“ไก่อู” ลงพื้นที่ชุมพรตรวจสอบความพร้อม ก่อน “บิ๊กตู่” ขนคณะ ครม.ประชุมสัญจรที่ชุมพร-ระนอง เตรียมเคาะไทยแลนด์ริเวียร่า-ปาล์มซิตี้-โอท็อปอะคาเดมี” ลั่นไม่ได้หาเสียง แต่เป็นหน้าที่ต้องทำ

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมคณะรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์  ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 6/2561 ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร รวมทั้งเดินทางไปยังโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมืองชุมพร ซึ่งเป็นจุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินทางมาเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนชาวชุมพร
     จากนั้น พล.ท.สรรเสริญได้เดินทางต่อมายังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดชุมพร เพื่อมอบแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อรองรับการประชุม ครม.สัญจร ในวันที่ 20-21 ส.ค. ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลเตรียมพิจารณาข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและอันดามันในระหว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ชุมพร-ระนอง โดยมีประเด็นหลักพิจารณาคือ 1.การพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม การค้าการลงทุน และการค้าชายแดน เช่น การก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทย (ไทยแลนด์ริเวียร่า) การก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ พัฒนาท่าเรือ และขยายสนามบินหาดใหญ่ เป็นต้น
     2.การพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว 3.การยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เช่น จัดตั้งเมืองปาล์ม และจัดตั้งเมืองนวัตกรรมและออกแบบไม้ยางพารา เป็นต้น 4.การพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ และสร้างความเข้มแข็งของชุมชน (โอท็อปอะคาเดมี)  และ 5.การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ขุดลอกร่องน้ำ แก้ปัญหาอุทกภัย จัดหาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค เป็นต้น
     สำหรับการลงพื้นที่ จ.ระนอง จะติดตามผลการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและแพทย์ทางเลือก (บ่อน้ำพุร้อน) การพัฒนาท่าเรือและการฟื้นฟูท้องทะเลโดยใช้ปะการังเทียม ส่วน จ.ชุมพร จะติดตามการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง และการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร รวมทั้งการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
     "นายกฯ เน้นย้ำว่าภาคใต้มีศักยภาพและโอกาสพัฒนาหลายด้าน รัฐบาลจึงลงไปช่วยต่อยอดและสนับสนุนให้ชาวใต้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นภารกิจหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่ลงไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือหาเสียงแต่อย่างใด" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
วันเดียวกัน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (กห.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืน ในส่วนของ กห. ที่ดูแลเรื่องสัญญาประชาคมผูกใจไทยเป็นหนึ่ง ว่าการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติเป็นเรื่องสำคัญที่เราดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันมีร่างสัญญาประชาคมที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกมา โดยมีสาระสำคัญเน้นย้ำ 4 เคารพ 2 รับผิดชอบ คือ เราต้องเคารพความแตกต่างในแนวทางประชาธิปไตย เคารพความเสมอภาคที่ทุกคนมีหนึ่งสิทธิ หนึ่งเสียง เคารพในกฎกติกากฎหมายต่างๆ และเคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ไม่ก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพซึ่งกันและกัน รับผิดชอบต่อตนเองโดยพัฒนาตนเองไม่ให้ถูกชี้นำไปในทางใดทางหนึ่ง และต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม 
    “เราได้เผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ผ่านช่องทางต่างๆ ไปยังประชาชน โดยให้หน่วยงานในพื้นที่ไปทำความเข้าใจ รวมถึงนำข้อมูลไปชี้แจงในเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่กระทรวงมหาดไทยดำเนินการกว่า 8 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ ซึ่งหากคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้นอีก” พล.ท.คงชีพกล่าว และว่า ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจะจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการสร้างความปรองดอง ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ก็อยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปร่วมประชุม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศไปสู่ทิศทาง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามแนวทางที่รัฐบาลพยายามดำเนินการ.