หมายจับพีทโป๊ะแตก ‘ลวงโลก’หวย90ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

  "พีท โป๊ะแตก" สารภาพลวงโลกหวย 90 ล้าน อ้างแค่เล่นสนุกไม่คิดจะสนั่นเมือง ก่อนล่องหน  ศาลสมุทรสาครอนุมัติหมายจับทันควัน "เทพโจ๊ก" จัดให้ 3 ข้อหาหนัก "อัจฉริยะ" แฉทำเป็นขบวนการ ยี่ปั๊วคอกวัวอยู่เบื้องหลัง อ้างถูกโทร.ขู่เพราะกระทบกับโควตาลอตเตอรี่ อัยการแจงคุกรำไร

    เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.สมชาย ขอค้า รอง ผกก.สส.สภ.โคกขาม พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โคกขาม และ สืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ได้เดินทางมาที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาเอกชัย ต.โคกขาม อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร บริเวณแผงขายลอตเตอรี่ของ นายธนวรรธน์ หรือพีท คำแหงพล อายุ 35 ปี พ่อค้าขายลอตเตอรี่แผงหวย 90 ล้านบาท เพื่อนำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.โคกขาม เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วพบว่านายธนวรรธน์ไม่ได้ขายหวย 90 ล้านบาท และไม่มีผู้ที่ถูกรางวัลจริง 
    แต่ปรากฏว่า เมื่อมาถึงแล้วร้านขายยังคงปิดเงียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปที่บ้านพักของนายพีท ภายในหมู่บ้านพฤกษา 42 เลขที่ 52/8 หมู่ที่ 4 ตำบลนาดี อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร พบว่าปิดบ้านเงียบ มีเพียงรถเก๋งยี่ห้อคัมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฌธ 2265 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่หน้าบ้าน
    ทั้งนี้ ช่วงเช้าของวันที่ 8 กันยายน เวลาประมาณ 06.00 น. คนสนิทของนายพีทได้โทร.มาสารภาพความจริงที่เกิดขึ้นให้ฟัง โดยมีคลิปเสียงสารภาพความจริงทั้งน้ำตาของนายพีทยืนยันด้วย ในคลิปนายพีทได้เล่าว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมานั้น หลังจากที่หวยออกแล้ว ตนเองก็นึกสนุก ดัดแปลงเลขข้างหน้า จากนั้นก็เอามาโชว์เล่นๆ แต่ปรากฏว่ามีคนถ่ายรูปแล้วนำไปโพสต์ โดยตนเองไม่ได้เป็นคนโพสต์ แล้วก็มีการส่งไลน์ต่อๆ กันไป จนกลายเป็นข่าวลือสนั่นเมืองมหาชัย ทั้งนี้ ตนเองก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงปล่อยเลยตามเลย และตามน้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น และเครียดที่ทั้งถูกจับผิดจากเพจดัง อีกทั้งยังจะถูกตำรวจจับตัวด้วย
     พ.ต.ท.สมชายบอกว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวนายธนวรรธน์เพื่อนำไปสอบปากคำ ก่อนที่จะมีการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นก็คือการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และการดัดแปลงเอกสาร ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องมีการสอบปากคำให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน นอกจากนี้ยังจะได้เชิญพยานบุคคลที่อยู่แวดล้อมไปสอบปากคำเพิ่มเติมอีกด้วย
    ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ละออ ผกก.สภ.โคกขาม เรื่องการขออนุมัติหมายจับนายพีท  เนื่องจากเป็นการหลอกลวงประชาชน ทั้งนี้ อยากขอบคุณสื่อมวลชนที่คอยตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ และนำข้อมูลต่างๆ มาให้ตน หลังจากที่ได้รับข้อมูล ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที ขณะนี้ยังตามตัวนายพีทไม่พบ และขอให้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถ้าไม่มามอบตัว เจ้าหน้าที่ก็จะตามตัวให้เจอในวันนี้ให้ได้
จัดไป 3 ข้อหา
     รอง ผบช.ทท.กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีการประสานไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อเอาเอกสารที่มีการแก้ไขและมีการเพิ่มเติมตกแต่งให้ทางกองสลากตรวจสอบดู ขณะนี้คงต้องรอผลการตรวจสอบก่อน แต่ประเด็นหลักที่เห็นชัดเจนในเรื่องของการฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากเจ้าตัวมีเจตนาที่จะอำพราง เพื่อจะให้ตัวเองขายของดีและมีรายได้มากขึ้น 
    ความผิดชัดเจนคือ 1.การปลอมเอกสาร เพราะเอกสารสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นเอกสารสิทธิ ถ้าทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีการยืนยันมา ก็ต้องดำเนินการเรื่องของการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ 2.ฉ้อโกงประชาชน 3.ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีความผิด 3 ส่วนที่เห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้ ฝากไปถึงประชาชนว่าอย่าเอาเป็นแบบอย่าง
    ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันเสาร์ ศาลจังหวัดสมุทรสาคร อนุมัติหมายจับนายธนวรรธน์ ในข้อหาโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท 
    ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ มีนางบุญเรียง ดอกกระโทก หนึ่งในผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีดังกล่าว หลังนายพีทไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับนางบุญเรียง ที่สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน แต่ยังไม่ยอมจ่ายเงินค่าซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลให้นางบุญเรียง เป็นเงินกว่า 210,000 บาท โดยทางเจ้าหน้าที่รับลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ที่เกิดเหตุ
    ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งเป็นผู้เปิดโปงเรื่องนี้กล่าวว่า เป็นการกุเรื่องเพื่อผลประโยชน์ทางการตลาด โดยมีการวางแผนเป็นขั้นตอน ไม่ใช่การไม่ตั้งใจทำ หรือไม่ตั้งใจปล่อยให้คนอื่นเอาเรื่องมาเผยแพร่ในโซเชียลฯ  
    เขากล่าวว่า ที่ชมรมออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ เนื่องจากเห็นตั้งแต่ออกมาพูดทางแอปพลิเคชันไลน์แล้วว่า เซอร์ไพรส์ เป็นเรื่องผิดปกติ ที่แสดงภาพลอตเตอรี่มาโชว์ เห็นเลข 7 มีการตัดแปะสี่เหลี่ยมเล็กๆ ลายน้ำเส้นไม่เท่ากัน แม้นายพีทไม่สารภาพ เราก็มีหลักฐาน เพราะมีพลเมืองดีส่งมาให้  
    นายอัจฉริยะกล่าวว่า อยากให้เขาสำนึกจริงๆ ไม่ใช่จนมุมด้วยหลักฐาน คนเราผิดแล้วต้องสำนึก สังคมถึงให้อภัย ไม่เช่นนั้นจะเจอคดีละ 5 ปี ในฐานฉ้อโกงประชาชน ทั้งผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่นำข้อมูลเป็นเท็จเผยแพร่ เรื่องนี้มีตัวการใหญ่ เป็นขบวนการกุเรื่องอยู่เบื้องหลังหวย 90 ล้าน มีการวางแผนเป็นขั้นตอน ไม่ใช่ไม่ตั้งใจ 
    "เขาหวังมาทำตลาด มียี่ปั๊วโทร.มาขู่ผมเมื่อวันที่ 7 กันยายน ขู่ว่าทำเรื่องนี้กระทบกับโควตาลอตเตอรี่ ถ้าขยายความว่า พีททำแบบนี้ จะแฉถึงขบวนการยี่ปั๊วแถวคอกวัวได้ ตำรวจต้องสอบไปให้ถึง” 
    นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้ความเห็นทางกฎหมายในเรื่องนี้ว่า เอกสารสิทธิหมายความว่า เอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ ผู้ที่ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลถือว่าเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลตามที่กำหนดไว้ และสามารถนำเอาสลากที่ถูกรางวัลไปขึ้นเงินได้ สลากกินแบ่งรัฐบาลจึงถือเป็นเอกสารสิทธิตามกฎหมาย  
ปลอมลอตเตอรี่คุก 5 ปี
    ดังนั้น การกระทำของนายพีทจึงอาจเป็นความผิดในหลายฐานความผิด ได้แก่ ความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท และความผิดฐานอ้างเอกสารสิทธิที่ตนเองทำปลอมขึ้นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท แต่เนื่องจากผู้ปลอมเอกสารกับผู้อ้างเอกสารปลอมเป็นบุคคลคนเดียวกัน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จึงให้ลงโทษเฉพาะความผิดฐานอ้างเอกสารปลอมแต่เพียงอย่างเดียว
    นอกจากนี้ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่านายพีทเป็นผู้นำข้อมูลเท็จในเรื่องที่มีผู้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 จำนวน 90 ล้านบาท เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ การกระทำของนายพีทก็อาจจะเป็นความผิดฐานนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยทุจริต โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนด้วย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    เรื่องนี้บางคนอาจคิดว่าไม่เป็นอะไร เป็นแค่การกุข่าว สร้างเรื่องเท็จขึ้นมาเพื่อหวังประโยชน์บางอย่างเท่านั้น แต่ไม่ได้ตระหนักว่ามีความผิดตามกฎหมายจากการสร้างเรื่องเท็จตามมาด้วย การที่จะทำอะไรจึงควรต้องใช้ความระมัดระวังไตร่ตรองให้ดีก่อน
    ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ในยุคของโซเชียลนิยม การใช้สื่อโซเชียลก็ต้องมีกฎหมายกำกับ การเล่นอะไรคึกคะนอง ไม่ระมัดระวังกฎหมาย จะเป็นบทเรียนที่ไม่น่าจดจำ อีกหนึ่งเรื่องตัวอย่างที่ถ้ามีผู้เสียหายไปแจ้งความว่าถูกหลอกลวง หรือเสียหาย เพราะการกระทำของนายพีท เช่น กองสลาก พนักงานสอบสวนก็จะเข้าสอบสวนให้ได้ความจริง และเมื่อสอบสวนแล้วก็จะนำไปสู่การทำสำนวนทำความเห็นควรสั่งฟ้องหรือควรสั่งไม่ฟ้องส่งให้พนักงานอัยการ พนักงานอัยการเมื่อได้รับสำนวนมาแล้วก็จะมาพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องอย่างไรตามสำนวนการสอบสวนที่เสร็จสิ้นแล้ว ตามข่าวที่ปรากฏ อาจยังสรุปอะไรไม่ได้ชัดเจนที่สุดจนกว่าจะได้มีการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนแล้ว จึงอยากให้คนรุ่นใหม่ระมัดระวังในการใช้โซเชียล ระมัดระวังไม่ทำอะไรที่เป็นการเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย จะนำมาซึ่งความเดือดร้อนกับทั้งตนและครอบครัว
กองสลากจ่อดำเนินคดี
     ซึ่งการกระทำของนายพีทดังกล่าว อาจเป็นความผิด 3 ฐาน ได้แก่ ฉ้อโกง ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนจะเทียบเคียงกับคดีของนายสมพงษ์ เลือดทหาร คนขับแท็กซี่ที่อ้างว่าเก็บกระเป๋าเงิน 20 ล้านบาทของนักธุรกิจต่างชาติได้หรือไม่นั้น ต้องดูรายละเอียด อย่างในคดีที่นายสมพงษ์โดนฉ้อโกงประชาชน เพราะมีการรับเงินรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ ด้วย ซึ่งคดีนายสมพงษ์ศาลได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2540 ให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน แต่ด้วยความประพฤติที่เรียบร้อย เป็นนักโทษชั้นดี ทำให้นายสมพงษ์ติดคุกเพียง 1 ปี 2 เดือน และศาลยังพิพากษาให้คืนเงินรางวัลที่ได้รับมาจำนวนเงินประมาณ 200,500 บาท
    ส่วนคดีที่เกี่ยวกับเรื่องการปลอมแปลงสลากกินแบ่งนี้ ก็จะขอยกตัวอย่างคำพิพากษาที่ 1835/2533 จำเลยนำสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีการแก้ไขหมายเลขหลักร้อยจากหมายเลข "8" เป็นหมายเลข "0" มาขอรับรางวัลจากผู้เสียหาย โดยสลากกินแบ่งดังกล่าวมีร่องรอยการแก้ไขสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นการกระทำความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม แต่เนื่องจากการกระทำของจำเลยเป็นเพียงเพื่อต้องการจะได้เงินรางวัลเลขท้าย ซึ่งเป็นเงินจำนวนเล็กน้อย มิได้เป็นเรื่องร้ายแรงนัก ทั้งจำเลยกระทำผิดในขณะที่อายุเพียง 22 ปี เป็นครั้งแรก และขณะยังเป็นนักศึกษาอยู่ สมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัว ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป โดย ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้
     นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานสลากฯ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงว่ามีส่วนที่เกี่ยวข้อง หรือทำให้สำนักงานสลากฯ เสียหายหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการต่อ เนื่องจากปัจจุบันผู้ตัดต่อยังไม่มีการนำสลากมาขึ้นรางวัล และยังไม่แน่ใจว่ามีผลกระทบต่อสำนักงานสลากฯ ในส่วนใดบ้าง
          ยกเว้นถ้ามีการปลอมแปลงแล้วขึ้นรางวัล ก็เป็นอำนาจของสำนักงานสลากฯ ที่แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจฐานปลอมแปลงสลากได้เลย ส่วนความผิดกรณีปลอมแปลงลอตเตอรี่ และโพสต์ลงในสื่อสังคมออนไลน์ จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่นั้น จะต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้สอบสวนก่อน
          “ตามหลักแล้วหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์ได้ว่าผู้ขายสลาก ขายสลากรวมชุดจริง และทราบชัดว่าข้อมูลของชุดลอตเตอรี่เป็นเลขหรือชุดอะไร สำนักงานสลากฯก็พร้อมนำข้อมูลไปตรวจสอบต่อว่าลอตเตอรี่นั้นรับมาจากแหล่งใด หรือใครเป็นเจ้าของสลาก เพื่อนำมาลงโทษ ซึ่งมีโทษสูงสุดตัดสิทธิ์โควตาหรือตัดสิทธิ์การลงทะเบียนจองซื้อพร้อมขึ้นบัญชีดำตลอดชีวิต รวมถึงถ้าพบขายสลากเกินราคาใบ 80 บาท ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีจับกุมได้เลย โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายธนวรรธน์กล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"