เซ็นซื้อแอสตร้า1.8หมื่นล้านบ.


เพิ่มเพื่อน    

"ไฟเซอร์" 2 ล้านโดสจากสหรัฐถึงไทยแล้ว พร้อมลงนามสั่งซื้อแอสตร้าเซนเนก้าอีก 60 ล้านโดส วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้เป็นเข็มบูสเตอร์ในปี 2565 "อนุทิน" มั่นใจสิ้นปีเข็มหนึ่งฉีดประชากรได้ 85% ส่วน 2 เข็มครอบคลุม 74% "วัคซีน" จุฬาฯ เดินหน้าทดลองในคนระยะที่ 2 หมอเกียรติเล็งหารือ อย.กลางปีหน้าทดลองใช้เป็นบูสเตอร์ 
    เมื่อวันพุธที่ 29 ก.ย. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ ได้รับมอบวัคซีนไฟเซอร์ 2 ล้านโดสจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาถึงสนามบินด้วยสายการบิน DHL เที่ยวบิน L350 ในเวลา 04.35 น.
    นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลไทยได้ลงนามสั่งซื้อ 2 ล้านโดส เข้ามาเป็นล็อตแรกตามกำหนด หลังจากเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 20 ก.ค. โดยในเดือน ก.ย.และ ต.ค.จะมีวัคซีนเข้ามารวม 8 ล้านโดส และจะทยอยเข้ามาทุกสัปดาห์จนครบ 30 ล้านโดส หลังจากตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพวัคซีนโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และองค์การอาหารและยา (อย.) แล้ว จะเร่งจัดส่งไปพื้นที่ตามแผนของกรมควบคุมโรคโดยเร็วภายในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังได้เจรจากับไฟเซอร์จัดหาวัคซีนสำหรับปี 2565 ทำให้ไทยจะมีวัคซีนทุกเทคโนโลยี รวมถึงวัคซีนโปรตีนซับยูนิต ที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทดลองอยู่
    นายอนุทินกล่าวว่า ไฟเซอร์เป็นวัคซีนชนิดเดียวในไทยที่สามารถฉีดให้เด็กอายุ 12-18 ปีได้ ส่วนวัคซีนอื่นๆ อยู่ระหว่างการเตรียมเอกสาร เพื่อให้ผ่านขั้นตอนที่ อย.กำหนด โดยแผนการฉีดวัคซีนเด็กนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไปประมาณ 5 ล้านคน ได้เตรียมวัคซีนไว้ 10 ล้านโดส และประสานกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อจัดบริการฉีดในสถานศึกษาโดยบุคลากรการแพทย์ พร้อมเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์รองรับภาวะฉุกเฉินตามมาตรฐาน ส่วนวัคซีนที่เหลือจะจัดสรรเพื่อฉีดให้กับประชาชนทั่วไป
    “แนวทางการฉีดวัคซีนของไทยขณะนี้คือซิโนแวคเข็มที่ 1 ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 และในอนาคตจะเป็นแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 1 ตามด้วยไฟเซอร์เข็มที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ส่วนในปี 2565 จะเป็นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ได้มีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตต่างๆ ไปบ้างแล้ว ยืนยันว่าจะจัดหาวัคซีนได้เพียงพอสำหรับฉีดให้กับประชาชน”นายอนุทินกล่าว
    ต่อมานายอนุทินได้เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาวัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซนเนก้า สำหรับปี 2565 ระหว่าง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายอนุทินระบุว่า สธ.ลงนามจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสำหรับปี 2564 จำนวน 60 ล้านโดส งบประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นเข็มบูสเตอร์ ทำให้ไทยจัดหากระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าภายในสิ้นปี 2564 จะสามารถฉีดเข็ม 1 ได้ 85% ของประชากร และเข็ม 2 ครอบคลุม 74%  
“ปี 2565 รัฐบาลมีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนต่างๆ เพื่อจัดหาวัคซีนฉีดเน้นเป็นเข็มกระตุ้น ซึ่งมีการจัดหาไว้อย่างเพียงพอ ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสำหรับปี 2565 จำนวน 60 ล้านโดส จึงเป็นที่มาของการลงนามในวันนี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการผลิตจากโรงงานภายในประเทศและทยอยจัดส่งในไตรมาสแรก 15 ล้านโดส ไตรมาสที่ 2 จำนวน 30 ล้านโดส และไตรมาสที่ 3 อีกจำนวน 15 ล้านโดส นอกจากนี้ไทยยังได้รับสิทธิพิเศษเป็นประเทศแรกๆ กรณีบริษัทพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 ซึ่งครอบคลุมสายพันธุ์กลายพันธุ์ต่างๆ ได้สำเร็จ หรือสามารถใช้เป็นวัคซีนสำหรับกลุ่มเด็กได้ จะสามารถเปลี่ยนเป็นวัคซีนรุ่นล่าสุดได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย” นายอนุทินกล่าว
    ขณะที่ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงยอดผู้ได้รับวัคซีนของไทยเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ว่ามีการฉีด 726,805 โดส ทั้งนี้ ข้อมูลการฉีดวัคซีนจังหวัดที่ฉีดให้ประชากรโดยรวมเกิน 50% ไปแล้วมี 11 จังหวัด ได้แก่ กทม., ปทุมธานี, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, พระนครศรีอยุธยา, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, นครนายก, พังงา, ภูเก็ต และระนอง ส่วนจังหวัดที่ฉีดครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 70% จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ กทม., ปทุมธานี, ฉะเชิงเทรา, พังงา, ภูเก็ต และระนอง  
    นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ศธ.ได้วางแผนการดำเนินการฉีดวัคซีนให้นักเรียน นักศึกษาในสังกัดทั้งของรัฐและเอกชนที่มีอายุ 12-18 ปี โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ย.มีผู้สมัครใจฉีดวัคซีนจำนวน 3.61 ล้านคน จากทั้งสิ้น 5,048,081 คนคิดเป็น 71.67%  
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ความประสงค์ขอรับวัคซีนนักเรียน/นักศึกษา ปี 2564 พบว่า จังหวัดภูเก็ต 100.00%, สุราษฎร์ธานี 89.34%, อุตรดิตถ์ 86.86%, ลำพูน 86.76% และประจวบคีรีขันธ์ 86.76% โดยการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียนและนักศึกษา จะเริ่มฉีดวันแรก 4 ต.ค.นี้
วันเดียวกัน ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงถึงความคืบหน้าการวิจัยวัคซีน Chulacov19 ว่า ได้เริ่มเข้าสู่การทดลองในคนระยะที่ 2 แล้ว ส่วนคำถามที่ว่าสามารถป้องกันข้ามสายพันธุ์ได้หรือไม่ จากการตรวจสอบเลือดในหนู และลิงที่ฉีดวัคซีน พบว่าสามารถป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้ดีมาก รวมถึงสามารถป้องกันทุกสายพันธุ์ได้
“ผลข้างเคียงตั้งแต่เฟส 1 ทั้ง 2 เฟส และในเฟสที่ 2 จากอาสาสมัครประมาณ 200 คน ยังไม่เจอผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายหนักในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังฉีด เพราะข้อมูลล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว CDC สหรัฐรายงานล่าสุดพบว่าวัคซีนชนิด mRNA ผู้ที่มีอาการแพ้ อาทิ ลมพิษขึ้น หายใจไม่ออก ความดันตกอยู่ประมาณ 5 ใน 1 ล้านคน และอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ส่วนใหญ่จะเจอได้ในคนหนุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปี ประมาณ 10-30 ใน 1 ล้านคน” ศ.นพ.เกียรติระบุ 
เมื่อถามว่า ขณะนี้คนไทยได้รับวัคซีนไปจำนวนมาก และคาดว่ากว่า 70% ในปี 2565 จะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม แล้ววัคซีนที่ไทยพัฒนาขึ้นจะมีการนำไปใช้อย่างไร ศ.นพ.เกียรติกล่าวว่า นับว่าเป็นความท้าทายของไทย ซึ่งตามหลังต่างประเทศประมาณเกือบปี และจากที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าคนไทยจะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ภายในสิ้นปีกว่า 70% และเมืองใหญ่ๆ กว่า 80% จึงได้หารือ อย.ว่าหากมีการทดลองความปลอดภัยถึงในระยะที่ 2 อยากขอเริ่มทำระยะ 1 ของเข็มบูสเตอร์เลย เพื่อหาขนาดโดสที่เหมาะสมคู่ขนานไปด้วย 
ด้าน ภญ.สุธีรา เตชคุณวุฒิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด กล่าวว่า เริ่มทดสอบในมนุษย์จำนวน 4 คนเมื่อวันที่ 27 ก.ย. พบว่ามีความปลอดภัย และในวันที่ 30 ก.ย.จะฉีดอีก 2 คนที่เหลือในกลุ่มโดสแรก นอกจากนี้ทีมวิจัยยังได้พัฒนาวัคซีนโควิดรุ่นที่ 2 โดยปรับเปลี่ยนสูตรให้สามารถกระตุ้นภูมิได้ดีขึ้น ขณะนี้ได้ทำการทดสอบในสัตว์ทดลอง และเตรียมผลิตเพื่อทดสอบในมนุษย์ในเฟสที่ 1 คาดว่าผลการทดสอบในอาสาสมัครอายุ 18-65 ปี จะเป็นผลที่ทำให้เราตัดสินใจว่าจะเอาวัคซีนรุ่นที่ 2 มาทดสอบต่อไปหรือไม่ คาดว่าไตรมาสที่ 3 ในปีหน้าน่าจะเป็นอีกวัคซีนหนึ่งที่น่าจะนำไปใช้กับประชาชนได้ ส่วนโรงงานผลิตของทางใบยาเราสามารถผลิตได้ถึง 1.5 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งจะเป็นโรงงานผลิต first plant-produced protein แห่งแรกในเอเชีย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"