ไม่รู้ว่าไผ-เป็นไผ???


เพิ่มเพื่อน    

      ตกลงก็เลยยังไม่รู้ว่า...เรื่องของ อาจารย์ยักษ์ หรือท่านรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร นั้น เอาเข้าจริงๆ แล้ว มันไปไง-มาไงกันแน่!!! จะออก-ไม่ออก ถูกปรับ-ไม่ถูกปรับ แม้แต่ตัว อาจารย์ยักษ์ เอง ดูๆ ท่านก็ยังงงๆ อยู่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ข่าวคราวที่ว่า สามารถนำไป ตีกิน สร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ได้เป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อถูกกระพือผ่านโซเชียลมีเดีย แบบชนิดประกายไฟไหม้ลามทุ่ง...

                                                       ----------------------------------------------------------

      คือด้วยเหตุเพราะ อาจารย์ยักษ์ นั้น...โดยลักษณะอาการของท่าน คงออกจะคล้ายๆ กับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ อย่าง พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อะไรประมาณนั้น คือเป็นผู้ที่มี ต้นทุนทางสังคม สูงเอามากๆ เมื่อไหร่ที่เข้ามาเป็นมือ เป็นไม้ ให้กับรัฐบาล รัฐบาลก็พลอยได้ เครดิต ตามไปด้วย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รัฐบาลดันใช้เครื่องมือ เครื่องไม้ เหล่านี้ แบบไม่ถูกวัตถุประสงค์จำนงหมาย ใช้แบบติดๆ-ขัดๆ เอาสากกะเบือมาใช้แทนตะหลิว หรือเอาตะหลิวมาตำครกแทนสากกะเบือ...เครดิต ก็อาจแปรสภาพกลายเป็น เครด่าง เอาง่ายๆ...

                                                      --------------------------------------------------------

      อย่างครั้งที่คิดจะโยกพันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ไปนั่ง ตบยุง แถวๆ ทำเนียบรัฐบาล ไม่ต้องมาวุ่นๆ กับการตั้งร้าน อัดกรอบพระ อีกต่อไปแล้ว ครั้งนั้น...ก็เล่นเอารัฐบาลทั้งรัฐบาล เสียรังวัด กันไปมิใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นรองนายกฯ วิษณุ เครืองอม หรือรัฐมนตรีจากหน่วยข่าวกรอง อย่างรัฐมนตรี สุวพันธุ์ ต่างก็ถูกซุบซิบ นินทา หนักซะยิ่งกว่าเอาตูดไปครูดหิน แม้ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง-ไม่เกี่ยวข้อง มีเหตุผลเบื้องหลังความเป็นมาเช่นไรก็ตามแต่ จนกระทั่งเมื่อพันตำรวจโท พงศ์พร ท่านกลับมานั่ง อัดกรอบพระ อยู่ที่เก่านั่นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงค่อยๆจางหาย ไม่ต้องริดสีดวงกำเริบอีกต่อไป...

                                                          ------------------------------------------------------

      ส่วนกรณี อาจารย์ยักษ์ นั้น...แม้ว่า ข่าวลือ เรื่องการออก-ไม่ออก ปรับ-ไม่ปรับ น่าจะเป็นข่าวที่แทบหา สาระ ใดๆ แทบไม่ได้ คือไม่ได้มีที่มา-ที่ไป ไม่ได้มีเงื่อนไข เหตุปัจจัย หรือมี กลิ่น ใดๆ มารองรับเอาไว้เลยแม้แต่น้อย แต่เผอิญว่า...มันดันมีเรื่องพาราค้ง พาราควอต อะไรต่อมิอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง พัวพัน อย่างมิอาจปฏิเสธได้ คือขณะที่หน่วยงานของรัฐบางหน่วย ออกจะเห็นอก เห็นใจ พวก สารพิษ อยู่บ้างเล็กน้อย แต่ตัวของ อาจารย์ยักษ์ กลับต้องแบกรับภาระในการฟื้นฟูดิน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูเกษตรอินทรีย์ อันถือเป็นงานใหญ่ งานช้าง งานระดับอุดมการณ์ อุดมคติ ที่ต้องเดินหน้าหาทาง ขจัดสารพิษ ให้หมดเกลี้ยงไปจากประเทศไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าในวันหนึ่ง วันใด ให้จงได้...

                                                             --------------------------------------------------------

      ความแตกต่างเหล่านี้นี่เอง...ที่มันเลยทำให้ ข่าวลือ กลายเป็นข่าวที่ถูกนำไปนินทา กาเล ได้แบบเต็มปาก-เต็มคำ หรือได้แบบประกายไฟไหม้ลามทุ่ง ชนิดไม่ว่า อาจารย์ยักษ์ จะอยู่-ไม่อยู่ ปรับ-ไม่ปรับ แต่รัฐบาลนั้น...ก็อาจ เสียรังวัด ไปแล้วไม่มากก็น้อย ยิ่งถูกนินทา ว่ากล่าว มาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ว่าเป็นรัฐบาลที่สร้างความเจริญเติบโตให้กับประเทศ ตามแบบฉบับ สองเจริญ เป็นหลัก คือ เจริญกับแกล้ม กับ เจริญเหล้า จนจีดีพีที่โตเอาๆ ถูกกล่าวหาว่าเป็นการโตแบบ ถั่วงอก โตแบบ หัวโต-ตัวลีบ หรือแบบ รวยกระจุก-จนกระจาย ไปโน่นเลย...

                                                                -------------------------------------------------------

      อันนี้...ก็เลยออกจะ ลำบาก มิใช่น้อย โดยเฉพาะสำหรับช่วงใกล้สิ้นสุด โรดแมป และอาจต้อง โรดหมับ อีกต่อไป เพราะเรื่องของเกษตรอินทรีย์ เรื่องของการฟื้นฟูดิน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ฯลฯ นั้น มันคงไม่ใช่เรื่องที่จะหมุบๆหมับๆ เขาจับ เขาจี๋ กันได้ง่ายๆ ด้วยเหตุเพราะมันเป็นเรื่องของแนวทาง ทิศทาง ในระดับโลกเอาเลยก็ว่าได้ เป็นเรื่องของมุมมองในการพัฒนา หรือเป็นเรื่องของ ยุทธศาสตร์ ที่จะต้องมองกันยาวๆ มองให้ลึกๆ ไม่ใช่แค่จะเขียนไป-เขียนมา หรือเขียนอะไรเอาไว้ก็ย่อมได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้ปฏิบัติ นั่นแหละ ว่าจะเป็นใครกันแน่!!!

                                                                   --------------------------------------------------------

      และถ้าหากผู้ที่ต้องประคับประคอง ยุทธศาสตร์ ให้ต่อเนื่อง ยาวนาน ไปเป็นสิบๆ ปี หรือ 20 ปีเป็นอย่างน้อย จนหนีไม่พ้นต้อง โรดหมับ หลังผ่านพ้น โรดแมป ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ดันออกอาการอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ได้พูด ไม่ได้แสดงอะไรออกมาให้แน่ชัด ว่าคิดยังไงกับเรื่องสารพิษ สารไม่พิษเหล่านี้ โดยลักษณะอาการมันก็เลยคล้ายๆ กับช่วงที่ รองฯ วิษณุ เครืองอม หรือท่านรัฐมนตรี สุวพันธุ์ ท่านหันไป อมสากกะเบือ หลังจากย้ายผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไป ตบยุง ที่ทำเนียบรัฐบาลนั่นเอง คือออกไปทางอึมๆ ครึมๆ ชนิดแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไผเป็นไผ กันแน่...

                                                                    ---------------------------------------------------------

      สรุปรวมความแล้ว...แม้ว่าเรื่องนี้มันจะออกไปทาง ข่าวลือ ล้วนๆ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่จะปล่อยเลย ตามเลย ปล่อยให้นินทา กาเล กันไปตามเรื่อง ตามราว ไม่น่าจะได้ อย่างน้อย...ไม่ว่า อาจารย์ยักษ์ ท่านจะอยู่-ไม่อยู่ หรือคิดจะอยู่อีกกี่ปีก็แล้วแต่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ ยุทธศาสตร์ชาติ ไปอีกสิบปี ยี่สิบปี เป็นอย่างน้อย คงต้องพูดอะไรให้มันชัดๆ ขึ้นมามั่ง ว่าประเทศไทยในอนาคตข้างหน้า จะเป็นประเทศที่ต้องอยู่ร่วมกับสารพิษ หรือเป็นประเทศปลอดสารพิษ หรือไม่ อย่างไร...

                                                                   ---------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก H. Jackson Brown, Jr. ... You can get by on charm for about 15 minutes. After that, you’d better know something. – คุณอาจใช้เสน่ห์เอาตัวรอดได้ราว 15 นาที แต่หลังจากนั้น...คงต้องแสดงภูมิรู้อะไรบ้าง...

                                                                    -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"