'เมย์'เจ็บจนอยากตาย ฝันร้ายจากศัลยกรรมเกาหลี!


เพิ่มเพื่อน    

 

          ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าอดีตนักร้องสาวอาร์เอสคนหนึ่งได้ถูกพิษศัลยกรรมจนเกือบตายนั้น ล่าสุด เมย์-จีระนันท์ กิจประสาน เจ้าของเรื่องราวดังกล่าวก็ได้ออกมาเล่าถึงฝันร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นจากการทำศัลยกรรมหน้าอกที่เกาหลีผ่านเอเจนท์ไทยคนหนึ่ง จนติดเชื้อในกระแสเลือด มีอาการปางตาย ผ่าน รายการโหนกระแส พร้อมคุณแม่ และ ทนายวันชัย
          "ตอนนี้เมย์ขายเสื้อผ้าและเป็นนางแบบรีวิวด้วยตัวเอง อายุเมย์ 34 แล้ว แต่รูปร่างเหมือนเด็ก กลุ่มลูกค้าก็อายุเท่าเมย์ มีปัญหาเวลาใส่เสื้อผ้าดูเหมือนเด็กทุกอย่างเลย เลยอยากไปเสริม ขนาดที่เมย์เสริมแค่ 330 - 250 พอให้เป็นธรรมชาติที่สุด ที่ตัดสินใจทำที่เกาหลีเพราะเมย์อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เมย์อยากเลือกโรงพยาบาลที่ทำออกมาแล้วสวยที่สุด ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด เอเจนท์ที่ดูแลดีที่สุด ตอนนั้นที่รีวิวทุกคนบอกว่าต้องที่เกาหลีเท่านั้น
          รู้จักเอเจนท์นี้จากเฟซบุ๊กเพจของเอเจนท์คนนี้ พอเข้าไปดูเราเห็นมีรีวิว ดารา เซเลป ไฮโซ เน็ตไอดอล คนธรรมดา ที่ทำแล้วเปลี่ยนไป ในยูทูปก็มีรีวิว ซึ่งค่าตั๋วเครื่องบินเมย์ออกเอง เขาให้จำนวนวันจำไม่ได้ แต่อยู่ก่อนเข้าผ่าตัด 2 วัน ซึ่งเมย์จ่ายเองไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน 8 แสนกว่าบาท แต่เมย์ไม่ได้ทำอย่างเดียว มีทำตา หน้าอก เมย์ไม่ได้เลือกคุณหมอ ทางเอเจนท์เป็นคนเลือกให้ ซึ่งเมย์ขอให้เป็นคุณหมอมือหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจริงๆอาจเป็นความเข้าใจผิด เพราะตอนที่เมย์ไปปรึกษาเขาครั้งแรก เป็นเอเจนท์เดียวที่เมย์ปรึกษา เป็นโรงพยาบาลเดียวที่เมย์เข้าไปปรึกษากับคุณหมอและมีการวางเงินมัดจำทันทีในวันนั้นเลย เมย์กลับเมืองไทยมาก็มีกำหนดวันผ่าแล้ว
          เมย์กลับมาคุยกับคุณหมอรักษาผิวพรรณ เล่าให้เขาฟังว่าเมย์จะไปทำศัลยกรรมนะ ช่วยดูเรื่องยาสิวต้องดูเรื่องยาที่เขาห้าม พอคุยกันไป คุณหมอท่านนี้ก็เคยทำที่นี่ เขาบอกว่าผลออกมาเขาไม่พอใจ ของเขาไม่ดีนะ แต่เราอ้าว วางมัดจำไปแล้ว เขาทำตาแล้วออกมาเหมือนไม่ได้ทำ เขาบอกว่าเน็ตไอดอลคนนึงที่ดังมากไปทำที่นี่และมีรีวิว เมย์ไปดูรีวิวก็ไม่เห็น เน็ตไอดอลคนนี้เป็นเพื่อนเมย์ เมย์ก็วิดีโอคอลเขาก็เปิดหน้าอกให้ดูเลย เพื่อนเมย์มีปัญหาทำหน้าอกที่เมืองไทยแล้วไปแก้ที่นั่น แล้วเขาก็บอกวาเขาโอเค เขาก็แฮปปี้ดี แต่จำหมอที่ทำให้ไม้ได้ เขาบอกว่าใส่แว่นหน้าตาหล่อๆ พอกลับไปเกาหลี ได้รับแจ้งจากเอเจนท์ว่าเป็นคุณหมอทานนี้ ก็เช็คไปทางเพื่อนคนนี้ เขาก็บอกว่าเป็นคนเดียวกัน เขาก็บอกว่าโอเคนะ เพราะนมเขามีปัญหาเยอะมาก เขาก็แก้ให้ได้

 

 

          ในวันคอนเซาท์ครั้งแรกที่มีการวางเงินมัดจำ คุณหมอพยายามโน้มน้าว ซึ่งไม่ใช่คนผ่านะคะ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เมย์ก็งงทำไมเราต้องคอนเซาท์กับคนที่ไม่ใช่คนทำให้เรา ดูเขาหงุดหงิดแต่ให้เหตุผลว่าการผ่าตัดใต้ราวนม เขาไม่อยากให้เราเสียเลือดเนื้อ ค่าใช้จ่ายประหยัดกว่า แต่เมย์มีความเชื่ออย่างหนึ่งเพราะเพื่อนเคยไปทำมาแล้วมันมีคีรอยอยู่ใต้ราวนม เป็นแผลสีดำยาวมาก แล้วมันเป็นการทำศัลยกรรมครั้งแรกของเมย์ เมย์ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเป็นคีรอยหรือเปล่า เลยเลือกทำที่รักแร้ ถ้ามีแผลก็ให้มันอยู่ตรงนั้น สรุปทางเอเจนท์บอกว่าอย่าไปตามใจหมอ เมย์ก็เอะใจว่ามีอะไรทำไม่ได้หรือเปล่า ผิดปกติหรือเปล่า เขาบอกว่าเขาทำให้ได้หมด คุณแม่ไปด้วยตลอด
          จริงๆ สายระบายเลือดต้องมีอยู่ประมาณ 7 วันแล้วบอกเรา แต่พอครบกำหนด 7 วันเขาบอกว่ายังไม่ถอดสายระบายเลือดให้ ให้เมย์หิ้วถุงเลือดกลับไทยด้วย เขาก็ให้คุณแม่เป็นคนเทเลือดด้วยตัวเองทุกวัน ผ่าปุ๊บอยู่ที่นั่นสองวัน แล้วขออยู่เพิ่มอีกวันเพราะเจ็บมาก วันที่ 4 5 6 พักอยู่โรงแรมข้างๆที่เขาเซอร์วิสให้ พอวันที่ 7 ต้องถอด แต่ถอดไม่ได้ เราก็ถามเพราะเลือดออกมากผิดปกติทุกวัน แต่คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไร เขาบอกว่าจะมาถอดสายระบายเลือดให้ด้วยตัวเองที่คลินิกซึ่งเป็นสาขาโรงพยาบาลเขาในเมืองไทย เมย์เลยเบาใจ ถ้านับจากเมย์ถือสายนี้ก็ 2 สัปดาห์ เราไม่เคยรู้เลยว่านี่คือสิ่งผิดปกติ คุณแม่ยังจดเอาไว้ว่าเลือดออกเท่าไหร่ทุกวัน ต้องเทออกทุก 5 โมงเย็น
          มารู้สึกไม่ปกติตอนเราเจ็บแสบในหน้าอก คล้ายๆมีน้ำกรดไหลซ่านไปทั่ว เราก็ถามว่าทำไมเราเจ็บมากเลย คุณหมอบอว่าเป็นอาการปกติของคนทำศัลยกรรมหน้าอก พอกลับเมืองไทยถอดสายระบายเลือดซึ่งคุณหมอเป็นคนถอดให้ด้วยตัวเองที่คลินิกที่เมืองไทยก็ทรุดเลย หลังจากนั้น เหมือนยาเมย์ที่ได้ทานจากเกาหลีหมด ครบโดสพอดีด้วย ตอนปวดแสบปวดร้อน เขาส่งกลับมาเมืองไทยเลยค่ะ เขาบอกว่าหลังจากนั้นจะค่อยๆดีขึ้น เมย์ได้รับยาฉีดเข้าเส้นเลือดทานด้วย มันก็ทุเลาลง ไม่ได้เจ็บแสบมากเหมือนตอนถอดสายระบายเลือด พอถอดแล้วทรุดหนักเลยค่ะ ถามว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เขาก็ถามว่าเรามีแพลนอยู่หรือกลับเลย เขาบอกว่าเรากลับได้เราก็กลับ ถ้ารู้ว่าผิดปกติอะไรเมย์ไม่มีวันกลับอยู่แล้ว ต้องอยู่ให้เขารักษาก่อน

 

 

          เขาออกใบรับรองแพทย์ให้ไปยื่นกับสายการบินและตม.ค่ะ เมย์ขอรถเข็นทั้งที่สนามบินไทยและเกาหลี ขึ้นเครื่องถุงนี้ก็โป่งตามความดัน เหมือนจะแตก เราก็ตกใจ เมย์เดินไม่ได้เลย ต้องใช้รถเข็น แต่สายการบินก็ให้ขึ้นมา อาการแย่ตั้งแต่อยู่เกาหลี เมย์เดินไม่ได้ ทางเอเจนท์บอกว่าหลังวันที่  3 4 5 ตัวเขาหรือลูกค้าไปเดินช้อปปิ้งแล้ว แต่อันนี้ไม่ใช่เมย์เดินไปไหนไม่ได้ พอลงเครื่องที่เมืองไทยเขาให้ไปถอดถุงระบายเลือด พอถอดแล้วทรุดเลย มีไข้สูงทุกวัน อาการปวดแสบปวดร้อนใต้ราวนมหนักมาก นอนเป็นผักบนเตียงคุณแม่แตะแขนไม่ได้เพราะสะดุ้ง มันไหลซ่านไปทั่ว จะลุกไปห้องน้ำก็ต้องอั้นจนกว่าจะไม่ไหว คุณแม่ต้องมาประคอง สาหัสมากเหมือนเนื้อจะฉีกข้างใน
          หลังจากนั้นคุณแม่รายงานทุกวันส่งไปทางเอเจนท์ เขาให้มาฉีดยาที่คลินิกของเขาที่ย่านทองหล่อทุกวัน พอได้ยาก็ดีขึ้น แต่พอกลับบ้านตกดึกก็ปวด ไข้ขึ้นสูงอีก วันที่ 4-8 มีคำสั่งจากคุณหมอท่านนี้ให้เมย์ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โรงพยาบาลไหนก็ได้ สั่งผ่านคลินิกนี้ให้ตรวจค่า CBC และค่าความสมบูรณ์ของตับ ซึ่งทางโรงพยาบาลก็เรียกเข้าพบเลย เพราะผลมันผิดปกติ ตับอักเสบ เม็ดเลือดขาวในเลือดสูงมาก พอรู้ว่ามีการทำหน้าอกมา เขาก็บอกเลยว่าน่าจะมีการติดเชื้อจากการทำศัลยกรรม ให้รีบกลับไปพบคุณหมอโดยเร็วที่สุด แต่คุณหมอและทางคลินิกนั้นเขาบอกว่าไม่ได้ติดเชื้อ ค่าเม็ดเลือดขาวที่สูงมากไม่ได้สูงเกินปกติของคนทำศัลยกรรม

 

 

          หลังจากเมย์เชื่อเขาอีกครั้งนึงเรื่องตับอักเสบเขาก็เปลี่ยนยาให้ และฉีดยาให้เมย์ทุกวัน เราก็เชื่อมั่นในตัวคุณหมอ เขาบอกว่าของเมย์ไม่ได้สูงมาก ไปฉีดยาอีกก็มีความหวังทุกวันว่าจะหายแต่อาการไม่ดีขึ้น จนวันที่ 17 อาการเมย์หนักมาก ไข้ขึ้นสูงถึง 40 กว่า ตัวเมย์เปียกไปด้วยน้ำ เหมือนใครเอาน้ำมาราด นมเหมือนจะแตก ข้างในร้อนระอุมาก ก็รีบรายงานไปที่เอเจนท์ให้ไปรายงานคุณหมอ ทีนี้รุ่งเช้าหนองทะลักออกมาทั้งสองข้างที่รักแร้เป็นน้ำพุเลย เปียกเต็มหมอน เมย์สภาพคล้ายศพ ผอมดำเป็นซี่โครง เขาให้รีบกลับไปคลินิก คุณหมอที่คลินิกสาขาก็บีบหนองออกให้ คุณแม่ก็ติดต่อเอเจนท์และคุณหมอท่านนี้ เขาก็ให้เมย์ไปที่เกาหลีคืนนั้น ให้กลับไปรักษา เราก็จะไปคืนนั้นเลย ซื้อตั๋วเครื่องบินเลย ตอนนั้นเมย์ไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ วิ่งวุ่นกันไปหมด เมย์ก็ไม่มีแรงจะพูด จนคุณหมออีกท่านนึงซึ่งเป็นหมอศัลยกรรมคลินิกนั้นก็พรวดพราดเข้ามาจับชีพจรและบอกว่าเมย์คงไปไม่ได้ เพราะมีโอกาสช็อกเสียชีวิตบนเครื่อง ผมไม่ให้คุณไป คุณต้องเอาซิลิโคนออกทันที แค่จากทองหล่อไปพระราม 2 ยังไกลกับคุณเลย เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกความจริงกับเมย์
          เขาก็ไปเช่าห้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลย่านพระราม 2 เอาซิลิโคนออก เข้าไอซียู ผ่าตัดอีก 3 ครั้ง สองครั้งที่นั่นเอาหนองออก คือโคม่าอยู่ตลอด มีอาการแทรกซ้อน เป็นเชื้อที่รุนแรงมาก ส่วนใหญ่พบได้ที่สถานพยาบาลและดื้อยามาก ส่วนติดที่ไหนต้องถามทางโรงพยาบาลค่ะ ตรงนี้เป็นข้อสงสัยเหมือนกันว่าที่ไหนกันแน่ คุณหมอไม่ได้บอกแม่ว่าแบบนี้อาจไม่มีชีวิตรอด แม่มาทราบเอง เขาพูดกันภายในว่ามีโอกาสตายมากว่าโอกาสรอด ตอนนั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ ร้อนจนแทบอยู่ไมได้ ในการผ่าตัดทุกครั้งเมย์เจ็บทรมาน ถามว่าสู้ไหม เมย์รู้สึกว่าเมย์ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว แต่เวลาเมย์เห็นหน้าแม่ที่มาส่งเมย์ที่หน้าห้องผ่าตัดทุกครั้ง เมย์รู้เลยว่าเมย์ต้องสู้ เพราะเมย์มีแม่คนเดียวที่อยู่กับเมย์ ถ้าเมย์เป็นอะไรไป ไม่รู้คุณแม่จะมีชีวิตอยู่ยังไง คุณแม่ช็อกตอนเมย์อยู่ไอซียู 4 วัน แม่ไม่ได้ไปไหนเลย ไม่ได้ทานข้าว
          สุดท้ายเรามีอาการแทรกซ้อน คุณหมอท่านนี้ท่านบอกว่าทำเต็มที่ที่สุดแล้ว เขาให้ยาที่ดีที่สุดในโลกนี้กับเมย์ ถ้าจะย้ายก็ย้ายได้เลย คุณแม่ไม่เชื่ออีกแล้ว ก็ย้ายไปบำรุงราษฎร์ทันที โชคดีมากได้ทีมแพทย์ระดมถึง 4 ท่านผ่าตัดเป็นครั้งที่สาม หมอบอกว่าอยากให้โล่เลยเพราะเชื้อตัวนี้มันดื้อยามาก แล้วเมย์อยู่กับมันเป็นเวลานาน มีโอกาสตายมากกว่ารอด

 

 

          ล่าสุดที่ทางเอเจนท์ออกมาพูดว่าเมย์ไปถึงก็รีเควสเป็นหมอท่านนี้เลย ไม่จริงค่ะ การทำของเขาเป็นเพียงเพื่อบรรเทาความเสียหายและให้มีหลักฐานที่เขาจะพูดได้ว่าเขาได้ดูแลแล้ว แต่เขามีการเททิ้งเป็นระยะๆ มีการปฏิเสธและขาดการติดต่อกับเมย์ ที่เขาตอบกลับมาว่าจะคืนเงินทำหน้าอกให้สี่แสนสี่หมื่นหนึ่งพันบาท ค่าเสียโอกาสในการทำงานให้อีกหนึ่งล้านสองแสนบาท จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้ง 2 โรงพยาบาลในไทย รวม 1 ล้าน 4 แสนกว่าบาทนั้น จริงๆที่เมย์เรียกไป เป็นในส่วนข้อสองค่ะ เพราะตอนนั้นสภาพเมย์เหมือนคนทุพลภาพ เกิดขึ้นตอนเมย์อยู่โรงพยาบาลที่บำรุงราษฎร์ ส่วนตอนนี้จะสามารถให้นมลูกได้ไหม ยังไม่ทราบค่ะ ต้องดูตอนมีลูก ตอนนี้หน้าอกชา ไม่มีความรู้สึก"


          ด้าน คุณแม่ ของอดีตนักร้องสาว ได้เผยถึงตอนที่ลูกสาวมีอาการผิดปกติว่าตนเห็นลูกทุรุนทุราย ตนไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่ในสภาพนั้นมานาน แต่ตนก็เชื่อหมอ พาลูกไปฉีดยาทุกวัน ถ้าลูกเป็นอะไรตนจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย เพราะเราต้องตัดสินใจตอนนั้นแล้ว ไม่ควรจะเชื่อเขาแล้ว พร้อมยอมรับว่าครั้งนี้ตนได้เรียกค่าเสียหาย 60 ล้านจริง


          ในส่วนของ "อ.วันชัย" ทนายความของฝั่งอดีตนักร้องสาวได้เผยถึงเรื่องของการเรียกร้องค่าเสียหายว่า "ผมคิดว่าเรื่องเรียกร้องเป็นปกติเพราะได้รับผลกระทบ เวลาคนจะเป็นจะตาย สิ่งสำคัญที่สุดคือนม ผู้หญิงไม่มีนมคุณจะแต่งงานกับเขาไหม เขาไม่สามารถให้นมลูกได้ นมเป็นอวัยวะสำคัญที่สุดกับผู้หญิงคนนึง และเท่าที่ดูเธอบอกว่าสภาพการรับรู้ด้านข้างของเธอเสียไปหมด
          ผมมองว่าเรื่องเงินกี่ล้านกับความเป็นผู้หญิง ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ การเรียกร้องเป็นเรื่องปกติ การต่อรองเยียวยาต้องพึงกระทำ แต่ไม่ได้มากล่าวหาว่าเรียกร้องมากเกินไป ใครผิดใครถูกเป็นเรื่องกระบวนการ ซึ่งทางผมกำลังดำเนินการอยู่ ที่ฝั่งโน้นบอกว่าเขาไม่ให้ 60 ล้าน เขาจ่ายให้ไม่ได้นั้น คนตัดสินคือศาล"

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินเตอร์เน็ต

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"