‘หมู พิมพ์ผกา’งัดหลักฐานสู้ ซัดกลับเว็บไซต์ดัง


เพิ่มเพื่อน    

 

          นักแสดงรุ่นใหญ่ หมู-พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ คุณแม่และควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของ นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ พร้อมด้วย เจมส์-นิติธร แก้วโต ทนายความ ตั้งโต๊ะแถลง ณ อาคารมาลีนนท์ กรณีมีปัญหากับบริษัทไทยฟินเทค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ภายใต้เว็บไซต์ www.thishop.co โดยงานนี้คุณแม่หมูแฉยับแบบละเอียดยิบ พร้อมงัดหลักฐานโชว์สื่อมากมาย ถึงการทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพของอีกฝ่ายจนต้องขอยกเลิกสัญญา

          โดย หมู พิมพ์ผกา เผยว่า “เมื่อวาน บริษัทไทยฟินเทค มีแถลงพาดพิงถึงเราหลายประเด็นมาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าใจในตัวเราผิด สร้างความเสียชื่อเสียง เราอยากจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงในมุมของเราบ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดจากอะไร อันดับแรกที่เราจะเล่าให้ฟัง เราได้รับการติดต่อให้น้องนายเป็นพรีเซ็นเตอร์เหมือนแบรนด์ทั่วๆ ไป เป็นเรื่องของเว็บไซต์ที่ขายสินค้าออนไลน์ ดูแล้วจากขั้นต้นก็ปกติ วิธีการตกลงให้น้องถ่ายภาพนิ่ง 5 ภาพ ภาพเคลื่อนไหวเป็นวิดีโออีก 1 เรื่อง

          แล้วน้องที่ติดต่อมาเป็นพนักงานของบริษัท ไทยฟินเทค แนะนำตัวเองเลยว่า น้องเพิ่งจบใหม่และบริษัทเราเป็นบริษัทใหม่ แต่มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านเลยนะ น้องบอกว่าเพิ่งจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ เราก็ถามไปเลยว่าใช้เอเจนซี่ของอะไร ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วในการรับงานที่เราต้องสอบถามว่าใช้ทีมไหนทำงาน ช่างภาพเป็นใคร สอบถามเป็นปกติ เพื่อควบคุมภาพลักษณ์ของนักแสดง น้องบอกว่าน้องยังใหม่ คุณแม่มีแนะนำเอเจนซี่ไหมค่ะ ซึ่งเป็นการคุยกับแบบมีลายลักษณ์อักษรด้วยซ้ำ ว่าเขาให้เราแนะนำเอเจนซี่เอง ขอความช่วยเหลือมา เราแนะนำไปกับเอเจนซี่ที่เราเคยทำงานด้วย เป็นเอเจนซี่ระดับหนึ่งของประเทศ เพราะดูจากทุนจดทะเบียนของเขา แต่ให้ไปคุยกันเอง จะเลือกหรือไม่เลือก เราไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วที่เขามาบอกว่าเรามีส่วนได้ส่วนเสียกับเอเจนซี่ไม่จริง เขาเป็นคนขอความช่วยเหลือเราให้แนะนำ ด้วยความที่เราร่วมงานกับเอเจนซี่เยอะมาก

          สำหรับสาเหตุที่ยกเลิกสัญญา เขาแจ้งมาว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราบอกเลยว่าเราขอยกเลิกสัญญากับเขา ด้วยคำว่าทำให้น้องเสื่อมเสียชื่อเสียงภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ด้วยสาเหตุมาจากที่ว่า เพจเตือนภัยนักศึกษา ออกมาเตือนภัยเป็นเพจใต้เตียงมธ. ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาเตือนภัยนักศึกษาว่ามีเว็บไซต์เว็บหนึ่งเข้ามาที่มหาวิทยาลัย แล้วเอาบัตรประชาชนนักศึกษาไปถ่ายรูป นักศึกษาโปรดระวังข้อมูล ซึ่งเมื่อเราเห็นตรงนี้แล้วมันมีความไม่ชอบมาพากล

 

 

          อย่างที่เราเห็นต่อมาคือมีโบรชัวร์ด้วย ซึ่งเรายังไม่ได้เริ่มงานอะไรกันเลย มีภาพน้องเกาคางภาพฮิตมากในโลกโซเซียล จะเปิดไปเพจไหนๆ เจอภาพน้องเกาคาง ซึ่งที่มาของรูปนี้นะคะ คือเป็นรูปที่มีลิขสิทธิ์ เป็นรูปที่แม่ถ่ายหนังสือ แล้วถามว่ามาได้ยังไง คือพอเสร็จสัญญากันปุ๊บ งานถ่ายภาพนิ่งยังไม่เคยขึ้น งานถ่ายใดๆ ยังไม่เกิดขึ้น เขาขอรูปหนึ่งก่อนได้ไหม เอาไปติดไว้ที่หน้าเว็บ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจพนักงาน ว่าเราได้พรีเซ็นเตอร์มาแล้ว ทีนี้แม่ก็บอกว่างั้นไปเลือกเอาเลยในไอจี เลือกเอารูปไหนก็ได้ เขาบอกไม่ได้ค่ะแม่ ไฟล์มันเล็กไป แม่ก็บอกแม่ไม่มีไฟล์ใหญ่ รูปไฟล์ใหญ่ๆ มันมีลิขสิทธิ์ มีเจ้าของหมด แม่ให้ไม่ได้ เขาก็บอกว่าแม่คะ เราขอรูปนี้ เขาตั้งใจเลยว่าขอรูปนี้ (รูปน้องนายเสื้อสีดำยืนจับคาง) เราก็เลยส่งไปให้เขา

          แต่ก่อนจะส่งไปแม่ก็โทรไปถามเจ้าของลิขสิทธิ์นะคะ บอกพี่ค่ะหมูขอยืมใช้หน่อยนะคะ ไม่เกิน 1 เดือน เดี๋ยวถ่ายรูปใหม่เสร็จแล้วจะลบทิ้ง เพราะว่าเอาไปติดแค่ที่เพจเว็บไซต์เท่านั้น ไม่มีงานอื่น เขาก็บอกว่างั้นเอาไป เราก็ขอเขามาแค่เดือนเดียวเพื่อติดที่เว็บไซต์เท่านั้น แม่ก็บอกว่าเอาไปใช้ก่อนนะคะ 1 เดือน แล้วแม่ยังถามเขาเลยว่าเราถ่ายภาพนิ่งกันวันไหน เพราะว่าแม่ไม่ได้อยากให้ใช้ภาพอื่นๆ อยากให้ใช้ภาพของตัวแบรนด์นั้นเอง เราก็จะถามเขาตลอดเวลาว่าถ่ายวันไหน อย่าเอารูปนี้ไปใช้นะ ติดลิขสิทธิ์นะ แต่ปรากฏว่ามีเพจเตือนภัยนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขึ้นรูปโบรชัวร์เว็บไซต์เขาที่มีรูปน้องนายรูปที่เราส่งไปให้ แม่ก็แบบทำไมคุณถึงกล้าเอาไปทำโบรชัวร์ ในเมื่อภาพมันมีลิขสิทธิ์

 

 

          คือเหตุผลของการยกเลิกสัญญา หนึ่งเลย เราเจอเพจเตือนภัย ซึ่งเรามองเห็นท่าไม่ดีแล้ว การที่เอาบัตรประจำตัวประชาชนของคนอื่นไป เท่ากับละเมิดสิทธิ์ แล้วบัตรประจำตัว เวลาเราให้ใครเอาไปถ่ายรูปมันอันตรายมากนะคะ เราไม่รู้ว่าเขาเอาไปทำอะไร เจตนาเขาคืออะไร ทำไมถึงต้องดึงบัตรประชาชนนักศึกษาไปถ่าย ทำไมต้องให้ซีรอกซ์แล้วเซ็นยินยอม แม่เริ่มมองเห็นว่าไม่น่าจะดีแล้ว อันดับที่สองคือใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์ไปทำเป็นโบรชัวร์ แม่จึงขอใช้ข้อนี้ ในการยกเลิกสัญญา ขอยกเลิกในวันที่ 23 พฤษภาคม ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน แล้วเขาก็ตกลง มีการเซ็นกันทั้งสองฝ่าย ตกลงกันอย่างดี และที่สำคัญที่สุดแม่คืนเงินทุกบาททุกสตางค์นะคะ หลักฐานการคืนเงินเราก็มีหมดนะคะ

          ในความเป็นจริงการตกลงค่าตัวของโฆษณาตัวนี้จะอยู่ที่ 5 ล้าน 8 แสนบาท แต่น้องคนที่ติดต่อบอกว่าคุณแม่ค่ะหนูขออนุญาตบวกเพิ่มเข้าไป 5 แสนบาทได้ไหมค่ะ แม่ก็ถามว่าบวกทำไม เขาก็บอกว่าขอเป็นค่านายหน้า เราก็บอกว่าอย่ามาเกี่ยวกับแม่ เงิน 5 ล้าน แม่เสียภาษี 20 เปอร์เซ็นต์นะ บวกเพิ่มมา 20 เปอร์เซ็นต์นี่มันมหาศาลสำหรับแม่ เขาก็บอกว่านะคะคุณแม่ ขอหน่อยครั้งนี้ขอหน่อย ช่วยๆ กัน แล้วตอนนั้นแม่กำลังจะไปเมืองจีน ก็เลยงั้นก็ได้ แต่แม่ขอหักภาษี ณ ที่จ่ายให้มันถูกต้อง ซึ่งแม่ก็มีสัญญา แล้วน้องเขานะคะพยายามจะโอนเงินเข้าบัญชีแม่มาให้เร็วที่สุด โดยที่เรายังไม่ได้เซ็นสัญญา มันจะมีข้อความอยู่อันหนึ่ง ว่าขอโอนเงินก่อนสงกรานต์ได้ไหมค่ะ

          เราเซ็นสัญญากันวันที่ 29 มีนาคม น้องบอกว่าขอโอนเงินก่อนสงกรานต์ได้ไหมคะ ทั้งที่สัญญาก็ยังไม่ได้เซ็น เราก็บอกไม่ได้ ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามขั้นตอนนะคะ คุณจะโอนเงินไม่เอาใบเสนอราคาเหรอ ไม่เอาใบวางบิลเหรอ ระบบบัญชีคุณคืออะไร แล้วสุดท้ายเขาก็โอนเงินเข้าบัญชีนะคะ แม้แต่ใบเสร็จรับเงินแม่ก็ต้องโทรไปถามว่าถามบัญชีให้หน่อย ไม่เอาเหรอ ไม่เอาหลักฐานพวกนี้แล้วคุณจะไม่ยื่นภาษีเหรอ เขาก็โทรกลับมาว่าเอาก็ได้ค่ะแม่ เราก็ทำกลับไปในนามของบริษัทนะคะ แล้วพอเราได้รับเงินโอนมาเสร็จเรียบร้อย ทำใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงินกลับไปให้เขาเรียบร้อย แม่ได้มีการโอนเงินกลับไปให้เขา 5 แสนบาทนะคะ โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 3 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นเงิน 485,000 โอนกลับไปให้พนักงานเขา เพราะฉะนั้นสิ่งที่แม่โอนกลับไปตามที่เขาโชว์หลักฐานให้ดู คือเงิน 5,800,000 บาท และเงินที่โอนให้พนักงานอีก 500,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 6,300,000 บาท สรุปคือแม่โอนเงินคืนเขาทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ โดยไม่เก็บไว้เลยแม้แต่บาทเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือเอาน้องนายออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะแม่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ถ้าทำงานกับที่นี่ต่อไป

 

 

          ทีนี้มาถึงเรื่องที่เขากล่าวหาแม่นะคะ เขาว่าแม่แอบอ้าง ใช้คำว่าแอบอ้างในการที่แม่โพสต์รูปนั้นรูปแรกเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน สาเหตุที่แม่โพสต์รูปนั้นว่าแอบอ้าง คือวันที่ 13 ในเวลากลางคืนแม่เห็นนักศึกษาคนหนึ่งทวิตเตอร์ขึ้นมาเป็นภาพน้องนายอยู่บนตึก ซึ่งภาพนี้แม่บอกแล้วว่ามันเป็นภาพลิขสิทธิ์ เป็นของคนอื่นเขา คุณเอาไปทำโบรชัวร์ แถมมาทำบิลบอร์ดใหญ่ๆ ติดตึกแบบนี้ด้วยหรอ ขออนุญาติแม่หรือยัง อันที่สองคือน้องจะไปยังมหาวิยาลัยแห่งหนึ่งนะคะ และมีโบรชัวร์น้องในวันที่ 13 หมด เรายกเลิกสัญญากันไปแล้ว เป็นเวลา 20 วัน คุณยังใช้โบรชัวร์เราอยู่ โดยมีหลักฐานเยอะกว่านี้อีก นักศึกษาทยอยส่งมาให้จากการที่เราประกาศ เพราะฉะนั้นสิ่งที่แม่คนหนึ่งทำได้ คืองานนี้มันโผล่มาได้ยังไง แล้วรูปก็มีลิขสิทธิ์ เอามาติดบิลบอร์ดได้ยังไง แล้วสัญญาก็หมดไปแล้ว ถูกไหมคะ ยกเลิกไปแล้ว คืนเงินทุกบาททุกสตางค์แล้ว

          ทีนี้พอมันเป็นรูปลิขสิทธิ์ เพราะฉะนั้นคำว่าแอบอ้าง ตามประสาของคนเป็นแม่ แม่ทำเพื่อปกป้องเขานะคะ คือคืนนั้นแม่ไม่รู้ว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะไปที่มหาวิทยาลัยไหน แล้วนักศึกษาจะโดนยึดบัตรประชาชนถ่ายรูปอีกหรือไม่ สิ่งที่แม่ทำในคืนนั้นคือทำยังไงให้นักศึกษารู้ให้เร็วที่สุดว่าใครมายึดบัตรประชาชนอย่านะ ถ้าเห็นเขาเอาหน้าน้องนายไปทำโบรชัวร์แบบนี้อย่าหลงเชื่อนะ แล้วคำว่าแอบอ้างในความหมายของแม่คือ แอบอ้างใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์นะคะ การใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์ที่แม่ได้รับอนุญาต ตอนที่เรายกเลิกสัญญากันแม่เห็นแค่เขาใช้ในเว็บ และเห็นใช้ในโบรชัวร์ของเพจเตือนภัยนักศึกษาเท่านั้น แม่ไม่เห็นงานบิลบอร์ดเลย อยู่ๆ งานบิลบอร์ดโผล่ขึ้นมา มันจี๊ดมาก

          และในขณะนั้นคืนนั้นแม่ก็คิดว่าจะเอาไงดี พรุ่งนี้นักศึกษาจะรู้ให้เร็วที่สุด แม่ก็โพสต์คืนนั้นโดยไม่ได้ปรึกษาใครเลย ใช้สัญชาตญาณของความเป็นแม่ในการปกป้องลูกเรา บอกนักศึกษาว่าเราไม่เกี่ยว เขาแอบอ้าง แม่ไม่รู้ว่าถ้าแม่ไม่ใช้คำว่าแอบอ้างแล้วจะให้ใช้คำว่าอะไร ถูกไหมคะ แม่ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร นึกไม่ออกจริงๆ นอกจากใช้คำนี้ แอบอ้าง แล้วเขาจะเอาคำนี้มาฟ้องแม่นะคะ ทีนี้มาถึงคำที่เขาบอกว่าแม่กล่าวหาในรูปนั้น แม่เขียนว่าสินค้าของเขาราคาแพง

 

 

          แม่จะอธิบายคำว่าสินค้าราคาแพงให้ฟังนะคะ คำว่าสินค้าราคาแพงที่เขียนไปในโพสต์ ขออธิบายว่าเป็นสินค้าที่เกินความจำเป็น เกินปัจจัยสี่ที่มนุษย์จะมีถูกไหมคะ เด็กนักเรียน นักศึกษายังไม่ได้ทำงาน ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง บางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย แต่ถูกให้มาผ่อนสินค้า เราถามเขาคำหนึ่งว่าแล้วถ้าเด็กๆ ไม่มีเงินผ่อนจะเกิดอะไรขึ้นถูกไหมคะ สินค้าราคาแพงของเขาก็คือไม่ได้อยู่ในความจำเป็นปัจจัยสี่ อย่างเช่น กระเป๋าแบรนด์เนม น้องที่ติดต่อพี่บอกว่าเดี๋ยวจะมีกระเป๋าแบรนด์เนมทุกยี่ห้อมาอยู่ในเว็บของเรา มีนาฬิกา มีกล้องถ่ายรูป มันเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย มีทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า น้ำหอม มีสินค้าเหล่านี้หมด ถามว่านักศึกษายังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง บางคนอายุยังไม่ถึง 20 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องมาผ่อนสินค้าถ้าไม่มีเงินผ่อนจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่แม่ทำ แม่ไม่อยากให้มันเกิดการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ว่าคนนั้นมีอันนั้นเราต้องมี พอมีเสร็จก็เกิดปัญหาว่าผ่อนไม่ไหว แล้วมันจะมีปัญหาสังคมเกิดตามมาแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เรากลัวว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เข้าใจคำว่าสินค้าราคาแพงในความหมายของเราแล้วนะ เราไม่ได้ไปบอกว่าของเขาแพงนะคะ เราโพสต์ว่าสินค้าราคาแพง

          ที่เขาบอกเราไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน ขอคิวแล้วไม่ให้ คุณคะ เราทำงานมากี่ปีแล้ว ขอแล้วไม่ให้จริงเหรอ เขาบอกว่าเขาขอคิวเราแล้วเราไม่ให้ เขาจึงไปใช้รูปนี้ ดูหลักฐานการขอคิวไหมคะ คุณแม่คะขอวันที่ 1 มิ.ย. คือเขาขอล่วงหน้ามาแค่อาทิตย์เดียว ระดับน้องนายแล้วมาขอคิวอาทิตย์เดียวมันเต็ม เราก็บอกว่าต้องนัดคิวล่วงหน้านะ เราติดงานจริงๆ เราก็ให้คิวเขาไปแล้วว่า 28-3 เราอยู่เกาหลีนะคะ จะมีคิวว่างในวันที่ 8, 16, 17 พฤษภาคม เลือกเอาเลยค่ะจะใช้วันไหน เขาก็โทรกลับมาถามเราว่าจะเอาวันไหนดี ก็มีการติดต่อคิวนู่นนี่นั่น เขาบอกว่างานอาร์ตเวิร์คยังไม่เสร็จ แล้วเขาก็เริ่มเอางานอาร์ตเวิร์คมาให้ดู งานอาร์ตเวิร์คคืออะไร ก็คือในการทำโฆษณาทุกชิ้น ภาพนิ่งทุกชิ้น เขาทำมาให้เราดู 1 ชิ้น ซึ่งมันเป็นสิทธิ์โดยปกติอยู่แล้วที่ผู้ดูแลศิลปินต้องมีการตรวจสอบว่ามันถูกต้องหรือไม่นะคะ อันนี้ไม่ได้เป็นภาพที่ถ่ายใหม่นะคะ เป็นภาพที่เขาเอามาจากในอินเตอร์เน็ตมาตัดแปะว่างานจะออกมาประมาณนี้นะคะ

          พอเราดูงานอาร์ตเวิร์คชิ้นนี้แล้วเกิดอะไรขึ้น พี่ๆ นักข่าวอยู่ในวงการมานานก็น่าจะรู้ คุณคะ คุณเอาสินค้ามาอยู่ตรงตัวน้องทำไม่ได้นะคะ อีกอย่างน้องเป็นพรีเซ็นเตอร์นาฬิกาด้วยนะคะ แล้วเอานาฬิกามาอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ เราบอกอย่าเอาสินค้ามาอยู่ตรงตัวน้อง เขาไปแก้กลับมาค่ะ คือเอามาอยู่รอบตัวแทน เราก็บอกว่าตายแล้ว คุณไปเอาเอเจนซี่ที่ไหนมาทำงาน ทำไมไม่รู้กฎ กติกา มารยาทของการเป็นพรีเซ็นเตอร์ และเขาก็ถามเรากลับมาว่า เป็นเว็บขายสินค้า แต่ไม่มีสินค้าแล้วจะให้ทำอะไรคะ นี่คือสิ่งที่เราได้รับมานะคะ

 

 

          เราก็สอนเขาด้วยซ้ำและยังเอาตัวอย่างให้เขาดู มีโปรดักชั่นมาขอดูสัญญาเราด้วย เราก็ไม่มีใครให้ดูสัญญากัน คุณจะมาดูทำไม เดี๋ยวเราจะหาตัวอย่างให้ดูนะคะ เว็บขายสินค้าทำยังไง ก็มีพรีเซ็นเตอร์ และหน้าที่ของเราคือโปรโมทแบรนด์ โปรโมทเว็บไซต์เพื่อให้คนรู้จัก เราไม่ได้มาโปรโมทสินค้าแต่ละชิ้น เพราะน้องมีสินค้าจับจองอยู่เกือบหมดทุกแบรนด์แล้วนะคะ อันนี้เป็นอันหนึ่งที่บอกถึงความไม่มืออาชีพเลย อันนี้คือที่เขาโพสต์ทวิตเตอร์ภาพน้องกับนาฬิกา เราก็บอกทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ น้องติดสัญญาพรีเซ็นเตอร์นาฬิกาอยู่ค่ะ คุณจะให้น้องมาขายนาฬิกายี่ห้ออื่น เราจะโดนฟ้องนะคะ เราโปรโมทเว็บไซต์ พูดแล้วพูดอีกว่าเราโปรโมทเว็บไซต์ ไม่ได้โปรโมทขายสินค้าให้เขา

          สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะเป็นที่มาของคำว่าความคิดเห็นไม่ตรงกันในสายตาเขาที่เขากล่าวอ้างเรานะคะ แต่ว่ามันก็คือการปกป้องสิทธิ์ของเรา เป็นสิ่งที่ผู้ดูแลนักแสดงทุกคนต้องทำ ต้องจัดการดูแลสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว ที่นี้แม่บอกเลยว่าเราเลิกสัญญากันไม่ใช่เพราะว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ว่ามันเป็นเพราะหนึ่งมีเพจเตือนภัย ซึ่งอาจจะทำให้ นาย ณภัทร เสื่อมเสียชื่อเสียง สองคุณนำภาพที่มีลิขสิทธิ์ของเราไปทำเป็นโบรชัวร์ ทำเป็นบิลบอร์ด บิลบอร์ดที่น้องๆ ถ่ายภาพมา ระยะเวลามันขึ้นว่ามันที่ 28 พฤษภาคม เรายกเลิกสัญญากันในวันที่ 23 พฤษภาคม เขายังไม่เอาลง ไม่เป็นไรแม่ไม่ว่า เอาแบบแมนๆ ให้เวลา 7 วันในการเอาลง

          ที่ทางโน้นอ้างว่าเขาเอาลง เก็บหมดแล้ว เอาหลักฐานมาค่ะ เราไม่เอาความ ถ้าเขาบอกว่าต้องใช้เวลา 7 วัน เรื่องนั้นแม่ไม่เอาความแต่สิ่งที่แม่เอาความคืออยู่ดีๆ มีบิลบอร์ดที่เป็นภาพลิขสิทธิ์ขึ้นมา โผล่ขึ้นมาได้อย่างไร ถูกไหม ในเมื่อสิ่งที่เขาบอกเราในวันยกเลิกสัญญาเรามีแค่ภาพน้องในเว็บไซต์และโบรชัวร์เราเห็นแค่สองอย่างนี้เท่านั้น บิลบอร์ดแม่ยังไม่เคยเห็น แล้วเป็นคุณคุณตกใจไหมคะ อยู่ๆ วันที่ 13 มิถุนายน 20 วันผ่านไปแล้วเห็นบิลบอร์ดขึ้นมา ถูกไหมคะ แล้วยังเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์ ก็อย่างที่บอกไม่ใช้คำว่าแอบอ้างแล้วให้ใช้คำว่าอะไร

 

 

          ทางนั้นบอกว่าติดต่อพี่หมูไม่ได้ โชคดีที่เรามีหลักฐานทุกอย่าง แม่ก็ไม่เข้าใจนะว่า เป็นผู้บริหารนะทำไมไม่พูดเรื่องจริงออกมา แล้วอย่างนี้เราจะทำให้ทุกคนเชื่อถือ หรือจะทำงานต่อแล้วเชื่อถือเขาได้อย่างไร เขาคุยกับเราเกือบ 1 ชั่วโมง ครั้งแรกคือเขาคุยกับผู้ช่วยแม่ก่อน คุยจนเขาบอกว่าเขาอยากคุยกับเรา เราก็บอกว่าคุยได้นะถ้าเป็นตัวผู้บริหารจริง เราไม่คุยกับฝ่ายการตลาดที่เอาแต่แก้ตัว สิ่งที่แม่จะคุย แม่ขอคุยกับผู้บริหารเพื่อที่เราจะเล่าทุกอย่าง ที่มันเกิดขึ้นให้เขาฟัง หวังว่าเขาจะไปแก้ไข ในองค์กรของเขาให้เรียบร้อย เราจึงไปถามหาตัวตนของเขา (มิสเตอร์ จอห์นสัน วู รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทย ฟินเทค) พอได้เบอร์โทรศัพท์ก็ติดต่อกัน คุยกัน 1 ชั่วโมง เราคิดว่าเราใจดีกับเขา ปรารถนาดีกับเขา มองเขาว่าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่อยากทำธุรกิจประสบความสำเร็จแต่ว่ามีเหตุล้มเหลวเกิดขึ้นในองค์กร เพราะฉะนั้นสิ่งที่แม่จะบอกเขาก็คือ บอกให้เขาหาทางแก้ไข เพราะรูปน้องยังถูกใช้อยู่ในมหาวิทยาลัยเขารู้หรือเปล่า

          เราคุยและเล่าทุกอย่างให้เขาฟังหมด หารู้ไม่ว่าสิ่งที่แม่คุยไปทั้งหมด แม่เพลี่ยงพล้ำ กลายเป็นสิ่งที่แม่เล่า กลับมาทำร้ายแม่ ตายแล้วความปรารถนาดีของเรา เราใจดีกับคุณมากี่ครั้ง คุณไม่เห็นคุณค่าของมันเลย คุณกลับมาแถลงข่าวแทนที่จะขอโทษเรา กลับมาโยนของเสียให้เรา ให้ประชาชนเข้าใจผิดอีก ถามว่าของคนของเราคุยกับคุณ จอห์นสัน วู วันที่คุยกันเราบอกว่า จอห์นสัน เราถามจริงๆ นอกจากโบรชัวร์น้องนาย แล้วบริษัทคุณได้ผลิตโบรชัวร์ใหม่มาหรือยัง เขาเงียบไป แล้วหลังจากนั้นเขามาบอกกับคนของเราว่าโบรชัวร์ใหม่ผลิตแล้วในวันรุ่งขึ้น และส่งมาเป็นงานอาร์ตเวิร์คเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคุณจอห์นสันได้คุยกับเรา ทำไมถึงพูดมาได้ว่าไม่มีการคุยกัน

และสิ่งที่เราขอกับทางคุณจอห์นสันคือขอการแก้ไขมาให้เราดู สิ่งที่เราขอเขาไป 3 ข้อ ขอในสิ่งที่จะแก้ไขปัญหาครั้งนี้ แม่ขอไว้ชัดเจนมาคือ หนึ่งเราขอค่าเสียหายคือค่าปรับในการนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต 3 ล้านบาท สองขอแพลนตารางงาน ว่าแต่ละสัปดาห์คุณไปที่มหาวิทยาลัยไหนบ้าง เพื่อที่เราจะเช็คได้และแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าคุณจะไม่ใช่รูปน้อง ข้อสามก็คือออกหนังสือแถลงการณ์ขอโทษและรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น

          คุณจอห์นสันตอบกลับมา หลังจากที่เราคุยกับคุณจอห์นสันเสร็จแล้ว คุณจอห์นสันบอกว่าจะขอคุยกับเรา เราบอกว่าคุยได้ แต่เขาจะเอาทนายความมาด้วย ในตอนนั้นเรายังไม่มีทนายเจมส์เข้ามา เรามีแต่ผู้ช่วย เราบอกว่าถ้าเอาทนายมาคุยจะไม่จบนะ เจตนาของเราคืออยากให้คุณปรับปรุงองค์กร คุณอาจจะโดนลูกน้องใส่อะไรเราไม่รู้หรอก เขาดึงดันจะเอาทนายความมาคุยและจะมีประธาน รองประธาน ผู้ช่วยประมาณ 7-8 คนมาคุย แต่ฝ่ายเรามีอยู่แค่สองคน แล้วจะคุยยังไง ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องหาทนาย เขามีทนายมาแล้วเราไปคุยถ้าเราเพลี่ยงพล้ำบอกอะไรเขาไปอีก คุยกับทนายมันก็น่ากลัว เราก็เลยแต่งตั้งทนายเจมส์ให้ไปดำเนินการคุยต่อทั้งหมด

          เราก็คาดหวังว่าจะมีการแถลงข่าวขอโทษ แต่ว่ามันไม่มีการขอโทษ แถมยังพูดพลิกไปหมด ผิดไปหมด จะบอกว่าข้อเสนอที่เราเสนอไป 3 ข้อ เขาตกลงมาสองข้อ คือยอมจ่ายค่าเสียหาย สองคือยอมที่จะรับผิดขอโทษ แต่เราถามว่าแล้วทำไมข้อที่สองที่เราขอให้แสดงเจตนาบริสุทธิ์ที่จะไม่ใช้รูปน้องอีก ทำไมถึงทำไม่ได้ แล้วก็ไม่มีมาตรการอะไรที่จะทำ นั่นแสดงว่าคุณจะเอาไปใช้อีกใช่ไหม เรากลัวว่าจะเอาใช้อีก เราไม่เข้าใจแล้วเขาก็ไม่ให้เหตุผลมาด้วย นั่นก็คือแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์แล้ว ต่อให้จ่ายเงินให้เรามากี่สิบล้านเพื่อเรื่องค่าเสียหายแล้วยังเอารูปน้องไปใช้อีก เราไม่ยอม

 

 

          หลักฐานที่เอามาให้ดู เรายังมีอีกหลายเท่าตัวอยู่ที่บ้าน นั่งเลือกหลักฐานแทบไม่ถูกว่าจะเอาอันไหน ก็เอาหลักฐานตามที่เขากล่าวหามาอ้างอิงทั้งหมดว่ามันไม่จริงเลยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าจะเป็นคดีฟ้องแพ่งและอาญา บอกเลยว่าแม่มีหลักฐานเยอะกว่านี้ ลองคิดดูแม่โพสต์ว่าใครมีหลักฐานให้ส่งเข้ามา ประเด็นที่เขาบอกว่าจะไปเอาผิดนักศึกษาคนนี้คืออะไร ลองคิดดูให้ลึกๆ ว่าเป็นการขู่เด็กๆ ที่จะโพสต์ภาพและส่งหลักฐานมาให้แม่ ขู่ว่าจะไม่ให้ใครส่งหลักฐานมาให้แม่อีก แต่มันสายไปซะแล้วเพราะเขาส่งมาหมดแล้ว

ตอนนี้ก็เก็บมาได้หลายมหาวิทยาลัยแล้ว เรื่องการฟ้องกลับ เอาจริงๆ เราคนไทยเนอะ นิสัยคนไทยทำผิดแล้วยอมรับผิดเรื่องมันก็จบ ขอโทษแล้วหาทางแก้ไข ทำให้เราสบายใจ เรื่องมันก็ไม่มีอะไร แล้วธุรกิจเขาก็ดำเนินต่อไปได้ แต่พอมาเป็นแบบนี้แม่ไม่ฟ้องไม่อยากมีเรื่อง อยู่วงการมาทั้งชีวิตต้องมานั่งแถลงข่าว เราไม่อยากมีเรื่องให้มันเสียสมาธิ เสียความสวยของเราไป มันเครียด เราก็ไม่ได้อยากมีคดีติดตัว ถ้าจะมีคดีเกิดขึ้นจริงเราคิดว่าเราถูกต้อง หลักฐานเราครบหมด แม่ว่าเขาน่าจะเสียเปรียบนะคะ ส่วนเรื่องไกล่เกลี่ย เขายอมแล้ว 2 ข้อ แต่อีกข้อหนึ่งที่เขาไม่ยอมคือ เขาไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่ใช้รูปน้องอีก คือเขาจะใช้วิธีไหนก็ได้ คือแสดงมาหน่อย

          ตอนนี้สภาพจิตใจน้องนายชิลค่ะ แต่สำหรับคุณแม่มันกวนใจค่ะ อยู่ๆ ก็มาให้ข่าว อย่างเมื่อวานที่เขาแถลงแม่ก็ดูด้วยความมึนงงว่ามันมีแบบนี้เกิดขึ้นได้ด้วยเหรอ หลักฐานทุกอย่างแม่ก็มี มีการบอกเลิกสัญญาเพราะอะไร ไม่ได้พูดความจริงหมดเลย ไม่เข้าใจเหมือนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นกลัวกระทบกับงานของน้องไหม ไม่กังวล ไม่กระทบ เพราะคนไทยเราเข้าใจกันดี เขาอาจจะเป็นชาวต่างชาติที่ไม่รู้วิธีการ ในเรื่องของการทำงาน แม่มั่นใจว่าเราทำงานมืออาชีพ หลายๆ แบรนด์ที่ร่วมงานก็รู้ว่าเรามืออาชีพจริงๆ

          อยากให้เรื่องจบยังไง ทำยังไงก็ได้ให้เราสบายใจว่าคุณจะไม่ใช้รูปน้องแล้วจริงๆ อย่าโกหกเรา อย่าพลิกไปพลิกมาแค่นั้นเอง เราคนไทยผิดก็ขอโทษ ผิดก็ยอมรับผิด ไม่ใช่โทษนู่นนี่ โยนไปโยนมา”

 

 

ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม @pimpaka


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"