‘มีชัย’ไม่รู้จักทหาร! ‘มาชิน’เปล่าคุกคาม


เพิ่มเพื่อน    

  "มีชัย" เปิดใจ ไม่ใช่ฝ่ายทหาร ไม่รู้จักว่าใครเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ ชม "บิ๊กจ๊อด" นักเลง น่านับถือ ไม่เคียดแค้นไม่อาฆาต ส่วน "บิ๊กตู่" ตอนแรกไม่รู้หน้าตาเป็นอย่างไร "นคร มาชิน" สงบ หลังนัดพบทหารที่ร้านกาแฟ ฝาก คสช.จัดเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรม

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 7 ก.ย. ในงานที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน ที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวตอนหนึ่งถึงการทำงานช่วงแรกของ กรธ.ว่า ทราบว่า กรธ.ทุกคนเคยได้ยินชื่อของตน แต่ทุกคนมีความรู้สึกแตกต่างกัน บางคนคิดว่าตนเป็นฝ่ายทหาร เพราะไม่ว่าจะปฏิวัติกี่ครั้งจะมีชื่อไปยุ่งด้วยทุกที บางคนคิดว่าตนตามใจผู้มีอำนาจสั่งให้ทำอะไรก็ทำแบบนั้น แต่เชื่อหรือไม่ว่าตนรู้จักทหารน้อยที่สุด และไม่เคยสนิทสนมกับคนที่เป็นทหารในราชการ ยกเว้น 2-3 คนที่กินข้าวด้วยกัน ซึ่งเกษียณราชการไปนานแล้ว แต่คนที่เป็นทหารมีอำนาจในบ้านเมือง ยืนยันว่าไม่รู้จัก 
    เขากล่าวว่า สมัยปฏิวัติของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินนั้น เขานำทหารมาล็อกตัวไปจากบ้าน แล้วพาไปที่กองบัญชาการ ถนนราชดำเนิน เป็นครั้งแรกที่เข้าไป ซึ่งเขาบอกว่ากำลังปฏิวัติกัน เชื่อหรือไม่ว่าตนไม่รู้จักว่าใครเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ มีมา 3 คน มารู้ทีหลังว่าคนหนึ่งคือ พล.อ.สนธิ คนหนึ่งคือ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล และคนหนึ่งคือ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) 
    "ในตอนนั้นเรียกว่าไม่รู้จักจริงๆ พอเขาเล่าให้ฟังว่าจะปฏิวัติ ก็รู้สึกตกใจจริงๆ คิดว่าไปเอาตัวเรามายังไม่ได้ปฏิวัติเลย ยังไม่ได้แถลงการณ์ฉบับที่หนึ่งเลย เราไม่ตายไปกับเขาด้วยหรือ"
    นายมีชัยกล่าวอีกว่า เจอเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวมา 2-3 ครั้ง โดยการปฏิวัติรอบล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตนก็ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์หน้าตาเป็นอย่างไร เมื่อเขาส่งร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้คณะกรรมการกฤษฎีกาทำ โดยตั้งเป็นคณะพิเศษขึ้น 1 ชุด และหัวหน้าคณะปฏิวัติก็ส่ง พล.ต.วิระ โรจนวาศ กรธ. เข้าไปนั่งฟังด้วย ซึ่งเมื่อฟังไปฟังมาแทนที่ตนจะกลัว พล.ต.วิระ กลับกลายว่า พล.ต.วิระกลัว ก็เลยไม่มีปัญหาอะไร 
    "ผมไม่เคยสนิทสนมกับทหาร และรู้จักทหารน้อยที่สุด เชื่อว่านายอมร วาณิชวิวัฒน์ กรธ. รู้จักทหารมากกว่าหลายเท่า วันหนึ่งผมไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้า ก็ได้เจอกับผู้ชายตัวใหญ่ๆ เขาคนนั้นก็ยกมือไหว้ และแนะนำตัวว่าเป็น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมก็ทำหน้างงว่าอภิรัชต์ไหน เขาจึงขยายว่าอภิรัชต์ลูกบิ๊กจ๊อด (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์) ผมจึงคลายสงสัย เพราะบิ๊กจ๊อดผมรู้จัก"
นักเลงน่านับถือ
    นายมีชัยกล่าวว่า พล.อ.สุนทร ถ้ารักใครมาก วิธีแสดงความรักคือจะตบหลังแรงที่สุด ซึ่งสมัยตนเป็นประธานวุฒิสภา เคยโดนตบหลังแรงที่สุด เพราะ พล.อ.สุนทรไปรวบรวมรายชื่อเพื่อเปิดประชุมวิสามัญ แล้วตนในฐานะประธานวุฒิสภา ก็ออกมาบอกว่าสมาชิกวุฒิสภาไม่ควรเข้าชื่อ เพราะเราเป็นกลาง ไม่ควรยุ่งกับการเมือง 
    "บิ๊กจ๊อดโกรธ เพราะ ส.ว.ไปถอนชื่อออกหมดจนเปิดสมัยประชุมไม่ได้ มีคนลือว่าผมหักหลังบิ๊กจ๊อด ซึ่งความจริงไม่ใช่ แต่ไม่เคยมีใครบอกผมเลยว่าจะมีการเข้าชื่อกัน พอผมลงจากรถ สื่อมวลชนมาถามว่า ส.ว.ไปเข้าชื่อกันเพื่อเปิดสมัยประชุมรู้สึกอย่างไร ผมก็ตอบว่าไม่ถูก เพราะเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ปล่อยให้เขาเดินกันไป เมื่อสมาชิกได้ยินจึงถอนชื่อ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเข้าชื่อกันไปแล้ว จริงๆ ถ้ารู้ว่าเข้าชื่อ อาจไม่ตอบแบบนั้นก็ได้ วันหนึ่งผมเจอบิ๊กจ๊อด ผมก็บอกว่าพี่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าพี่สั่งเขาอย่างไร ทำไมไม่มาบอกผมก่อน บิ๊กจ๊อดก็ตบหลังพร้อมกับบอกว่า เออ แล้วไป ผมถือว่าบิ๊กจ๊อดเป็นนักเลง น่านับถือ ไม่เคียดแค้น ไม่อาฆาต” ประธาน กรธ.กล่าว
    วันเดียวกันนี้  พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 39 กองทัพภาคที่ 3,  พ.ต.ท.ณัฎฐวัฒน์ พ่วงพร้อม หัวหน้าตำรวจสันติบาล จ.พิษณุโลก, นายเทียมพล นนท่าปลา ปลัดอำเภอนครไทย, ร.ต.อ.มานิตย์ ล้อสินคำ รอง สวป.สภ.นครไทย พร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปพบนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร้านฮิว คอฟฟี่ ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ตามที่ได้มีการนัดหมายกันไว้เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเจรจาทำความเข้าใจ หลังจากนายนครลงรูปภาพจากกล้องวงจรปิด และโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ตอนนี้ กอ.รมน.และกองทัพภาค 3 ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 39 / สังกัดหน่วยงาน กอ.รมน. กองทัพภาคที่ 3 นำโดย พ.อ.นพดล มาที่บ้านพักของผมครับ” 
     ทั้งนี้ นายนครได้ชี้แจงถึงอุดมการณ์และเจตนารมณ์ในการทำหนังสือถึงยูเอ็น ต่อต้านการทำงานของ คสช. กับ พ.อ.นพดลและคณะอีกครั้ง ซึ่งทาง พ.อ.นพดลก็ยืนยันว่าทางสหภาพยุโรป (อียู) ได้ปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่นายนครยื่นหนังสือไปตามที่มีการเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ และสิ่งที่นายนครเรียกร้อง นั้น ทางทหารก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เคารพในความคิดของนายนคร แต่ที่มาวันนี้ต้องการชักชวนให้นายนครนำสิ่งที่คิด ที่ต้องการนำไปเสนอกับประชาชนที่จะเลือกตั้งนายนครเข้ามา ในการเลือกตั้งที่จะถึงอีกไม่กี่เดือนนี้ อะไรก็แล้วแต่ อยากให้เป็นภายในประเทศของเราเท่านั้น
ไม่มีใครคุกคาม
         ขณะที่ พ.ต.ท.ณัฎฐวัฒน์ พ่วงพร้อม หัวหน้าตำรวจสันติบาล จ.พิษณุโลก ได้สอบถามนายนครว่า ตามที่มีสื่อเขียนข่าวกันว่าถูกคุกคามนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายนครกล่าวตอบว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีผู้ใดคุกคามตน หากมีการคุกคามก็ต้องแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบทันที
         จากนั้นนายนครได้กล่าวฝาก พ.อ.นพดลไปถึงรัฐบาล คสช. องค์กรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ขอให้จัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 ก.พ.2562 และขอให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และถ้าฝ่าย คสช.รับหลักการ ก็เชื่อว่าประชาชนทุกคนพร้อมรอคอยวันเวลานั้น เพื่อให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความเป็นปกติ เดินไปสู่วิถีประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น และขอให้ฝ่าย คสช.คืนอำนาจให้กับประชาชนโดยปราศจากเงื่อนไข ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ไปที่บ้านในตัวเมืองพิษณุโลกนั้น  ตนเห็นบ้านเมืองในปัจจุบันเราสามารถพูดคุยกันได้ ไม่ควรทำแบบไร้ขื่อแป ตนเป็นคนธรรมดา ไปไหนอยู่คนเดียว ก็อยากให้ฝ่ายรัฐติดต่อมา ประสานมา ทุกอย่างเราพร้อมให้ความร่วมมือ
          เขากล่าวว่า อันไหนรับหลักการได้ก็รับ อันไหนรับหลักการไม่ได้ก็ไม่รับ แต่เป้าหมายของเราซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ที่ต้องการให้ประเทศเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการไปสู่ระบอบประชาธิปไตย อันนั้นคือจุดยืน ความมั่นคง อุดมการณ์ ที่ไม่เคยเปลี่ยน และไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยน และจะต่อสู้แนวทางนี้ตลอดไป
    ถามว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายนครตอบว่า ในเมื่อพร้อมที่จะสู้ ก็พร้อมที่จะรับทุกสถานการณ์อย่างไม่หวั่นไหว อย่างมีสติ ในเมื่อเราพูดความจริง เราก็ต้องยืนยันในความจริงทุกอย่าง หลังจากมีการพูดคุยกันในวันนี้ ตนก็ยังยืนหยัดในจุดเดิม ขอให้ คสช.คืนอำนาจให้กับประชาชนโดยปราศจากเงื่อนไข ให้มีการเลือกตั้งอย่างสุจริตในวิถีของประชาธิปไตย ส่วนในรายละเอียดอื่นๆ นั้น ก็ยังยืนยันในจุดยืน และทุกคำพูดทุกตัวอักษรที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ
         ด้าน พ.อ.นพดล ได้กล่าวกับนายนครว่า อยากจะขอให้นายนครเคารพกฎกติกาที่ตั้งไว้ เพราะแต่ละฝ่ายที่เข้ามาก็มีวัตถุประสงค์เพื่อจะแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง การเคลื่อนไหวในห้วงต่อไป อยากให้นายนครนำสิ่งที่ไม่เห็นด้วย สิ่งที่เห็นต่าง สิ่งที่อยากจะทำ นำข้อมูลนี้ไปเสนอกับประชาชนที่นายนครจะอาสาเข้ามาเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกนายนครให้เป็นตัวแทนเข้าไปเป็นปากเสียงในการแก้ไขปัญหาในสิ่งที่นายนครคิดอยู่ ว่าจะทำสิ่งใดให้กับประเทศชาติ เพราะทางเราไม่อยากให้เอาประเทศชาติเราไปแขวนไว้กับต่างประเทศ เพราะว่าอยากให้เราเดินไปด้วยกัน ตามกรอบกติกาที่รัฐบาลทำมาแล้ว และสิ่งที่พวกของนายนครจะสานต่อ     
    "อยากให้ประชาชนเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วเดินไปด้วยกัน ทางทหารเข้ามาแก้ในเรื่องความแตกแยก ความสงบ และสามารถทำได้แล้ว จากนี้ก็คงจะต้องให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาสานต่อ เพื่อให้ประเทศชาติของเราไม่เดินถอยหลัง" พ.อ.นพดลกล่าว
    ภายหลังการเจรจาสิ้นสุด นายนครและ พ.อ.นพดล ก็ได้จับมือกันเป็นสัญญาใจที่ตกลงกัน
อยากเลือกตั้งยำเฌอปราง
    นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์ข้อความ "ว่าด้วยเฌอปรางที่เข้าไปรับงานช่วยโปรโมต คสช." ลงในเฟซบุ๊ก  Rangsiman Rome ระบุว่า "อันที่จริง ตอนแรกว่าจะไม่พูดอะไรในประเด็นนี้ เพราะไม่ได้นิยมชมชอบอะไรใน BNK รู้สึกเฉยๆ มาโดยตลอด จนเห็นบทความของ genonline ว่าด้วย Internet Bully กรณีเฌอปราง ซึ่งพูดพาดพิงถึงผม เลยอยากแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้เสียหน่อย
    1.อย่างที่เรารู้กัน ว่าระบอบของ คสช. คือระบอบเผด็จการ เป็นระบอบที่ได้มาจากการยึดอำนาจ จนส่งผลให้บรรดาสิทธิต่างๆ ของประชาชนถูกกระเทือน เราได้เห็นการคุกคาม การดำเนินคดีต่างๆ มากมายในศาลทหารและศาลพลเรือน ย่อมเป็นสิ่งที่รู้ทั่วไปว่าระบอบการปกครองที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้รับการยอมรับ ขนาดที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์เองก็ยังยอมรับว่าตัวเองมาอย่างไม่ถูกต้อง นี่ยังไม่นับว่าความไม่ถูกต้องเหล่านี้ยังมีแง่มุมอื่นๆ ที่เกี่ยวพันกับการทุจริตคอร์รัปชัน ตลอดจนความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบัน
    2.ผมไม่คาดหวังว่าคนรุ่นใหม่ หรือคนทั่วๆ ไป จะต้องมี spirit ทางการเมืองในระดับที่เท่าเทียมกันทุกคน เราต่างรู้ดีว่าที่ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ ก็เพราะ spirit ของสังคมไทยโดยรวมยังห่างไกลจากจุดที่จะออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกมาก ดังนั้นความคาดหวังต่อคนแต่ละคนในเรื่องนี้ ก็ต้องพิจารณาถึงฐานะ การศึกษา อายุด้วย ว่าเราจะเรียกร้อง spirit ในเรื่องนี้มากแค่ไหน
    3.อย่างคนที่มีการศึกษา อายุเกิน 20 ปี กำลังศึกษาในชั้นมหาวิทยาลัย การจะคาดหวังกับคนที่อยู่ในสถานะเช่นนี้ ย่อมมีความแตกต่างกับคนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ที่เรียนอยู่เพียงชั้น ม.2 ผมคิดว่าสำหรับคนที่เรียน และมีอายุที่มากกว่า ย่อมถูกคาดหวังความรู้สึกนึกคิดมากกว่าเป็นธรรมดา ยิ่งเมื่อพิจารณาต่อไปว่า เฌอปรางเองเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ บรรลุนิติภาวะแล้ว ความคาดหวังที่จะเข้าใจสังคม (อย่างน้อยในระดับนึง) ย่อมมีมากกว่าเด็กอายุ 14 ปี จึงมีมากกว่าเป็นธรรมดา ซึ่งส่วนตัวผมเอง กับคนที่เรียนมหาวิทยาลัย ผมจะเรียกร้องต่อคนเหล่านี้มากเป็นพิเศษ เพราะคุณควรรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยิ่งหากนับต่อไปว่าเฌอปรางเองไม่ใช่นิสิตนักศึกษาธรรมดา หากแต่มีโอกาสสัมพันธ์อยู่ในโลกที่มีความสำคัญทางธุรกิจ และต้องรับแรงกดดันมากเป็นพิเศษ เฌอปรางจึงต้องมีรู้ความเข้าใจ รู้ว่าอะไรเป็นอะไรมากกว่าคนอื่นด้วย ความคาดหวังแบบนี้ หากจะเกิดขึ้น ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไร ดังนั้นผมคิดว่าการเรียกร้องให้เฌอปรางไม่เข้าไปเกลือกกลั้วกับอำนาจเผด็จการ โดยใช้ความคาดหวังที่มากกว่าปกติทั่วไป จึงไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร อย่างน้อยๆ เราสามารถพูดได้ว่า เฌอปรางรู้แน่ๆ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำกำลังส่งเสริมภาพลักษณ์ของเผด็จการอยู่
    4.บางคนอาจจะบอกว่า แล้วเฌอปรางจะมีทางเลือกอะไร เขาก็ต้องรับงานบริษัทที่เป็นเจ้านายของเขาอยู่ดี เรื่องนี้ผมเข้าใจ และมีความเห็นใจเฌอปราง แต่ผมก็เห็นว่า เฌอปรางไม่ใช่ และไม่ควรทำตัวเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิด เฌอปรางย่อมรู้ดีว่าอะไรถูกอะไรผิด เฌอปรางย่อมรู้ว่าการเข้าไปมีบทบาทช่วยโปรโมตรัฐบาลเผด็จการย่อมได้รับผลประโยชน์อื่นๆ ตามมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นในแง่นี้เฌอปรางเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมกับ คสช.ด้วย ซึ่งหากเฌอปรางรู้สึกไม่อยากรับงานนี้ เฌอปรางก็จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กับตัวบริษัทที่เป็นนายจ้างของตัวเองด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เหล่าโอตะต่อสู้กับบริษัทของคุณเพียงลำพัง ผมเชื่อว่าหากเฌอปรางยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เหล่าโอตะที่เป็นแฟนคลับของคุณย่อมสนับสนุนคุณต่อไป เพราะเหล่าโอตะเขาชอบในตัว Member ไม่ใช่บริษัทหรอก ผมเชื่อจริงๆว่าเหล่าโอตะพร้อมจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะยังคงเป็นไอดอลหรือไม่ก็ตาม
    5.สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าจะไม่เห็นเฌอปรางถ่ายรายการของ คสช.อีกต่อไป การเข้าร่วมกับเผด็จการในวันนี้ของคุณจะเป็นตราบาปสำหรับตัวคุณเอง คุณยังต้องอยู่ในประเทศนี้อีกนาน จุดประสงค์ที่ผมตั้งสเตตัสนี้ ส่วนหนึ่งอยาก Empower ให้เฌอปรางยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผมรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่เห็นคนรุ่นพวกเราต้องไปรับใช้เผด็จการ เราต่างรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก และสิ่งที่ผิด ผมหวังว่าในฐานะที่อยู่ร่วมรุ่นกับเฌอปราง ไม่อยากเห็นเฌอปรางผิดพลาดไปมากกว่านี้ อย่าให้ประวัติศาสตร์ต้องจดจำวงไอดอลของเมืองไทยกลายเป็นกระบอกเสียงของรัฐเผด็จการเลย หวังว่าสเตตัสนี้เฌอปรางจะได้อ่าน".
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"