอื่น เพื่อหนุนพรรคพวกตน โดยไร้ภูมิรู้และภูมิธรรมที่แท้จริงในสื่อสาธารณะ ไม่ช่วยให้พระพุทธศาสนาให้ดีขึ้นในมิติใดๆเลย...ด้วยจิตคารวะ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"