ว่าด้วย...การออกจากวัตถุนิยม (9)


เพิ่มเพื่อน    

(1)

        หมดเรื่อง หมูป่าอะคาเดมี ไปแล้วแบบแฮปปี้เอนดิ้ง...อาทิตย์นี้ เลยคงต้องมา เทศน์ กันต่อ จากสัปดาห์ที่แล้วที่ว่ามาถึงช่วงที่บรรดาพวก พระแห่งวงการวิทยาศาสตร์ หรือพวกที่มีอำนาจ อิทธิพล ในแวดวงวิทยาศาสตร์ที่พยายามจัดตั้ง ศาลวิทยาศาสตร์ ในนามองค์กรต่างๆ ชนิดแทบไม่ต่างจาก ศาลศาสนา ของพวกพระชาวคริสต์ยุคก่อนๆ เพื่อ ไล่ล่าแม่มด ในแวดวงวิทยาศาสตร์ หรือเพื่อไม่ให้ฝ่าย จิตวิญญาณ มีโอกาสฟื้นตัวกลับมา หลังถูก ปล่อยหมัดตาย ล้มคว่ำความเชื่อดั้งเดิมของชาวยุโรปและชาวโลกลงไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว...

(2)

        แต่ความพยายามเหล่านี้...แม้ดูประสบความสำเร็จอยู่บ้างในช่วงแรกๆ บรรดานักวิทยาศาสตร์ที่หันสนใจในเรื่อง จิต เรื่อง วิญญาณ ถูกจับไป ทรมาน ไป เผาไฟ กันเป็นจำนวนไม่น้อย แต่สุดท้าย...ด้วยเหตุที่สิ่งที่เรียกว่า จิต ว่า วิญญาณ นั้น มันเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่รู้??? แฝงฝังเอาไว้ในหมู่มวลมนุษย์นับตั้งแต่ลุกขึ้นมายืน 2 ขา ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว โอกาสที่จะไปขจัด ลบล้าง ให้มันหายเกลี้ยงไปเฉยๆ ออกจะเป็นอะไรที่ยากเย็นแสนเข็ญเอามากๆ ประกอบกับการหันมาใช้วิทยาศาสตร์สร้าง ความเจริญเติบโตทางวัตถุ โดยไม่คิดจะ พัฒนาทางจิต กันบ้างเลย จึงส่งผลให้สังคมแต่ละสังคมเต็มไปด้วย ปัญหา เต็มไปด้วยแรงกดดันต่างๆ นานา จนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 สงครามเย็น สงครามกับการก่อการร้าย ฯลฯ มาโดยตลอด...

(3)

        ภายใต้ แรงกดดัน เช่นนี้นี่เอง...ทำให้เรื่องของ จิต ของ วิญญาณ กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนหันไปโหยหา เรียกร้อง ต้องการ มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และในจำนวนนั้น ก็เต็มไปด้วย นักวิทยาศาสตร์ เป็นจำนวนไม่น้อย นักวิทยาศาสตร์อย่าง เดวิด โบห์ม (David Joseph Bohm) ที่ไม่น่าเบี่ยงเบนมาในแนวนี้ได้เลย เพราะถือเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าในแวดวงวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องระดับไม่ต่างไปจาก อัจฉริยะ ขณะที่ยังไม่จบชั้นปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ถึงขั้นพวกนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังค้นคิดประดิษฐ์ ระเบิดปรมาณู เคยคิดคว้าตัวเอามาร่วมงาน แถมยังเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานใกล้ชิดกับอภิมหานักวิทยาศาสตร์แห่งยุคอย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซะอีกด้วย แต่จู่ๆ กลับนำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในด้านฟิสิกส์ควอนตัม ไปใช้เป็นตัวอธิบายถึงสิ่งที่เรียกว่า จิต ในรูปของ ข้อมูลควอนตัม (quantum information) หรือในลักษณะกลไกทำงานของอนุภาคระดับควอนตัม (quantum mechanics) ที่สามารถไหลออกมาจากร่างกาย หลังจากที่ สมอง ได้หยุดทำงานไปแล้ว หรือหลังจาก ร่างกาย ได้ตายไปแล้ว แถมยังสามารถเชื่อมโยงกับพลังงานภายนอก ในแบบที่เรียกๆ กันว่า quantum interconnectedness ได้อีกด้วย!!!

(4)

        และก็ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า อย่าง เดวิด โบห์ม รายเดียวเท่านั้น...ที่ออกอาการ เพี้ยน ไปจากแนวคิดของพวก วัตถุนิยม ทั้งหลาย นักวิทยาศาสตร์ดังๆ อย่างเช่น อิลยา พริโกยีน (Ilya Prigogine) นักฟิสิก์เคมี ผู้เคยคว้ารางวัลโนเบล ไพรซ์ มาแล้ว ก็ยังออกอาการในลักษณะไม่ต่างไปจากกัน คือถึงขั้นประกาศการค้นพบ ทฤษฎี ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า...ในธรรมชาตินั้นมี กลไก บางอย่างที่ช่วยสร้าง ดุลยภาพ ในการเปลี่ยนแปลงสสารและพลังงาน (Thermodynamic Equilibrium) ชนิดไม่ต่างอะไรไปจาก พระเจ้า ทำนองนั้น เจมส์ อี.เลิฟล็อก (James Ephraim Lovelock) นักชีวเคมีและนักประดิษฐ์จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ที่เคยได้รับมอบหมายจากองค์การนาซา ให้สำรวจความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร ที่เชื่อว่าโลกโลกนี้...เอาไป-เอามาแล้ว ไม่ใช่เป็นแค่องค์ประกอบของ วัตถุสสาร แต่มี ความมีชีวิต สอดแทรกอยู่ในกายภาพต่างๆ จนนำไปสู่การประดิษฐ์ คิดค้น ทฤษฎี ที่เรียกว่า ทฤษฎีกายา (Gaia Hypothesis) ขึ้นมาท้าทายพวกวัตถุนิยมชนิดเถียงไม่ออกจนตราบเท่าทุกวันนี้....

(5)

        ยังมีนักวิทยาศาสตร์ดังๆ อีกเยอะแยะมากมาย...ที่พยายามอาศัยคำตอบ คำอธิบาย ทางวิทยาศาสตร์เองนั่นแหละ นำพาผู้คนออกมาจาก ความงมงายทางวิทยาศาสตร์ หรือจาก แนวคิดวัตถุนิยม กันอีกเป็นสายๆ ไม่ว่า รูเพิร์ต เชลเดร็ก (Rupert Sheldrake) นักชีวเคมีจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ที่พยายามอธิบายถึงสิ่งที่เรียกว่า สนามพลังในการก่อรูปชีวิต หรือ Morphogenetic filed อันเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสี มีกลิ่น มีรส ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง 5 แต่กลับมีบทบาทในการก่อให้เกิดรูปร่าง รูปทรง พฤติกรรม และแม้แต่อุปนิสัยของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด แต่ละราย ฟรานซิสโก วาเรลา (Francisco Varela) และ ฮัมเบอร์โต มาตูรานา (Humberto Maturana) 2 นักชีวเคมีชาวชิลี ที่พยายามอธิบายถึง ความมีชีวิต ที่มีมาก่อนหน้าที่ วัตถุ หรือ สารเคมี จะรวมตัวกันเป็น เซลล์แรก ของสิ่งมีชีวิต จนกลายเป็น ทฤษฎี ที่โด่งดัง และเป็นที่รับรู้กันในนาม ทฤษฎีการรับรู้ซานติอาโก (Santiago Theory of Cognition) ฟริตจอฟ คาปรา (Fritjof Capra) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน-ออสเตรีย ผู้เขียนหนังสือเรื่อง เต๋าแห่งฟิสิกส์ (The Tao of Physics) ฯลฯ...เป็นต้น...

(6)

        แต่ที่ลึกลงไปในรายละเอียด...ก็ไม่น่าจะมีอะไรชัดเจนยิ่งไปกว่าพวกนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาในเรื่องความรู้สึก หรือเรื่อง สมอง โดยตรง เช่น บรรดา นักประสาทวิทยา ทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งถึงแทบจะไม่น่าเชื่อ แต่ก็คงต้องเชื่อนั่นแหละว่า เมื่อไม่กี่ปีมานี้นี่เอง หรือช่วงปี ค.ศ.2014 ด้วยการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ของบรรดานักประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ได้นำไปสู่ ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ ที่ออกจะชัดเจนชนิดแทบเถียงไม่ได้ว่า...วิญญาณมีจริง!!! ส่วนจะมีรายละเอียดยังไงนั้น อดใจไว้รออาทิตย์หน้า ค่อยเอาข้อพิสูจน์ หลักฐาน มาแสดงให้เห็นกันแบบจะจะ...


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"