ป้อมอุ้มสทนช.แก้น้ำท่วม เตือนเจ้าพระยาล้นตลิ่ง!


เพิ่มเพื่อน    

"บิ๊กป้อม" ปรี๊ดแตกกางแขนอุ้ม สทนช. ลั่นอย่ามาบอกว่าล้มเหลว เมินพาเหรดม็อบคอยท่าลงพื้นที่ ขณะที่กรมชลฯ ส่งสัญญาณเตรียมเฝ้าระวังเจ้าพระยาเพิ่มระดับ กทม.ตื่นแล้วใช้เทคโนโลยีสกัดน้ำท่วม 
    เมื่อวันจันทร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล​ พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี​  กล่าวถึงเสียงวิจารณ์การทำงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ผ่านมาค่อนข้างล้มเหลวว่า “โอ๊ย ที่ผ่านมาเขาพัฒนาไปเยอะแล้ว งานวิจัยก็ทำ เรื่องน้ำท่วมขึ้นอยู่กับฝนที่ตกตลอด แต่ที่เก็บน้ำไม่เพียงพอ อย่ามาบอกว่าล้มเหลว ยืนยันว่าที่ผ่านมาทำงานไปเยอะ เยอะมาก ทำทั้งประเทศ” 
    ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตรยังระบุถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำหากมีประชาชนมาต่อต้านด้วยว่า “ก็สิบกว่าคน ไม่เยอะ ไม่ใช่เป็นหมื่นเป็นแสน กับคนสิบกว่าคนจะไปเอาอะไร เขาไปจัดตั้งมา จะไปเกรงกลัวอะไร ทำงานได้อยู่แล้ว” 
    วันเดียวกัน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน  กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง  โดยวัดปริมาณฝนสะสม 3 วัน เมื่อรวมปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง และจาก side flow รวมกันได้ประมาณ 500 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำที่หน้าเขื่อนเจ้าพระยาทั้งสิ้นประมาณ 3,200-3,300 ลบ.ม./วินาที เพื่อเป็นการควบคุมการระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
    “กรมชลประทานจึงได้ปรับแผนการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง  2 ฝั่ง โดยจะปรับเพิ่มการรับน้ำเข้าฝั่งตะวันตกลงแม่น้ำน้อยผ่านประตูระบายน้ำบรมธาตุ และฝั่งตะวันออกจะปรับเพิ่มการรับน้ำเข้าคลองชัยนาท-ป่าสัก ผ่านประตูระบายน้ำมโนรมย์ โดยจะพิจารณาถึงผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำ พร้อมหน่วงน้ำไว้เหนือเขื่อนเจ้าพระยา"  ดร.ทวีศักดิ์ระบุ 
    ดร.ทวีศักดิ์ระบุด้วยว่า ทั้งนี้ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้เตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักรเครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ, รถแบ็กโฮ เพื่อเสริมศักยภาพในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ ดำเนินการเสริมคันกั้นน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณริมแม่น้ำที่มีระดับต่ำหรือเสี่ยงที่จะมีน้ำล้นตลิ่ง 
    ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานว่ายังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม 17 จังหวัด โดยร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย  ตั้งแต่วันที่ 17-18 ต.ต.64 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากใน 8 จังหวัด 24 อำเภอ 43 ตำบล 107 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,909 ครัวเรือน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2  จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อีก 6 จังหวัด (ขอนแก่น, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์,  ศรีสะเกษ, นครปฐม และสระแก้ว)
     พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงการพัฒนาระบบระบายน้ำและเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพฯ ว่า ในปัจจุบันมีอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ 4  แห่ง สถานีสูบน้ำ 190 แห่ง ประตูระบายน้ำ 243 แห่ง และบ่อสูบน้ำ  329 แห่ง จากการพัฒนาระบบดังกล่าวส่งผลให้สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
    “นอกจากนี้กรุงเทพฯ ยังได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นระบบการควบคุมเครื่องสูบน้ำระยะไกล ระบบ SCADA ระบบเรดาร์ตรวจจับกลุ่มฝน รวมถึงการติดตั้งเครื่องสูบน้ำชนิดเครื่องยนต์เพิ่มเติมตามสถานีสูบน้ำที่สำคัญ รองรับสถานการณ์ไฟฟ้าดับ เพื่อที่จะเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่องและไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม” พล.ต.อ.อัศวิน ระบุ.

fafa666thb1 fafa365bkk oki888 88zeed masarubet amb33 meta456 kodwing88 ff123th2 okkub ambwin168 xspacebet tos168 lukwin88 neon24h ufafusions ufa14k pp9vip london168 takdee168 rpm888 mangkornkhaw lucia68 fafa178th3 allslotwin


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"