"อรรถวิชช์" การันตีไม่มีศึกภายในพรรคประชาธิปัตย์


เพิ่มเพื่อน    


"อรรถวิชช์" ยันไม่มีศึกภายในพรรค ชี้ 3 แคนดิเดท 3 คน จับมือสัญญาใจยอมรับผลออกจากพรรค แจง ปชป.-รปช. ไม่ได้เป็นพรรคพี่น้อง ย้ำจุดยืนไม่เอานายกฯคนนอก

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 61 ที่คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอรรถวิชช์  สุวรรณภักดี อดีตส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า บรรยากาศการเลือกหัวหน้าพรรคเป็นไปด้วยความเข้มข้น ซึ่งคนนอกพรรคอาจจะมองเป็นความขัดแย้งแต่ยืนยันได้ว่าไม่มีความขัดแย้งระหว่าง 3 คนที่เป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค อีกทั้ง 3 คน ยังจับมือกันแล้วว่าไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครย้ายออกจากพรรค ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคโดยตรง ขณะที่ในวันที่ 15 ต.ค. จะเป็นวันสุดท้ายในการรับสมัครสมาชิกพรรคและจะมีโอกาสเลือกหัวหน้าพรรค ส่วนในวันโหวตหัวหน้าพรรคที่ให้โหวตผ่านอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับคุณสมบัติหัวหน้าพรรคต้องนำพาประเทศได้โดยสถานการณ์ทุกวันนี้ โดยเฉพ่ะการที่เราจะเป็นประธานที่ประชุมอาเซียนในปีหน้า นายกรัฐมนตรีจึงมีความสำคัญที่ต้องมีศักยภาพในการเชิญแขกบ้านแขกเมืองด้วย

เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่ ต้องเป็นผู้นำพาพรรคจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกฯใช่หรือไม่ นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า แน่นอนเพราะประชาธิปัตย์ยืนยันชัดเจนว่าการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้มีผลจริงๆไม่ใช่มีผลแค่ในพรรค แต่มีผลต่อประเทศและทั้งอาเซียน

ส่วนกรณีที่อดีตส.ส.หลายคนยังไม่เลือกข้างว่าหรือตัดสินใจเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรค จะเป็นปัจจัยในการหยั่งเสียงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ว่า ไม่ว่าจะเป็นอดีตส.ส. หรือรัฐมนตรีก็มีเสียงเท่ากับสมาชิกพรรคทุกคน และไม่ว่าสมาชิกใหม่หรือเก่ามีเสียงเท่ากันหมด อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะมีการประชุมใหญ่ของพรรคทั้ง 3 คนได้มีการตกลงกันว่า หากใครชนะการหยั่งเสียงแล้วอีก 2 ตัวก็จะถอนตัว ขณะเดียวกันต่างคนก็ต่างมีกองเชียร์เป็นของตัวเอง จึงเชื่อว่าต่างคนต่างต้องโชว์ศักยภาพของตัวเองในครั้งนี้ ย้ำว่าเป็นบรรยากาศการแข่งขันจริงๆไม่มีนายทุน ทุกคนจึงมีสิทธิเป็นหัวหน้าพรรค โดยตนได้มีคนในใจแล้วว่าจะเลือกใคร แต่ตนไม่สามารถไปชี้นำใครได้ แต่ละคนก็มีข้อเด่นก็ต้องไปวัดใจกันเอง

อย่างไรก็ตาม มองว่าหากเลือกนายวรงค์ เดชกิจวิกรม ก็จะจับมือกับคสชแต่หากเลือก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะต้องต่อสู้กับ คสชนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะการจับมือกับพรรคการเมืองใด ต้องอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าพรรคไหนได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน แล้วมีนโยบายเหมือนกันกับประชาธิปัตย์ ก็สามารถรวมกันได้ แต่เรื่องนายกคนนอก ในกรณีที่เสียงของสภาได้เกินครึ่งแล้ว สวทั้ง 250 คน จากการสรรหาของคสช. มาเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเราไม่เห็นด้วย ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับนายกฯคนนอกอยู่แล้ว ของพรรคพลังประชารัฐก็เลี่ยงไม่ได้ที่ถูกมองว่าเป็นพรรคของรัฐบาลนี้ หากส่งพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา มาลงสมัครเลือกตั้ง ก็ไม่แปลกอะไร และหากนโยบายเหมือนกัน ก็สามารถเดินหน้าไปได้

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ชูความประชาธิปไตยในการเลือกหัวหน้าพรรค แต่บางพรรค แยกพรรค รุมกันตี นายอรรถวิชช์ ยืนยันว่า ประชาธิปัตย์ไม่มีสาขาพรรค เป็นเรื่องของตัวเลข ที่ต้องมานั่งคำนวณ ว่าระบบใหม่จะได้ส.ส. บัญชีรายชื่อกี่คน และส.ส.เขตกี่คน เพราะเราเล่นแบบตรงไปตรงมา ถ้าชอบใครก็เลือกคนนั้น ขณะเดียวกันแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ แตกต่างกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ตอนแรกมีท่าทีสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่ประชาธิปัตย์ยืนยันหลักการว่าหัวหน้าพรรคจะถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจะเป็นใครยังไม่รู้ ยืนยันไม่เป็นสาขาร่วมกัน เพราะเป็นพรรคที่ต่างกัน

เมื่อถามถึงกรณีนายวรงค์ออกมาเปิดเผยว่ามีผู้มีบารมีในพรรคโทรศัพท์ไปหาส.ส.ว่าหากไปเลือกอีกฝั่ง อีกฝ่ายหนึ่งจะเกิดปัญหาขึ้นได้ นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ไม่ทราบ และไม่ได้รับโทรศัพท์จากใครทั้งนั้น ต้องเข้าใจว่านายอภิสิทธิ์เป็นแชมป์การที่ทุกคนรักเป็นเรื่องธรรมดา อาจจะมีการชักชวนกันไป แต่นายวรงค์ที่มีสมาชิกทางภาคอีสาน และเหนือให้ความนิยม แต่สุดท้ายตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นหัวหน้าพรรค


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"