คนหัวล้าน...กับการปรับทัศนะคติ


เพิ่มเพื่อน    

(1)

เห็นข่าว...ท่านนายกฯ “บิ๊กตู่”ท่านคิดจะเรียก “คนที่ไม่มีเส้นผม”ไป “ปรับทัศนะคติ” แรกๆก็เกิดอาการ “เสียววาบ”ขึ้นมาโดยทันที โดนเฉพาะเมื่ออ่านหวัดๆแค่ไม่ถึงบรรทัด ยิ่งเปิดไปเจอชื่อเรื่องในคอลัมน์ “อ่านเอาเรื่อง”ของคุณ “ผักกาดหอม”ฉบับวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ถึงกับตั้งชื่อเอาไว้ว่า “ปรับทัศนคติคนหัวล้าน”ก็ยิ่งวูบๆวาบๆเข้าไปใหญ่...

(2)

แต่หลังจากที่ได้คิดไป-คิดมา ได้อ่านโดยละเอียด...ก็ปลอดโปร่ง โล่งใจ ขึ้นมาหน่อย ว่ายังไงๆ...คงไม่เกี่ยวกับตัวเราเองอยู่แล้วแน่ๆ ที่อาจไปเผลอมือ-เผลอไม้ ขีดอะไร เขียนอะไร ที่ทำให้ท่านนายกฯท่านเกิดอาการฉุนเต่า ฉุนตะพาบ ขึ้นมาดื้อๆ อีกทั้งเมื่อเหลือบไปมองคอลัมน์ข้างๆ คอลัมน์ “กาแฟดำ”ของคุณเฮีย “สุทธิชัย หยุ่น” อันนั้น...น่าจะหนักยิ่งกว่า เพราะไม่เพียงแต่อำนาจ อิทธิพล ในแง่พลังข้อเขียน รวมไปถึงการพูด การจา การดำรงตนเป็นพิธีกร ทั้งพูด ทั้งเขียน แบบแทบไม่รู้ไปสรรหา “พลังงาน”มาจากแหล่งไหน ต่อแหล่งไหน ทั้งที่อายุ อานาม ก็มากแล้ว แถมยัง “ล้าน”กว่า หรือ “ไม่มีเส้นผม”มากกว่าตัวเรา ที่ยังพอหลงเหลือไรๆกลางกบาลอยู่ประมาณ 2-3 เส้น ซึ่งสามารถส่งผล ส่งอิทธิพล สร้างแรงกดดันให้กับใครต่อใคร ได้ยิ่งกว่าตัวเราประมาณร้อยเท่า พันเท่า...

(3)

อย่างไรก็ตาม...เมื่อสรุปรวมความโดยละเอียด ทั้งตัวเราและคุณเฮีย “สุทธิชัย”ก็น่าจะรอดไป ไม่ต้องโดนเอา“โพเดียมทุ่มใส่หัว”หรือโดน “ไล่ออกจากทำเนียบ”โดยเด็ดขาด เนื่องจาก “คนที่ไม่มีเส้นผม”ที่ท่านนายกฯ “บิ๊กตู่”ท่านหมายถึง ออกไปทางอดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลเก่า อย่างคุณพิชง คุณพิชัย อะไรโน่น “คนหัวล้าน”หรือ “คนไม่มีเส้นผม”อย่างตัวเรา...ก็เลยสบายไป แต่ก็คงไม่ถึงกับสุข สดชื่น เหมือนยืนอยู่บนเนินเขา อะไรมากมาย เพราะความหัวล้าน หรือความเป็นคนหัวล้านนั้น ต้องถือเป็น “ความอาภัพ”ชนิดหนึ่ง ที่ถ้าหากไม่ประคองสติเอาไว้ให้ดี ไม่รู้จักตัดอัตตา ลดอัตตาตัวเองลงไปมั่ง ก็อาจกลายเป็น “ปมด้อย” ปมออดิป๊ง ออดิปุส อะไรไปโน่น...

(4)

คือระหว่างตอนหนุ่มๆนั้น...อะไรต่อมิอะไรมันเคยดก เคยดำ ชนิดแทบไม่เคยคิดว่าตัวเองต้อง “หัวล้าน”มาก่อนเลย อาจคล้ายๆกับคุณเฮีย “สุทธิชัย”ที่ถูก “พี่ช้าง-ขรรค์ชัย”ตั้งชื่อ ฉายา เอาไว้ว่า “ดำ เคยดก”อะไรประมาณนั้น แต่จู่ๆ...คงเป็นเพราะ “กรรมพันธุ์” หรือยีน หรือดีเอ็นเอ ที่บิดาบังเกิดเกล้าผู้เพิ่งวายชนม์ไปเมื่อไม่นานมานี้ ท่านมอบให้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทั้งตัวเราและพี่ชายอีก 2 คน ต่างเป็นผู้อยู่ในข่ายที่ต้องเรียกตัวไปปรับทัศนะคติด้วยกันทั้งสิ้น คือเป็นผู้ที่ “ไม่มีเส้นผม” หรือ “หัวล้าน”เนื่องจากอะไรที่เคยดำ เคยดก มันร่วงผลอยๆแบบวูบเดียว แทบหมดไปทั้งหัว...

(5)

ความรู้สึกถึง “ปมด้อย”เช่นนี้...เคยทำให้ถึงกับคิดจะแปลงสภาพให้มันกลายเป็น “ปมเด่น”อยู่บ้างเหมือนกัน คือเคยถึงขั้นคิดๆจะก่อตั้ง “สมาคมคนหัวล้านแห่งประเทศไทย” โดยกะจะไปชวนพรรคพวก ประเภทที่มีไฟแรงๆ ยังขยัน ยังซน แม้ว่าแก่แสนแก่ เพียงใดก็ตาม เช่นคุณ “ตะวัน ทักษณา”หรือ “ภาณุมาศ ทักษณา”อดีตบ.ก.สำนักเจ้าพระยา ที่ปิดตัวเองไปแล้ว เป็นต้น มาเป็นเลขาธิการสมาคม แล้วสถาปนาตัวเราเองเป็นรัฐถาธิปัตย์ หรือเป็น “นายกสมาคมคนหัวล้าน”โดยไม่ต้องฟังเสียงใครต่อใครอีกต่อไปแล้ว อาจจะกำหนดข้อบังคับของสมาคม มอบอำนาจระดับ “มาตราฉี่ฉิบฉี่”ให้กับตัวเอง สามารถสั่งให้สมาชิกรายใดไปตัดผม แต่งผม ไว้จอน ไว้เคราเพื่อเสริมบุคลิก ในแบบไหนก็ย่อมได้...

(6)

แต่ก็นั่นแหละ...หลังจากที่ได้ “สติ”จนสามารถรวบรวม “ปัญญา”กลับคืนมาได้มั่ง แล้วอาศัยปัญญาพิจารณาถึง “อัตตา” ถึง “สังขาร” ตลอดไปจนถึงการ “ปรุงแต่ง”ที่เป็นไปตามหลัก “อนิจจัง วัตตะ สังขารา”อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจาก “ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป” ตามกฏอิทัปปัจยตา-ปฏิจจสมุปบาท บรรดา “ปมด้อย”ต่างๆก็ค่อยๆคลี่คลาย ค่อยๆไร้เงื่อน ไร้ปม ลงไปตามลำดับ เริ่มเกิด “ความว่าง” เกิดความรู้สึกว่าการ “หัวล้าน” หรือการ “ไม่มีเส้นผม”น่าจะเป็นอะไรที่ “เซ็กส์ซี่”ในอีกลักษณะหนึ่ง จนเกิดความสุข ความสงบ ความเย็น พอๆกับได้ไป “นิพพาน”อะไรประมาณนั้น...

(7)

สรุปเอาเป็นว่า...ที่หยิบเอาเรื่องความหัวล้าน มาว่าไว้ในอาทิตย์นี้ คงไม่ได้มีอะไรหรอกทั่น ถือเป็นเรื่องสบายๆ ในวันสบายๆ เพื่อไม่ให้ต้องเคร่งเครียดอะไรกันมากมาย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเมือง หรือในโลกทุกวันนี้ มันก็ออกจะเครียดอยู่พอสมควรแล้ว ยิ่งเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะต้อง “รับผิดชอบ”ต่อเรื่องเครียดๆทั้งหลาย ถ้าอยากจะให้สบายเนื้อ สบายตัว ขึ้นมามั่ง ก็คงหนีไม่พ้นต้องเริ่มต้นจาก “สติ”นั่นแหละเป็นหลัก เพื่อให้เกิด “ปัญญา”ตามมา ไปจนกระทั่งเกิดการลด-ละ-เลิก อะไรก็ตามที่จัดอยู่ในประเภท “อัตตา”ทั้งหลาย อันจะนำไปสู่ภาวะที่นักปราชญ์ นักจิตวิทยา อย่าง “Froud”ว่าเอาไว้ว่า... “The upward sweep of excellence is proportioned, with strictest accuracy, to oblivion of the self which is ascending.” หรือที่อาจารย์ “กรุณา กุศลาสัย”ท่านถอดความเอาไว้ว่า... “การก้าวขึ้นสู่เบื้องบนแห่งคุณธรรมความดี มีส่วนสมดุลอย่างเคร่งครัด กับการลด-ละ-เลิก...อัตตา...ซึ่งมักทวีขึ้นไปตามลำดับ”....นั่นแล...                         


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"