70วันหาเสียงไม่ทัน ปชป.-พท.โอดต้องประชุมพรรค-ทำนโยบายด้วยจี้ปลดล็อก


เพิ่มเพื่อน    

    “ปชป.-พท.” ประสานเสียง รุมจวกไทม์ไลน์ปลดล็อกเต็มสูบกลาง ธ.ค. ซัดเวลา 70 วันประชุมพรรคพ่วงคลอดนโยบายหาเสียงทันอย่างไร ยกยุทธศาสตร์ชาติยังใช้เวลาเป็นปี แนะต้องทำทันทีหลังกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้ “บิ๊กตู่” ไฟเขียวดูด บอกจะทำอะไรก็ว่ากันไป แต่ต้องให้ประชาชนรู้ว่าการเลือกตั้งทำอย่างไร รวมถึงที่มา ส.ส.-นายกฯ พ่วงปลุกสำนึกรักแผ่นดินเกิด สะกิด “ประวิตร” เรียก “พิชัย” ปรับทัศนคติอีกรอบ ซัดแนวคิด “เพื่อไทย-อนาคตใหม่” ขายเรือดำน้ำ-เลิกเกณฑ์ทหาร ถามทำจริงใครจะแก้ปัญหาไฟใต้
    เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์   จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารสำนักงานศาลยุติธรรม ที่นำเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการ “เยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน” รุ่นที่ 6 จำนวน 160 คน เข้าเยี่ยมคารวะ โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งถึงการเข้ามาบริหารประเทศว่า ไม่มุ่งหวังให้ประเทศถอยหลัง แต่ที่เข้ามาเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า หน้าที่ก็มีอยู่ในช่วงเวลาที่อยู่ วันหน้าเป็นประชาธิปไตยต้องมีคนทำเรื่องนี้ต่อไปให้ได้ สุดแล้วแต่พวกเราว่าจะเลือกใคร หรือจะเลือกแบบเดิม จะเอาอย่างไรก็ไปคิดกันเอง เป็นเรื่องของท่าน
    “ประเทศต้นฉบับประชาธิปไตยเขาก็มีแบบนี้ ถ้าบ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อยเขาก็ใช้กฎหมาย ลองคิดให้ไกลออกไป อย่าคิดแค่ตัวเอง คิดแค่คนใกล้ชิดเจอปัญหาแบบนี้ต้องเลิก ต้องไม่มีกฎหมาย ต้องไม่มีเจ้าหน้าที่ แบบนี้ก็เดือดร้อนหมด เพราะทุกคนมีความคิดแตกต่างกัน ดังนั้นต้องทำความคิดทุกคนรวมกันให้ได้ แล้วหาทางปฏิบัติที่เหมาะสม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนได้สอบถามข้อสงสัย โดยเด็กหญิงเยาวชนจาก จ.นราธิวาส ถามนายกฯ ว่าทำงานเหนื่อยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบพร้อมรอยยิ้มว่า ค่อนข้างเหนื่อยเหมือนกัน ตอนนี้มีคนห่วงใยก็หายทันที สิ่งที่ทำวันนี้ต้องการกำลังใจเท่านั้น ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องการให้คนมารัก แต่ขอให้รักประเทศ รักครอบครัว รักพ่อแม่ รักแผ่นดินเกิด ในเมื่อท่านเกิดในประเทศไทยแล้วต้องตอบแทนอย่างไร
    นายกฯ ยังได้ถามเยาวชนที่เข้าพบอีกว่า อายุเท่าไหร่กันแล้ว ซึ่งเยาวชนตอบว่า 17-18 ปี จากนั้น นายกฯ กล่าวว่า ต้นปีหน้ามีการเลือกตั้ง ใครอายุ 18 ไปเลือกตั้งทุกคน อะไรต่างๆ ขอให้คิดอย่างที่ลุงคิด เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราควรจะเลือกใคร เลือกอย่างไร ฉะนั้น รัฐบาลจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่เรา โทษใครไม่ได้ และจะโทษลุงอีกไม่ได้ ถ้าวันหน้ามันตีกันวุ่นวายอีก เพราะลุงก็แก่แล้ว และได้ทำมาให้แล้ว เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อไปตรงโน้น
    ต่อมาที่อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานรับฟังการแถลงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยยุทธศาสตร์ชาติของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) วิทยาลัยเสนาธิการทหาร และวิทยาลัยการทัพของทั้งสามเหล่าทัพ ประจำปีการศึกษา 2561 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องมียุทธศาสตร์ชาติเป็นไฮเวย์เดินไปด้วยกัน ไม่ใช่การเมืองเปลี่ยนไปแล้วเราไปคนละทิศคนละทาง ในช่วงกว่า 10 ปีที่สูญเสียโอกาสไป ตอนนี้เราต้องเร่งสปีด ลดความขัดแย้ง เดินหน้าไปสู่ประเทศที่มีธรรมาภิบาล มีรัฐบาลที่มีความชอบธรรม เมื่อทำให้แล้วก็ส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ 
อัดขายเรือดำน้ำเพ้อเจ้อ
    พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า อย่าให้ใครมาบิดเบือนในเรื่องการคุมราคาสินค้าได้ ซึ่งมันทำไม่ได้ เราก็พยายามไม่ให้สินค้าราคาอุปโภคบริโภคสูงเกินจำเป็น หรืออย่าไปเชื่อถ้าหาเสียงว่าจะทำให้ราคาสินค้าเหลือเท่านั้นเท่านี้ ขอให้ดูความเป็นจริง งบประมาณจะเอาไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ และที่บอกจะให้ขายเรือดำน้ำ จะขายได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้มีการจ่ายเงิน ยังไม่ได้เรือซักลำเลย ก็ไปบิดเบือนกันเสียหมด ฟังเขาพูดแล้วตรรกะยังเป็นไปไม่ได้ จะมาบอกว่าขายเรือดำน้ำเอาเงินมาดูแลสุขภาพของคน ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกัน 
“ส่วนที่หาเสียงว่าต้องไม่มีการเกณฑ์ทหารนั้น ปัจจุบันเงินเดือนพลทหารมากกว่าแรงงานขั้นต่ำเสียอีก อะไรที่ไม่ดีก็ต้องไปแก้ไข ถามว่าถ้าไม่มีทหาร ใครจะไปแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ ทุกวันนี้คิดอะไรไม่ออกก็บอกทหาร” 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมาปัญหายังอีนุงตุงนัง ถามว่าจะให้ คสช.อยู่ต่อหรืออย่างไร แต่อย่างไรก็ต้องมีการเลือกตั้ง ขอให้รัฐบาลที่มามีประชาธิปไตยที่แท้จริง มี ส.ส.ที่ดี จะไปดูดอะไรก็ว่ากันไป แต่ต้องทำให้ประชาชนรู้ว่าการเลือกตั้งนั้นทำอย่างไร รวมถึงที่มาของ ส.ส. ที่มาของนายกฯ และโครงการต่างๆ 
“มีคนที่ไม่มีเส้นผม รู้ใช่ไหมว่าเป็นใคร ไม่มีผม แต่ชอบพูด ออกมาวิจารณ์บ่อยๆ ว่าเศรษฐกิจไม่ดีและแย่ลง สงสัยความจำเสื่อม เพราะเรียกมาทำความเข้าใจหลายรอบแล้วก็ยังเหมือนเดิม ต้องบอก พล.อ.ประวิตรเผื่อเรียกมาคุยอีก แต่ก็คงเบื่อแล้ว เพราะเรียกมาก็กลับไปพูดอีก ที่ผ่านมาก็เรียกไป 15 ครั้งแล้ว เรียกจนเบื่อก็กลับไปก็พูดอีก”
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเผยแพร่ภาพการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร ที่นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาธิการกลุ่มสามมิตร พาบุคคลที่กลุ่มต้องการผลักดันให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.ขึ้นแห่ปราศรัยที่ จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ ว่าไม่ทราบเรื่อง การเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำกับดูแล และตอนนี้กลุ่มดังกล่าวก็ยังไม่สังกัดพรรคการเมือง
    เมื่อถามว่า การกระทำของกลุ่มสามมิตรสามารถทำได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปทำได้อย่างไร และคงไม่ต้องไปกำชับอะไร กกต. เพราะเขารู้ดีกว่าตนเอง ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่จะมีการเลือกตั้ง การเปิดโอกาสให้โฆษณาหาเสียง กกต.ก็ต้องไปดูว่าจะมีการกระทำผิดที่ใดหรือไม่  
    ถามต่อว่า หากคลายล็อกเต็มที่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงต้องเข้มงวดอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่จะทำอะไรอย่าให้ผิดกฎหมาย จะไปตีกันไม่ได้ เรื่องความขัดแย้งไม่เอา ส่วนข้อกังวลการหาเสียงที่โจมตีกันไปมานั้น ยังไม่รู้ว่าใครโจมตีใคร สื่อคิดเอาเอง ขณะที่การเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียนั้น เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบและจับอยู่แล้ว อะไรที่ผิดกฎหมายที่บิดเบือน ไม่สามารถทำได้ทั้งนั้น
    ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร พร้อมคณะ ยังคงเดินสายไปรับฟังปัญหาและรับหนังสือจากกลุ่มเกษตรกรหลายพื้นที่ ก่อนกล่าวว่า กลุ่มสามมิตรพยายามทำอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือ และหลายเรื่องที่รัฐบาลได้แก้ไข แม้เวลานี้กลุ่มถูกโจมตีเราก็พยายามทำใจและปล่อยวาง เพราะความเดือดร้อนของประชาชนจะมองเป็นเรื่องการเมืองไม่ได้ ขอย้ำว่าการมารับฟังปัญหาชาวบ้านนั้นไม่ได้มาหาเสียงหรือทำเรื่องการเมือง แต่มาเป็นข้อมูลเพื่อเป็นแนวคิดเสนอเป็นนโยบายต่อพรรคการเมืองที่จะไปสังกัดในอนาคต
    ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ได้ประกาศลาออกจากการเป็นประธานสโมสรฟุตบอลสุโขทัยเอฟซีอย่างเป็นทางการด้วย โดยภรรยารับหน้าที่แทน เพื่อเตรียมตัวกลับสู่การเมืองอย่างเต็มตัว
รุมจวกปลดล็อก ธ.ค.
     นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐจัดประชุมผู้ร่วมก่อตั้งเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 15 ก.ย. ที่ห้องฟินิกซ์ เมืองทองธานี ซึ่งมีกระแสข่าวว่านายอุตตมจะไปร่วมกับพรรคในตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ และไม่มีใครเชิญด้วย รวมทั้งยังไม่มีการพูดคุยอะไรเลย 
    สำหรับกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุจะปลดล็อกการเมืองทั้งหมดในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นั้น  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเปลี่ยนทัศนคติจากเดิมที่จำกัดกระบวนการทางการเมืองและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน มาเป็นการส่งเสริมให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนจะได้มีส่วนร่วมและได้รับข้อมูลข่าวสารและทางเลือกต่างๆ ได้กว้างขวางที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การปรับแนวคิดเรื่องปลดล็อก เพราะยืนยันมาตลอดว่าถ้าเราสามารถทำให้พรรคการเมืองทำหน้าที่ของตัวเองได้ จะเป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย และประชาชนในการตัดสินใจ
     “ผมขอถามว่าวันนี้มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้พรรคการเมืองทำหน้าที่ของตัวเองได้ทันที หลังจากกฎหมายทุกฉบับออกมาแล้ว ซึ่งหากไม่ติดขัดในเรื่องใด ไม่ควรมีการคลายล็อกเป็นช่วงๆ แต่ควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำหน้าที่ของตัวเองได้เต็มที่” นายอภิสิทธิ์กล่าว
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการ พท.กล่าวว่า รัฐบาลคิดแบบรัฐราชการ เคยชินกับการเป็นผู้สั่งการกำหนดชีวิตประชาชนมาโดยตลอด ดังนั้นสิ่งที่พรรคการเมืองอยากเสนอ คือการคืนกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตยปกติ ให้ประชาชนเขาเลือกชีวิตของเขา สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรทำคือยกเลิกสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นประชาธิปไตยทั้งหมด คืนกลับสู่ความเป็นปกติ ถอนตัว ให้กองทัพกลับคืนสู่ระบบปกติ แล้วให้ประชาชนเข้ามาตัดสินอนาคตของตัวเอง
    “เรื่องนี้จบแน่นอน หากมีการปลดล็อกหรือคลายล็อกโดยเร็ว แล้วให้พรรคดำเนินการประชุมกับสมาชิกเพื่อดำเนินการสรรหาผู้นำของเรา” นายภูมิธรรมกล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรค พท.คนใหม่
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งข้อสังเกตว่า การทำนโยบายที่ดีต้องมีการสื่อสารกับประชาชนหลายๆ ฝ่าย และนักวิชาการ ต้องประชุมปรึกษาหารือกัน แต่เราก็ยังติดอยู่ที่ไม่สามารถทำได้ เพราะกฎหมายยังจำกัดในการห้ามมั่วสุมทางการเมืองเกิน 5 คน จึงอยากถามว่า 70 วันนี้จะให้ทำทั้งนโยบาย และหาเสียงได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจน จึงมองว่าเป็นการจงใจทำลายพรรคการเมืองทั้งระบบ และการเลือกตั้งทั้งหมด
      นายนพดล ปัทมะ แกนนำ พท.อีกรายกล่าวเช่นกันว่า มีคำถามว่า 70 วันเหลือเฟือจริงหรือ ให้ทำนโยบายไปหาเสียงไปควรหรือไม่ ถ้าเปรียบเทียบการร่างยุทธศาสตร์ชาติประมาณ 71 หน้า ทำไมใช้เวลาตั้งหลายปี แม้แต่คณะกรรมการปฏิรูปบางคณะจนถึงขณะนี้ยังไม่สรุปแผนปฏิรูปเลย ซึ่งเข้าใจได้ว่าต้องใช้เวลาในการทำงานเพื่อฟังความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ อย่างรอบคอบ นโยบายเป็นแก่นสาระ ไม่ใช่กระพี้การเมือง การทำนโยบายพรรคการเมืองอย่างลวกๆ ไม่มีใครได้ประโยชน์เลย ยิ่งในช่วงนี้โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมากทั้งเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
    “การเปิดพื้นที่ให้พรรคการเมืองประชุมและไปพบปะรับฟังความเห็นประชาชนเพื่อทำนโยบายจะตอบโจทย์ประเทศได้ตรงเป้ามากกว่า ไม่ใช่รอจนถึงช่วงหาเสียง 70 วันก่อนเลือกตั้ง โอกาสที่จะประชาชนจะได้เห็นแนวคิดดีๆ จากแต่ละพรรคช่วงหาเสียงไม่ควรเสียไปโดยไม่จำเป็น” นายนพดลกล่าว
ลั่นไม่สังฆกรรม คสช.
    วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เข้ายื่นหนังสือต่อพรรค พท. เรียกร้องให้พรรคแสดงจุดยืนนำพาประเทศออกจากวิกฤติการเมือง รวมทั้งพัฒนาประชาธิปไตยสืบสานเจตนารมณ์พฤษภา 35 โดยมีนายภูมิธรรมและนายจาตุรนต์เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายอดุลย์กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ปรับบทบาทพรรค และขอให้สร้างความสามัคคีปรองดอง แก้วิกฤติออกจากวังวนของเผด็จการทหาร ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ร่วมกับ คสช. ซึ่งเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการที่ทำลายประชาธิปไตย รวมทั้งขอให้สนับสนุนและผลักดันการก่อสร้างอนุสรณ์สถานพฤษภา 2535 ให้สำเร็จต่อไป
    นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราประกาศจุดยืนชัดเจนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ มุ่งหวังให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารบริหารประเทศได้กระทบต่อชีวิตประชาชน เราอยากให้ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด วิธีที่ดีที่สุดคือการคลายล็อกหรือปลดล็อกให้พรรคการเมืองต่างๆ ลงไปดำเนินการร่วมกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเรากำลังก้าวสู่ระบบปกติ จะนำเรื่องนี้ไปแจ้งที่ประชุมให้รับทราบ
    นายจาตุรนต์กล่าวว่า การเปิดช่องให้คนนอกมาเป็นนายกฯ เป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ยืนยันได้ว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของผู้นำรัฐประหาร และจะไม่สนับสนุนผู้นำของ คสช.มาเป็นนายกฯ จะสนับสนุนเฉพาะผู้ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เราไม่เห็นด้วย และจะขัดขวางโดยสันติวิธี ไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ เราสนับสนุนนายกฯ จากการเลือกตั้ง ไม่สนับสนุนผู้นำจาก คสช. ไม่ว่าในรูปแบบไหน จะแข่งขันจะพยายามตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย หากผู้นำ คสช.ตั้งรัฐบาลได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด เราไม่ร่วมแน่นอน
    ส่วนกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน  และอดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งที่กรุงเทพฯ และนครราชสีมา ในเรื่องการเก็บบัตรประจำตัวประชาชนนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า  นักการเมืองควรหยุดใช้วิธีการสกปรกทำลายคู่แข่ง เราผ่านวิกฤติประชาธิปไตยมาด้วยกันเกือบ 5 ปีแล้ว สาเหตุเพราะนักการเมืองทะเลาะกันเอง แล้วอีกไม่นานเกินรอประชาธิปไตยก็กำลังจะกลับมา เราจะขับไสไล่ส่งประชาธิปไตยให้หายไปอีกหรือ เอาความทุ่มเทความตั้งใจทำงาน ความรู้ ความสามารถ และความซื่อสัตย์ต่อประชาชน มากำจัดคู่แข่งสิ สง่างามกว่าเยอะ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"