"หมอธี"ไม่หวั่นไหว กระแสต้านการถ่ายโอนอำนาจแต่งตั้งครูให้ศธจ. ลั่นยืนหยัดแก้กม. มาตรา53 ให้เสร็จ


เพิ่มเพื่อน    

27 ก.ย.61-ที่โรงแรมไมด้า แกรนด์ทวราวดี จ.นครปฐม - สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดการประชุมหารือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ โดยมีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป้นประธานเปิดงาน พร้อมทั้งกล่าวนโยบายการจัดการศึกษาสู่การปฏิบัติ ตอนหนึ่งว่า การที่เราจะสามารถยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้นได้ จะต้องเริ่มจากการประเมินตนเองที่เข้มข้นและสามารถตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกได้ ในที่นี้ก็คือการประกันคุณภาพการศึกษารอบใหม่ ซึ่งสถานศึกษาทุกแห่งจะต้องทำให้ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดหากนโยบายการสั่งมาจากข้างบนแต่ข้างบนยังทำไม่เป็นเลยก็ไม่ได้ ดังนั้นตนจึงให้ทุกสำนักงานของ สพฐ.และทุก สพท. จัดทำแบบประเมินตนเองมา 3 ข้อ โดยการประเมินจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายคุณภาพการศึกษาในอนาคตจะเป็นอย่างไรจากนั้นและมาดูผลประเมินว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้หรือไม่ เช่น ระดับมาตรฐานโรงเรียนที่อยู่ในปัจจุบัน แผนพัฒนาโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ฝากเป็นการบ้านให้ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) ช่วยดำเนินการด้วย เพราะเรื่องการประเมินตนเองของสพฐ.และ สพท. ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่เป็นรูปธรรม อีกทั้งยังเป็นการลดภาระงานครูและงานกระดาษให้หมดไป โดยที่ไม่ต้องมานั่งประเมินให้เกิดความซ้ำซ้อนอีก

“ผมรู้สึกดีใจที่ได้มางานในครั้งนี้ ซึ่งหากคิดย้อนไปสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีกระแสข่าวการออกมาต่อต้านที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น ผมก็คิดว่าจะไม่มา แต่สุดท้ายผมก็ต้องมา เพราะพวกท่านเป็นพลังที่สำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาให้สำเร็จ และผอ.สพท.ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เอาด้วยกับวิธีเด็กๆ ที่ไม่ได้ดั่งใจเรื่องไหนก็ออกมาประท้วงในขณะนี้บ้านเมืองเรามีกฎหมายชัดเจนว่าจะต้องทำอย่างไร "
รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า อีกทั้งเรื่องแก้ไขมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ที่คำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ 19/2560 ข้อ 13 ระบุให้อำนาจของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เป็นผู้ทำหน้าที่ตามมาตรา 53 แทน สพท. และสถานศึกษานั้น ได้เสนอแก้ไขไปแล้ว และมันจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่จะมากดดันให้ใช่มาตรา 44 จัดการกับทุกเรื่องคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นใครจะเป็นผู้นำก่อหวอดก็อย่าไปทำตาม เพราะทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายบ้านเมือง ส่วนใครที่เริ่มจะเบื่อตนแล้ว ก็ขอให้อดทนทำงานกับอีกนิด เพราะตนก็อยู่ในตำแหน่งอีกไม่นานเดี๋ยวก็เข้าสู่การเลือกตั้งและตนจะไม่มายุ่ง แต่จะคอยดูแลอยู่ห่างๆ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"