ดุสิตโพล เผยประชาชน สนใจพรรคอนาคตใหม่มากกว่าประชาธิปัตย์


เพิ่มเพื่อน    

สวนดุสิตโพล ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน ต่อ “พรรคการเมืองเก่า” กับ “พรรคการเมืองใหม่” พบว่า พรรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ความนิยมสูงสุด แต่ที่น่าแปลกใจ คือ คนสนใจพรรคอนาคตใหม่มากกว่าประชาธิปัตย์  

กระแสการเมืองในช่วงนี้มีความร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่เริ่มมีการเคลื่อนไหว ทั้งการดูดตัวผู้สมัครเข้าสู่พรรค การเตรียมตัวของพรรคการเมืองเก่า รวมถึงการเปิดตัวพรรคใหม่ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต่อ “พรรคการเมืองเก่า”  กับ “พรรคการเมืองใหม่” “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต  ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,105 คน ระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2561 สรุปผลได้ ดังนี้

1.   “3 อันดับพรรคการเมืองเก่า” ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ณ วันนี้ คือ  อันดับ 1 เพื่อไทย 55.59% อันดับ 2 ประชาธิปัตย์ 39.89% อันดับ 3 ภูมิใจไทย   4.52%

2.   “3 อันดับพรรคการเมืองใหม่” ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ณ วันนี้ คือ อันดับ 1 อนาคตใหม่ 57.51%  อันดับ 2 พลังประชารัฐ 24.35% อันดับ 3 พลังชาติไทย 18.14%

3.  เมื่อพิจารณาความสนใจในภาพรวมทั้ง “พรรคการเมืองเก่า” และ “พรรคการเมืองใหม่”  “5 อันดับพรรคการเมือง” ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ณ วันนี้ คือ 
อันดับ 1 เพื่อไทย 55.02% เพราะ   ชื่นชอบ เป็นพรรคใหญ่ อยากให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ช่วยเหลือประชาชน มีนักการเมืองเก่ง มีชื่อเสียง ฯลฯ
อันดับ 2 อนาคตใหม่ 34.18% เพราะ  เป็นพรรคใหม่ มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน มีนโยบายน่าสนใจ อยากเปิดโอกาสให้เข้ามาทำงาน ฯลฯ 
อันดับ 3 ประชาธิปัตย์  33.88% เพราะ  เป็นพรรคเก่าแก่ ก่อตั้งมานาน มีประสบการณ์ ชื่นชอบการทำงาน มีผู้สมัครที่น่าสนใจ เลือกพรรคนี้มาโดยตลอด ฯลฯ 
อันดับ 4 พลังประชารัฐ 17.39% เพราะ  มีกระแสต่อเนื่อง เกี่ยวข้องกับรัฐบาลปัจจุบัน เป็นพรรคใหม่ มีนักการเมืองเข้ามาร่วมหลากหลาย ฯลฯ  
อันดับ 5 ภูมิใจไทย 12.59% เพราะ  ชอบการบริหารงานที่ผ่านมา เป็นพรรคเล็กที่มีบทบาทสำคัญ อยากรู้ความเคลื่อนไหว ฯลฯ 

4. ส่วนกรณี ผู้สมัคร ส.ส. ที่สังกัด “พรรคการเมืองเก่า” กับ “พรรคการเมืองใหม่” มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนหรือไม่  อันดับ 1 มีผล 54.33% เพราะ  ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ชอบคนแต่ไม่ชอบพรรค นโยบายแต่ละพรรคแตกต่างกัน นอกจากจะดูที่ตัวบุคคลแล้วก็ดูว่าสังกัดพรรคที่ชอบด้วยหรือไม่ การเลือกสังกัดพรรคส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ฯลฯ  อันดับ 2 ไม่มีผล 45.67% เพราะ   ดูที่ตัวบุคคล ประวัติ ประสบการณ์ ผลงานที่ผ่านมา ชอบเป็นการส่วนตัว ไม่พิจารณาว่าสังกัดพรรคใด หากเป็นคนดีอยู่พรรคใดก็ทำงานได้ ฯลฯ  

5.สำหรับในการเลือก ส.ส. ระหว่าง “ตัวผู้สมัคร” กับ “พรรคที่สังกัด” ประชาชนให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากัน อันดับ 1 พอ ๆ กัน  41.63% เพราะ  ต้องพิจารณาทั้งตัวผู้สมัครและพรรคที่สังกัดไปพร้อม ๆ กัน  อยากได้ทั้งผู้สมัครและพรรคที่ดีมีคุณภาพ  หากพรรคมีนโยบายที่ดี ก็จะส่งผลให้ผู้สมัครทำงานได้ดี มีผลงาน ฯลฯ   อันดับ 2 ตัวผู้สมัครมากกว่า   36.92% เพราะ   เน้นที่ตัวผู้สมัคร อยากได้คนดี ทำงานเป็น มีผลงาน มีความคุ้นเคยกับคนในพื้นที่ พรรคการเมืองที่ดีต้องมีผู้สมัครที่ดี ฯลฯ อันดับ 3 พรรคที่สังกัดมากกว่า    21.45% เพราะ  พรรควางนโยบายของผู้สมัคร  พรรคที่มีการบริหารที่ดีจะทำให้ผู้สมัครทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผู้สมัครต้องปฏิบัติตามแนวทางของพรรค พรรคที่เข้มแข็งสามารถให้การสนับสนุนผู้สมัครได้เต็มที่ ฯลฯ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"