ตำรวจสวีเดนกำลังเร่งตามล่าตัวโจรแสบที่ปฏิบัติการอุกอาจ บุกขโมยเครื่องราชกกุธภัณฑ์ล้ำค่าสมัยศตวรรษที่ 17 ของกษัตริย์และราชินีแห่งสวีเดน ออกไปจากมหาวิหารขึ้นเรือยนต์หนีไปได้กลางวันแสกๆ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ภาพจากสำนักงานตำรวจสวีเดน เครื่องราชกกุธภัณฑ์ ที่รวมถึงมงกุฎทองคำสมัยศตวรรษที่ 17 ซึ่งโดนโจรกรรมไปเมื่อวันอังคาร / SWEDISH POLICE / AFP

    เอเอฟพีและบีบีซีรายงานเมื่อวันพุธที่ 1 สิงหาคม 2561 อ้างคำกล่าวของสเตฟาน ดังการ์ดต์  โฆษกตำรวจสวีเดนว่า สวีเดนและอินเตอร์โพลกำลังตามล่าโจรกลุ่มนี้ซึ่งยังระบุตัวไม่ได้ รวมถึงตามหาเครื่องประดับเหล่านี้ซึ่งเป็นสมบัติของชาติที่คนร้ายคงหาผู้ซื้อได้ยาก

    เครื่องราชกกุธภัณฑ์นี้ประกอบด้วยมงกุฎทองคำปี พ.ศ.2154 ซึ่งเป็นของพระเจ้าคาร์ลที่ 9 และสมเด็จพระราชินีนาถคริสตีนาแห่งสวีเดน ที่เคยถูกฝังพร้อมกับพระบรมศพ แต่ภายหลังได้ถูกนำขึ้นมาจัดแสดงไว้ภายในมหาวิหารสแตรงแนสแห่งนี้ ซึ่งอยู่ในเมืองสแตรงแนส ห่างจากกรุงสตอกโฮล์มไปทางทิศตะวันตก 100 กิโลเมตร  

    มงกุฎของพระเจ้าคาร์ลนั้นทำด้วยทองคำ ประดับคริสตัลและไข่มุก ส่วนมงกุฎของพระราชินีซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ทำด้วยทองคำ อัญมณี และไข่มุก นอกจากมงกุฎ 2 องค์นี้ โจรยังขโมยลูกโลกทองคำประดับกางเขนที่แสดงอยู่ในตู้กระจกไปด้วย

    ดังการ์ดต์กล่าวกับเอเอฟพีว่า พวกตนยังไม่รู้มูลค่าของเครื่องประดับที่ถูกขโมยไป รู้แต่ว่าของเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติ

    โฆษกตำรวจนายนี้เผยด้วยว่า มีผู้พบเห็นคนหลายคนออกจากวิหารแล้วลงเรือหรือสกูตเตอร์ออกไป ตำรวจได้สอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์หลายราย แต่ก็ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากใครก็ตามที่สังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติ

ตำรวจปิดกั้นพื้นที่ระหว่างการเก็บหลักฐานที่มหาวิหารสแตรงแนส / AFP

    ทอม โรว์เซลล์ ซึ่งเตรียมจะจัดพิธีแต่งงานที่มหาวิหารนี้ช่วงสุดสัปดาห์และกำลังรับประทานอาหารกลางวันด้านนอกมหาวิหารแห่งนี้ขณะเกิดเหตุ กล่าวกับหนังสือพิมพ์แอฟตอนบลาเดตว่า เขาเห็นชาย 2 คนวิ่งออกมาจากอาคารไปยังเรือยนต์สีขาวที่จอดรออยู่ในทะเลสาบมาราเรน แล้วเร่งรีบขับออกไป  เมื่อเห็นพฤติกรรมของพวกเขาก็รู้ในทันทีว่าทั้งคู่เป็นขโมย

    ดังการ์ดต์กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนเที่ยงของวันอังคาร ตำรวจได้ส่งเฮลิคอปเตอร์หลายลำ  ทีมลาดตระเวน และสุนัขดมกลิ่นออกไล่ล่า แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ

    มาเรีย เอลเลอร์ ผู้ประสานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการขโมยวัตถุที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม กล่าวกับสำนักข่าวทีทีว่า การขโมยวัตถุประเภทนี้จะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างมาก ภาพถ่ายจะถูกเผยแพร่ทางหน้าสื่อ การจะนำของเหล่านี้ออกขายจึงเป็นไปไม่ได้เลย ตำรวจจึงทำได้เพียงคาดเดาเจตนาของพวกขโมย

    เอเอฟพีกล่าวว่า ในอดีตเคยเกิดการโจรกรรมสมบัติของราชวงศ์สวีเดนมาแล้ว เมื่อปี 2556 เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของพระเจ้าโยฮันที่ 3 ซึ่งฝังรวมกับพระบรมศพ ถูกขโมยไปจากมหาวิหารวาสเตราส แต่หลายวันต่อมาสิ่งของเหล่านี้ถูกพบอยู่ในถุงใส่ขยะวางไว้ข้างถนนในชนบท โดยตำรวจได้รับเบาะแสจากบุคคลนิรนาม เอลเลอร์กล่าวว่าอาจมีคนหวังเรื่องราวแบบเดียวกันจะเกิดขึ้นกับกรณีนี้ด้วย.